จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 171

ในเวลาเดียวกัน กับการแข่งขันศึกชิงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษซิงหลง ภายในมิติลับของหลินซินเยว่ก็ได้มีแขกมาเยือนเช่นกัน

ชายชราคนหนึ่งนั่งจิบชาด้วยท่าทางผ่อนคลาย เขาได้มาตามคำเชิญของเจ้าของสถานที่เพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ

หลังจากผ่านเหตุการณ์ในอดีต อ๋าวเฟิงก็ได้กลายเป็นสหายต่างวัยกับหลินซินเยว่ ทั้งคู่ต่างก็แบ่งปันข้อมูลสำคัญซึ่งกันและกัน เพื่อผลประโยชน์สำหรับแผนการในอนาคต

“ เพราะสงคราม…ทำให้ตอนนี้แดนสวรรค์ไม่สงบสุขนัก สิ่งที่น่าปวดหัวคือ มันอาจส่งผลกระทบลงมายังโลกเบื้องล่าง ” หลินซินเยว่ถอนหายใจยาว

“ นี่ไม่น่าเป็นไปได้…ตั้งแต่แดนสวรรค์โบราณล่มสลายไป ก็เกิดสงครามชิงตำแหน่งจักรพรรดิหลายครั้ง แต่เท่าที่ฉันจำได้ไม่มีครั้งไหนเกี่ยวข้องกับโลกวัตถุเลยนะ ” อ๋าวเฟิงพูดออกมาตามความเข้าใจ

เขาอยู่มานานหลายล้านปีแล้ว ย่อมเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาหลายครั้ง ทำให้มีประสบการณ์มากกว่าผู้อื่น

“ ผู้อาวุโส…คุณยังจำเรื่องนิกายจูเซียนได้ไหม ” หลินซินเยว่ถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

อ๋าวเฟิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น

“ เรื่องนี้…ถ้าฉันจำไม่ผิด คงเป็นนิกายที่ขึ้นปกครองแดนสวรรค์ได้เพียงร้อยปี ก่อนจะถูกทำลายใช่ไหม ”

เมื่อได้ยินคำตอบของอ๋าวเฟิง หลินซินเยว่ก็พยักหน้าเบาๆ จากนั้นเธอจึงเล่าเรื่องที่จ้าวเทียนได้พบมาเกี่ยวกับนิกายจูเซียนให้ผู้อาวุโสตรงหน้าฟัง

“ อืม…นี่เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน แต่ฉันก็ยังสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เธอบอกในตอนแรก เพราะนิกายนี้ได้โดนทำลายล้างไปหมดแล้วบนแดนสวรรค์ ”

“ คุณคงรู้ใช่ไหม…จ้าวเทียนเป็นผู้ข้ามกาลเวลามาจากอนาคตด้วยเคล็ดวิชาของฉัน ซึ่งสิ่งนั้นได้ส่งผลกระทบกับความทรงจำของฉันเช่นกัน มันทำให้ฉันได้รับรู้เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าอีกหนึ่งแสนปีทุกอย่าง ”

“ ดังนั้น…เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวร้ายๆ ฉันจึงเลือกลงมายังโลกมนุษย์แห่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวฉันในอดีตไม่เคยคิดจะทำมาก่อน ” หลินซินเยว่อธิบาย วันนี้เธอตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดให้อีกฝ่ายรู้โดยไม่ปิดบัง

“ เธอหมายความว่า… ”

“ ตามความทรงจำที่ฉันได้รับมา…สงครามแดนสวรรค์ครั้งนี้จะกินเวลาห้าปี ก่อนที่จักรพรรดิองค์ใหม่จะขึ้นปกครองแดนสวรรค์ทั้งหมด ”

“ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่โลกมนุษย์ได้หายไป ” หลินซินเยว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้อ๋าวเฟิงลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว

“ ห้าปี…เธอบอกว่าอีกห้าปี โลกใบนี้จะหายไปงั้นเหรอ ” อ๋าวเฟิงหลุดพูดออกมาด้วยความตกใจ

“ ใช่แล้วค่ะ…มันเป็นเวลาเดียวกับที่สมบัติชิ้นนั้นที่ถูกผู้อาวุโสผนึกเอาไว้ ปรากฏขึ้นบนเอกภพอีกครั้ง ” หลินซินเยว่พูดย้ำความคิดของอ๋าวเฟิง

“ เธอคิดว่าเรื่องนี้…เกี่ยวข้องกับนิกายจูเซียนเหรอ ” หลังจากตั้งสติได้ อ๋าวเฟิงก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

“ จากการตรวจสอบของฉัน…สงครามครั้งนี้ มีนิกายจูเซียนเป็นผู้ผลักดันอยู่เบื้องหลัง พวกเขายังไม่ได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น และใช้วิธีปลุกปั่นยุยงสำนักชั้นยอดหลายสำนัก สร้างเป็นพันธมิตร ทำสงครามชิงตำแหน่งกับจักรพรรดิเทพองค์ปัจจุบัน ”

“ และจากความทรงจำที่ฉันได้มา…ฝ่ายที่นิกายจูเซียนอยู่เบื้องหลังจะเป็นผู้แพ้ และถูกกวาดล้างจนหมดในอีกห้าปีข้างหน้า บางทีถ้าฉันเดาไม่ผิด เรื่องมันอาจจะลุกลามลงมายังโลกมนุษย์ด้วย ”

“ เพราะโลกมนุษย์แห่งนี้…คือต้นกำเนิดของนิกายจูเซียนอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีสิ่งสืบทอดของนิกายซ่อนอยู่ และผู้ฝึกตนบนโลกก็ได้รับสืบทอดวิถีเซียนที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยนิกายจูเซียน ”

“ ดังนั้น…มันจึงอาจจะเป็นสาเหตุให้ต้องถูกกำจัด ” หลินซินเยว่พูดขึ้นด้วยความกังวล

เพราะความทรงจำที่ได้มาจากอนาคต และข้อมูลเกี่ยวกับนิกายจูเซียนที่จ้าวเทียนมอบให้ ทำให้เธอตรวจสอบความเคลื่อนไหวทุกอย่างบนแดนสวรรค์อย่างละเอียด จนพอจะคาดการณ์บางอย่างออก

“ นี่มัน…เธอแน่ใจนะ ถึงแม้ว่าโลกวัตถุใบนี้จะเป็นเพียงหนึ่งในจำนวนล้านโลก ที่ก่อเกิดสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา แต่ตามกฎของจักรวาลแล้ว มันไม่สามารถถูกทำลายได้ ”

“ นี่เป็นเหตุผลที่โลกใบนี้ ถูกจำกัดพลังไว้ที่ขอบเขตปราณทิพย์หรือครึ่งก้าวเซียนนภาเท่านั้น ผู้ที่ฝ่าฝืนใช้พลังเกินขอบเขตนี้ จะถูกกฎของจักรวาลลบหายไปทันที ”

“ ถ้าต้องการจะทำลายโลกใบนี้จริงๆ…จะต้องใช้พลังในระดับเทพโลกาขึ้นไปจึงจะสามารถทำได้ ดังนั้นสิ่งที่เธอบอกมา มันไม่น่าจะเป็นไปได้ ” อ๋าวเฟิงพูดแย้งออกมาด้วยเหตุผล

แต่ถึงแม้เขาจะคิดแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ต้องทำตามอยู่ดี เพราะจ้าวเทียนเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะปกป้องโลกเอาไว้ได้

ที่จริงแล้วร่างแยกของมังกรทั้งเก้า จะสามารถเลือกผู้มีคุณสมบัติได้ร่างละคน เท่ากับในอีกห้าปีข้างหน้า จะมีผู้เข้าร่วมการทดสอบเป็นผู้สืบทอดสมบัติชิ้นนั้นถึงเก้าคน

ซึ่งผู้ที่ถูกเลือกแต่ละคนไม่ได้จำกัดแค่มนุษย์บนโลกเท่านั้น มันรวมไปถึงเผ่าพันธุ์อื่นๆ หรือผู้ที่จุติลงมาด้วย ไม่มีข้อจำกัดด้านอายุหรือขอบเขตพลัง ขอแค่มีคุณสมบัติก็เพียงพอ

เงื่อนไขนี้ทำให้จ้าวเทียนค่อนข้างเสียเปรียบ เพราะจากที่อ๋าวเฟิงรู้มา ผู้ที่มีคุณสมบัติบางคนที่ร่างแยกของเขาเลือก เป็นถึงปีศาจเฒ่าที่มีอายุหลายหมื่นปีเลยทีเดียว

ถ้าสิ่งที่หลินซินเย่วบอกมาเป็นเรื่องจริง มีเพียงต้องผลักดันให้จ้าวเทียนเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงเท่านั้น อนาคตจึงจะเปลี่ยนไปจากเดิม

เพราะถ้าไม่ใช่เพราะการย้อนเวลาของจ้าวเทียน ตอนนี้ผู้ที่ถูกเลือกของอ๋าวเฟิงคงเป็นอีกคนและอนาคตก็จะไม่เปลี่ยนแปลง

“ ตกลง…เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ไม่ว่าอย่างไรฉันจะต้องทำให้จ้าวเทียนเป็นผู้ชนะการทดสอบให้ได้ ” อ๋าวเฟิงตอบอย่างจริงจัง

“ ขอบคุณผู้อาวุโสมาก…จริงสิ ผู้อาวุโสรู้จักอักขระรูนตัวนี้ไหม ” หลินซินเยว่วาดนิ้วไปบนอากาศ

วิ้งงงง!

เส้นแสงสีทองกลายเป็นอักขระที่เคยปรากฏบนหน้าผากของหลินซูซิน ตอนที่กำลังจะสร้างร่างมนุษย์

อ๋าวเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

“ มันดูคล้ายกับ…อักขระของเผ่าภูติศักดิ์สิทธิ์สมัยแดนสวรรค์โบราณนะ แต่ฉันคงต้องกลับไปตรวจสอบอีกที เพราะเผ่าพันธุ์นี้ล่มสลายไปนานมากแล้ว ก่อนที่จะเกิดมหาสงครามขึ้นเสียอีก ”

“ คงต้องฝากผู้อาวุโสแล้ว…หากรู้อะไรเพิ่มเติม ก็รีบติดต่อฉันทันทีเลยนะคะ ” หลินซินเยว่พูดอย่างจริงจัง เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับศิษย์คนที่สามของเธอ

“ ตกลง! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน