จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 182

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลวงจีนอู๋ซิน ทำให้พวกเด็กๆที่เห็นต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว พวกเขารู้ดีถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

“ พี่สาวคะ…ไม่ต้องเป็นห่วงหนู พี่รีบหนีไปเถอะ ” ไซ่หนิงเออร์กระซิบออกมาเบาๆ เธอหันไปปลอบเด็กคนอื่นให้หยุดร้อง แล้วเดินนำพวกเขากลับไปที่แท่นพิธีอย่างกล้าหาญ เพื่อไม่ให้ผู้ที่มาช่วยพวกเธอต้องลำบากใจ

“ ฉัน… ” เซียวถิงถิงรู้สึกพูดไม่ออก เธอมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเสียใจ แม้กระทั่งในเวลาแบบนี้ เด็กคนนี้ก็ยังคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ หลังจากนั้นเธอก็เหมือนคิดอะไรได้ จึงรีบทะยานไปหาหลวงจีนอู๋ซินทันที

ท่ามกลางกองเศษหินที่แตกกระจาย หลวงจีนอู๋ซินพยุงร่างขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เขาได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย แต่ก็ไม่กระทบต่อพลังฝีมือเท่าไหร่ นับว่าอีกฝ่ายลงมือเพียงแค่ต้องการสั่งสอนเท่านั้น

“ หลวงพี่…ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ” เซียวถิงถิงถามขึ้นด้วยความรู้สึกผิด ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเธอ เหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น

“ อาตมาไม่เป็นไร…ที่สำคัญคือเด็กพวกนั้น อาตมาตั้งใจไว้แล้วว่าต้องช่วยพวกเขา เราจะปล่อยให้พวกเขาตายไปแบบนี้ไม่ได้ ” หลวงจีนอู๋ซินพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง หากเขายอมแพ้ตอนนี้ คงเป็นการทรยศต่อเจตจำนงของตัวเอง ต่อไปในภายภาคหน้าก็ไม่ต้องหวังจะบรรลุได้อีก

“ ตกลง…พวกเราไปด้วยกัน ฉันไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสพวกนั้นจะไม่เห็นแก่สำนักของพวกเรา ต่อให้ไม่สามารถขัดขวางได้อีกในอนาคต แต่ขอเพียงครั้งนี้เท่านั้น ” เซียวถิงถิงรู้ขีดจำกัดของตัวเองดี อย่างน้อยเธอขอเพียงช่วยเด็กๆกลุ่มนี้เท่านั้น

ส่วนเรื่องหลังจากนี้มันคงเกินความสามารถของพวกเธอแล้ว…

บนแท่นพิธี หลังจากที่เห็นพวกเด็กๆกลับมาจนหมดแล้ว ชายชราชุดดำก็ปล่อยธงวิญญาณแค้นออกไปอีกครั้ง

“ ช้าก่อน!...ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกเราขอเพียงชีวิตของเด็กพวกนี้เท่านั้น หลังจากนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวอีก ”

คำพูดของเซียวถิงถิง ทำให้ทุกคนหันมามองเป็นสายตาเดียว

“ เซียวถิงถิง…หยุดก่อเรื่องได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าอาจารย์ของเธอ พวกเราคงตัดสินโทษเธอในฐานะคนทรยศไปแล้ว ” นักพรตชุดเทาพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด

“ อามิตาพุทธ…ในนามของวัดเส้าหลิน อาตมาขอบิณฑบาตชีวิตของเด็กเหล่านี้ได้หรือไม่ ” หลวงจีนอู๋ซินพูดขึ้น เขาก้าวออกไปเพียงก้าวเดียว ก็ไปปรากฏตัวบนแท่นพิธีขวางหน้าพวกเด็กๆไว้ ทำให้ชายชราชุดดำต้องเรียกธงกลับมาอีกครั้งด้วยความรำคาญ

เซียวถิงถิงที่เห็นแบบนั้น ก็ทะยานขึ้นไปบนแท่นพิธีเช่นกัน ใช้ชีวิตตัวเองต่อรองกับฝ่ายตรงข้าม ทั้งเธอและหลวงจีนอู๋ซินต่างก็เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์คนสำคัญแห่งสำนักใหญ่ เธอเดิมพันว่าพวกเขาต้องยอมไว้หน้าบ้าง

“ นี่มัน… ” นักพรตชุดเทาเริ่มลังเลขึ้นมา ทั้งสองคนต่างก็เป็นตัวแทนของวัดเส้าหลินและพรรคกระยาจก พวกเขาไม่สามารถทำอะไรรุนแรงได้

ทันใดนั้น ทุกสายตาก็มองไปที่คนเพียงคนเดียวที่สามารถตัดสินใจได้

เช้งง!

กระบี่ไทจี๋ได้ลอยออกจากฝักด้วยตัวของมันเอง จากนั้นคมกระบี่ก็พุ่งไปจ่ออยู่ที่หว่างคิ้วของหลวงจีนอู๋ซิน

“ หลบไปซะ…อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าลงมือ ในฐานะหัวหน้าผู้คุมกฎของสมาพันธ์บู๊ลิ้ม ฉันสามารถพิพากษาให้พวกเจ้าเป็นคนทรยศได้ ” ผู้อาวุโสซู่หยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

หลวงจีนอู๋ซินที่เห็นแบบนั้น ก็พูดคำว่าอามิตาพุทธออกมาเบาๆ แล้วหลับตาลงเขายืนยันการตัดสินใจของตัวเอง ในเมื่อเอ่ยชื่อสำนักตัวเองออกมาแล้ว หากเขายอมถอยมันจะทำให้วัดเส้าหลินต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง

‘ ตายก็ตายเถอะ…อย่างน้อยอาตมาก็ไม่ผิดต่อมโนธรรมของตัวเอง ’

“ เหอะ…งั้นก็ตายซะ ” ผู้อาวุโสซู่หยางแค่นเสียงเย็นชา เขายกมือขึ้นช้าๆ กระบี่ไทจี๋เปล่งประกายอันเย็นเยียบออกมา คลื่นพลังอันแหลมคมได้พวยพุ่งออกจากคมกระบี่

กึกก!

ร่างของหลวงจีนอู๋ซินสั่นสะท้านอย่างแรง ระหว่างคิ้วของเขาเริ่มฉีกขาดเป็นแผล จนมีเลือดสีแดงไหลซึมออกมา

“ ศิษย์น้อง…พวกเราสมควรลงมือได้แล้วมั้ง ”

!!

สิ้นเสียง บนแท่นพิธีก็ได้ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งขึ้น เขาใช้นิ้วคีบกระบี่ไท่จี๋เอาไว้ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

“ ศิษย์พี่รอง…คุณคอยปกป้องพวกเด็กๆเอาไว้ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง ”

จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยสีหน้าเฉยชา เขาร่อนลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็มายืนอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสซู่หยางทันที

ที่จริงพวกจ้าวเทียนมาถึงตั้งแต่ตอนที่หลวงจีนอู๋ซินถูกอัดกระแทกพื้นแล้ว ด้วยเคล็ดวิชาอำพรางร่างของคังหลิน ทำให้ไม่มีใครสัมผัสถึงตัวตนพวกเขาได้

ที่จ้าวเทียนไม่ยอมเผยตัว เพราะต้องการสังเกตให้แน่ใจ ว่านี่เป็นการเล่นละครของฝ่ายตรงข้ามเพื่อวางกับดักพวกเขาหรือไม่

“ผู้อาวุโสซู่หยาง…ชายคนนี้คือจ้าวเทียนผู้สืบทอดของต้วนมู่เฉียน เป้าหมายของพวกเรา ” นักพรตชุดเทาพูดขึ้นเสียงดัง ทำให้คนที่เหลือมีแววตาเปลี่ยนไป

พวกเขาชักอาวุธออกมาอย่างพร้อมเพียง เตรียมตัวเปิดฉากสังหารทันที ทุกคนต่างก็รู้เหตุการณ์สำคัญทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งทุกครั้งล้วนแต่มีจ้าวเทียนเกี่ยวข้องด้วยเสมอ

สำหรับพวกเขา หากสามารถสังหารจ้าวเทียนลงที่นี่ได้ แผนการหลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีกต่อไป

“ ตอนที่พวกง้อไบ๊บอกว่าแกน่าจะมา…ฉันเองก็ไม่ค่อยจะเชื่อซักเท่าไหร่ ไอ้โง่ที่ไหนจะบุกเข้ามาหาที่ตายด้วยตัวเอง ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายแกจะมาจริงๆ ” ผู้อาวุโสซู่หยางพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเฉยชา เขาไม่เห็นจ้าวเทียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

‘ แค่เซียนขั้นสูงสุด…แต่กล้ามายืนต่อหน้าฉันงั้นเหรอ ’

“ พวกง้อไบ๊งั้นเหรอ…งั้นพวกแกก็เป็นพวกเดียวกันอย่างที่คิดจริงๆ ” จ้าวเทียนพูดออกมาเบาๆ

วูป!

กระบี่ราชันสวรรค์ปรากฏขึ้นในมือของจ้าวเทียน เป็นเวลานานแล้วที่มันไม่ได้ดื่มเลือดของศัตรู เพราะไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนคู่ควรให้เขาใช้กระบี่เล่มนี้

คังหลินที่เห็นดังนั้นก็วาดนิ้วบนอากาศ

วิ้งงง!

เขตอาคมเคลื่อนย้ายขนาดเล็ก ปรากฏขึ้นบนแท่นพิธี แล้วระเบิดแสงเจิดจ้าออกมา

วูป!

พริบตาเดียว ทุกคนที่อยู่บนแท่นพิธีก็หายไป พวกเขาถูกเคลื่อนย้ายออกไปเกือบยี่สิบกิโลเมตร ลงมาอยู่ตรงชายป่าตรงทางขึ้นภูเขา

“ คุณไม่ไปช่วยเขาเหรอ…ผู้อาวุโสพวกนั้นคือยอดฝีมือชั้นยอดของสำนักโบราณนะ ” เซียวถิงถิงพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง เธอเองก็รู้จักตัวตนของจ้าวเทียนดี เพราะได้ศึกษาข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามมาแล้ว

“ ประสกไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา…รีบไปช่วยจ้าวเทียนเถอะ ” หลวงจีนอู๋ซินพูดขึ้นด้วยความกังวล เพราะเป็นพวกจ้าวเทียนที่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้

ส่วนเรื่องที่จ้าวเทียนเป็นเป้าหมายที่ทางสมาพันธ์ต้องการสังหารนั้น เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย อย่างไรซะวัดเส้าหลินก็ไม่ต้องการเข้าร่วมสงครามอยู่แล้ว

“ พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก…ศิษย์น้องบอกว่าจะจัดการเอง นั่นก็หมายความว่าเขามั่นใจ คนพวกนั้นไม่ใช่ศัตรูของเขาหรอก ” คังหลินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ แต่ฝ่ายตรงข้ามมีครึ่งก้าวเซียนนภาอยู่ด้วยนะ…จ้าวเทียนยังอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดเอง มันจะไม่เป็นไรแน่เหรอ ” เซียวถิงถิงพูดแย้งขึ้น

“ พวกคุณ…รอดูก็เอาเองแล้วกัน ” คังหลินตอบแบบไม่ใส่ใจนัก อันที่จริงตัวเขาก็อยากรู้ความสามารถที่แท้จริงของจ้าวเทียนเช่นกัน

ทันใดนั้นเอง

ตูมมมมมมม!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เศษดินและหินตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

บรึมมมมมม! บูมมมมมม!

ยังมีเสียงระเบิดพลังเกิดขึ้นซ้ำซ้อนกันอีกหลายครั้ง ทำให้พวกคังหลินรีบบินขึ้นไปดูอยู่ห่างๆ

!!

“ นี่มัน….ยอดเขาหายไปแล้ว ”

สิ่งที่พวกเขาเห็นตอนนี้ ไม่ใช่แค่เพียงบริเวณอารามร้างเท่านั้นที่ถูกทำลายจากการต่อสู้ แต่มันคือยอดเขาทั้งหมด การโจมตีมันต้องรุนแรงขนาดไหน ถึงทำให้ภูเขาหายไปครึ่งลูก

ครืนนน!

ตรงตำแหน่งที่เคยเป็นยอดเขา ได้ปรากฏสัญลักษณ์หยินหยางขนาดใหญ่ขึ้น เป็นผลของเคล็ดวิชาไม้ตายของสำนักบู๊ตึ๊งเคล็ดกระบี่ไท่เก๊ก

แวบบ!

จากนั้นแผนภูมิเจ็ดดาวก็ปรากฏขึ้นทับซ้อนกัน นี่เป็นกระบวนท่าเจ็ดดาวพิฆาตของสำนักซวนจินก่า นอกจากนี้ยังมีการระเบิดของทั้งสายฟ้า น้ำแข็ง และเปลวไฟ ของเคล็ดวิชาระดับสูงต่างๆ

ด้วยการประสานของเคล็ดวิชาระดับสูงเหล่านี้ ต่อให้เป็นขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา ก็ยังคงต้องรับมืออย่างน่าหวาดเสียว

แต่ทว่า…

บูมมมมม!

ยามเมื่อทะเลเพลิงสีทองระเบิดออกมาจากร่างของจ้าวเทียน เคล็ดวิชาพวกนั้นก็ถูกเผาไหม้เป็นจุล มีเพียงสัญลักษณ์หยินหยางเท่านั้นที่ยังคงประชันกับเปลวเพลิงสีทองได้บ้าง

ทันใดนั้น!

แวบบ

กลุ่มดาวทั้งหมดในอาณาเขตทิศตะวันออกก็เปล่งประกายเจิดจ้า โดยที่จุดแสงซึ่งแทนตำแหน่งของดวงดาวแต่ละดวง ก็ปรากฏขึ้นในอาณาเขตเกือบหนึ่งหมื่นเมตรรอบตัวจ้าวเทียน

ฟุบ!

เพียงแค่เขาก้าวออกไปตรงตำแหน่งที่มีจุดแสงอยู่ ตัวของเขาก็หายไปทันที

ด้วยพลังขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดที่เขาระเบิดออกมาเต็มที่ ทำให้ภาพทุกอย่างที่จ้าวเทียนมองเห็นช้าลง

แวบ!

จ้าวเทียนปรากฏตัวขึ้นตรงด้านข้างศัตรูคนแรกที่อยู่ใกล้ที่สุด กระบี่ในมือฟันออกไปอย่างสวยงาม

ฉับ!

มองเห็นศีรษะหนึ่งหัวกระเด็นขึ้นฟ้า ดวงตาของเซียนคนนั้นยังคงเบิกโพลง ด้วยความตื่นตระหนก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายได้อย่างไร

หลังจากนั้นร่างของจ้าวเทียนก็หายไปอีกครั้ง

แม้ว่าเป้าหมายต่อไปของเขาจะเตรียมตัวรับมือไว้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถรับมือจ้าวเทียนได้อยู่ดี

ไม่มีเซียนขั้นสูงสุดคนไหนรับมือกับจ้าวเทียนคนเดียวได้…

ฉับ!

เพียงหนึ่งกระบวนท่าเช่นกัน…

จนกระทั่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดซ้ำเป็นครั้งที่สาม เซียนคนอื่นๆจึงรู้ว่าการรับมือกับจ้าวเทียนเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ พวกเขาจึงหลบหนีไปหาอาวุโสซู่หยางทันที

“ เขตแดนไท่จี๋ ”

แผนภาพหยินหยางได้ปกคลุมท้องฟ้า เพื่อขัดขวางการทะลุมิติของจ้าวเทียน มันหน่วงให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลง

แต่ทว่า

กระบี่ในมือของจ้าวเทียนรวดเร็วจนเกินไป มันได้เด็ดหัวขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดคนสุดท้ายไปแล้ว

หลังจากนี้เหลือแค่เซียนขั้นสูงและเซียนขั้นกลาง ซึ่งพวกเขาก็ไร้ทางต่อต้านโดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเขตแดนไท่จี๋ก็ตาม

คนที่ห้า!

คนที่หก!

คนที่เจ็ด!

ยังคงเป็นหนึ่งกระบวนท่าทุกครั้ง เมื่อใดที่ร่างของจ้าวเทียนหายไป นั่นหมายถึงอีกชีวิตที่กำลังจะตาย

“ บัดซบ!...มาสู้กับฉันสิวะ ” อาวุโสซู่หยางตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาไม่สามารถตามความเร็วของจ้าวเทียนได้

แม้จะมีบางช่วงที่ตามทันจนได้โจมตีใส่ไป แต่จ้าวเทียนก็ไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย อีกฝ่ายยอมรับการบาดเจ็บเพื่อสังหารเซียนคนอื่นก่อนตลอด

ฉับ!

หัวของชายชราชุดดำหลุดออกจากบ่า เขาเป็นคนที่สิบสอง ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่ถูกจ้าวเทียนสังหารไป

ตั้งแต่จ้าวเทียนใช้เคล็ดกระบี่สังหารออกมา เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงห้าวินาทีเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาใช้เวลาสังหารเซียนแต่ละคนเพียงเสี้ยววินาที

สิ่งนี้มันได้สร้างความหวาดกลัวให้กับอาวุโสซู่หยางเป็นอย่างมาก แม้เขาจะสังเกตเห็นสีหน้าอ่อนล้าของจ้าวเทียน เพราะการสูญเสียพลังไปเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเพราะรับการโจมตีจากตัวเขาไป

แม้เป็นแบบนั้น…เขาก็ไม่มีความกล้าที่จะต่อสู้กับอีกฝ่ายอีกแล้ว

วูป!

ธงวิญญาณแค้นได้ปรากฏขึ้น จ้าวเทียนรีบเก็บใส่แหวนมิติทันที ของชิ้นนี้น่าจะมีประโยชน์ในอนาคต

เห็นเพียงจ้าวเทียนวาดมือออกไป แหวนมิติทุกวงของเซียนที่ตายไป ก็ถูกเขาเก็บไปจนหมด จากนั้นเขาก็หันมามองอาวุโสซู่หยางด้วยแววตาเย็นชา

“ ตอนนี้…เหลือแกคนเดียวแล้ว ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน