จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 187

คฤหาสน์ดาราสวรรค์ ทะเลสาบมรกต

ผ่านไปหนึ่งวัน หลังจากที่จ้าวเทียนหายตัวไปโดยไม่ได้บอกกล่าว มันก็ได้สร้างความสับสนวุ่นวายขึ้นในหน่วยงานของรัฐบาลและกองกำลังเซียนเทียน

โชคดีที่เหล่าแกนนำระดับสูงและหลินซูซินเข้ามาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

ด้วยบารมีของหลินซูซินได้สะกดผู้ที่หวังจับปลาตอนน้ำขุ่นเอาไว้ ตอนนี้ทั้งหมดได้รวมตัวกันอยู่ในห้องประชุมใหญ่ เพื่อรอฟังข่าวจากหน่วยสายลับที่กระจายออกตามหาจ้าวเทียนในมณฑลเหอเป่ย

คนที่อยู่ในห้องนี้ ล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับจ้าวเทียนทั้งสิ้น นอกจากแกนนำระดับสูงในกองกำลังเซียนเทียนสิบกว่าคนแล้ว ยังมีลี่เหยาเหยาและตัวแทนจากตระกูลลี่กับตระกูลกงมาด้วย

ส่วนสองปีศาจในตำนานอย่างไป๋ซู่เจินและซูต๋าจี่เองก็มานั่งฟังด้วยเช่นกัน ตอนนี้พวกเธอทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งหมดในประเทศจีน

“ ไม่ต้องกังวล…ท่านอาจารย์ทำนายดูแล้วศิษย์น้องไม่ได้มีอันตราย

อีกอย่างหนึ่ง ศิษย์พี่รองก็อยู่กับเขาด้วย

ในโลกตอนนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่ทำอันตรายพวกเขาได้ ”

หลินซูซินพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ ตัวเธอเองก็ได้ผลการทำนายเช่นเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจ้าวเทียนหายไปอยู่ที่ไหน กรณีนี้มีเพียงอย่างเดียวคือน่าจะอยู่ในมิติลับซักแห่งหนึ่ง

“ จากที่เราสืบมาได้…บอสได้ออกไปตามล่าจ้าวหยุนปิง จากนั้นก็สังหารเซียนสำนักโบราณไปสิบสามคนก่อนจะหายตัวไป ”

“ เป็นไปได้หรือเปล่า…ว่าจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ทำให้บอสต้องบุกเข้าไปที่สำนักโบราณ ” เฉินจิ้งพูดออกมาตามความคิดของตัวเอง เขาเป็นอีกคนที่เชื่อมั่นในพลังของจ้าวเทียนแบบสนิทใจ จึงไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่

“ เรื่องนี้…ฉันคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้นะ ” ลี่เหยาเหยาพยักหน้าเห็นด้วย

ก๊อกๆ

“ มีตัวแทนจากวัดเส้าหลิน และพรรคกระยาจกมาขอพบครับ พวกเขามีข่าวของผู้บัญชาการจ้าวมาด้วย ”

!!

“ ให้พวกเขาเข้ามาเลย ”

หลินซูซินอนุญาตทันที ตอนนี้ทุกคนต่างก็มองไปที่ประตูห้องด้วยความคาดหวัง

แอ้ด!

หลวงจีนชุดขาวกับขอทานสาวเดินเข้ามาด้วยท่าทีเคร่งเครียด พลังของทุกคนที่อยู่ในห้องนี้แข็งแกร่งมาก พวกเขาไม่คิดเลยว่าขุมกำลังที่แท้จริงของจ้าวเทียนจะน่ากลัวขนาดนี้

“ อามิตาพุทธ อาตมาเป็น… ”

แต่ยังไม่ทันที่หลวงจีนอู๋ซินจะพูดจบ มันก็ได้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้นซะก่อน

“ สี่เซียน… ” ไป๋ซู่เจินร้องเรียกขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน ดวงตาหวานซึ้งเต็มไปด้วยประกายแห่งความดีใจ จนทุกคนในห้องได้แต่มองตามด้วยความตกตะลึง

นี่มัน…

“ เอ่อ…อาตมามีนามว่าอู๋ซินเป็นศิษย์สืบทอดแห่งวัดเส้าหลิน ศึกษาพระธรรมอยู่ในวัดมาตั้งแต่เกิด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาโลกภายนอก สีกาคงจะจำคนผิดแล้วล่ะ ” หลวงจีนอู๋ซินตอบอย่างใจเย็น เขาจำได้ว่าไม่เคยพบหญิงสาวคนนี้มาก่อน

คำพูดของหลวงจีนอู๋ซิน ทำให้ไป๋ซู่เจินตัวสั่นสะท้าน เธอจำกลิ่นอายของเขาได้ ไม่ว่าเขาจะเกิดใหม่อีกซักกี่ชาติเธอก็ไม่มีวันลืม

ตอนนี้แววตาของไป๋ซู่เจินดูเลื่อนลอย…เหมือนกำลังรำลึกถึงความทรงจำในอดีต

“ หรือว่า…หลวงจีนรูปนี้จะเป็นคนรักของพี่ซู่เจินกลับชาติมาเกิด ” ซูต๋าจี่พึมพำออกมา เสียงของเธอเบามาก แต่เนื่องจากทุกคนในห้องล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสูง ทำให้สามารถได้ยินอย่างชัดเจน

ทันใดนั้น

ตระกูลฉินเองก็ถือเป็นฮ่องเต้ของแคว้นนี้มานานหลายพันปี สืบทอดทายาทมากมายส่งไปเป็นอ๋องปกครองตามหัวเมืองต่างๆ

เจ้าของร่างเดิมที่คังหลินหลอมรวมไป ก็เป็นหนึ่งในทายาทของอ๋องเหล่านั้น…

เวลาผ่านไปอีกสามสิบนาที

หากเป็นไปตามที่คังหลินบอก อีกไม่นานก็จะถึงเมืองเหล็กดำ จุดหมายปลายทางของพวกเขาในครั้งนี้

แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางอยู่นั้น ก็เริ่มพบกับ ซากศพของกองกำลังสวมหน้ากากมากมาย ที่ถูกฆ่าตายแล้วโยนศพทิ้งเอาไว้ในป่าด้านข้าง

“ ดูจากบาดแผล…น่าจะเพิ่งตายได้ไม่นาน บางทีเส้นทางด้านหน้าอาจจะมีการต่อสู้กันอยู่ก็ได้ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยท่าทีเคร่งเครียด

ตอนนี้ความสามารถในการต่อสู้ของเขาคงอยู่ที่ประมาณปรมาจารย์ขั้นกลางเท่านั้น หากต้องเจอกับศัตรูระดับผู้เชี่ยวชาญนับร้อยคน เขาเองก็รับมือไม่ไหวเหมือนกัน

“ บางที…อาจจะเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่ลอบโจมตีกองกำลังของฉัน จากความทรงของฉัน นี่คงเป็นปัญหาเรื่องการชิงตำแหน่งผู้สืบทอดละมั้ง ” คังหลินพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก

( หลังจากนี้ ผมจะแทนตัวคังหลินให้เป็นคนเดียวกับฉินหนาน เจ้าของร่างที่เขาได้หลอมรวมไปนะครับ เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ )

“ พวกเราตามไปสังเกตการณ์ก่อนก็แล้วกัน…ถ้าสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ก็ค่อยลงมือ มันอาจจะมีประโยชน์ภายหลัง ” จ้าวเทียนตัดสินใจพูดขึ้น ตอนนี้กองกำลังส่วนตัวของคังหลินถูกฆ่าตายหมดแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องหาพันธมิตรเพิ่มเติมก่อนที่จะเข้าเมือง

“ ตกลง…ฉันเองก็อยากตรวจสอบศัตรูดูเหมือนกัน ว่าเป็นใครส่งมากันแน่ ไม่อย่างนั้นต่อให้พวกเรากลับเข้าเมืองไป ก็อาจจะถูกลอบสังหารอีกครั้งโดยไม่ทันตั้งตัวก็ได้ ” คังหลินพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

ตอนนี้ภายในเวลาแค่คืนเดียว ระดับฝึกตนของเขาขึ้นมาอยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงเรียบร้อยแล้ว ด้วยประสบการณ์และเคล็ดวิชาระดับสูง ต่อให้ต้องต่อสู้กับปรมาจารย์เขาก็ไม่กลัว

นี่ยังไม่รวมถึงค่ายกลมากมายที่คังหลินเชี่ยวชาญ ขอแค่มีหินวิญญาณเพียงพอ จะให้เขาสร้างค่ายกลสังหารก็ย่อมง่ายดายยิ่งนัก

หลังจากตัดสินใจได้ ทั้งสองคนก็หายตัวเข้าไปยังป่าด้านหน้า เพื่ออำพรางร่องรอยแล้วไปสอดแนมศัตรู

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน