จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 222

การลงมือของจ้าวเทียนทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปในทันที ถึงแม้ปรมาจารย์สองคนที่ถูกฟาดกระเด็นไปจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

แต่แค่จ้าวเทียนก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พวกลูกน้องของเซียวม่อเฟยก็พากันถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

นี่เป็นผลจากสิ่งที่จ้าวเทียนได้ทำเอาไว้ แม้แต่หุ่นเหล็กดำยังถูกเขาฟันขาดเป็นสองส่วน ปรมาจารย์ระดับสูงและระดับกลาง ย่อมไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับเขาอยู่แล้ว

ในตอนแรกที่เซียวม่อเฟยวางแผนไว้ คือการใช้ปรมาจารย์สิบคน รุมโจมตีเข้าใส่จ้าวเทียนพร้อมกัน ไม่ใช่การต่อสู้แบบเจ็ดต่อสิบแบบนี้

ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็หันไปมองที่เซียวม่อเฟย เพราะเขาจะต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะสู้หรือถอย

“ ฉินหวง…แกกล้าลอบโจมตีศิษย์น้องของฉันงั้นเหรอ อย่าลืมว่าตอนนี้แกอยู่ในสำนักหัวซานของฉัน ช่างรนหาที่ตายจริงๆ ” เซียวม่อเฟยพูดข่มขู่ออกมาเสียงดัง เขาต้องการใช้สำนักหัวซานกดดันจ้าวเทียน

“ ถ้าแกจะสู้ ก็เข้ามาเลย…อย่ามัวพูดจาไร้สาระ เพราะมันจะทำให้แกดูเป็นคนโง่ ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา

“ หนอยแก…ปากดีนักนะ ” เซียวม่อเฟยกัดฟันพูดขึ้นด้วยความโกรธ แต่เขาก็ไม่กล้าเข้าไปอย่างที่บอกจริงๆ

“ สหายฉินหวง…ขอบคุณที่เข้ามาช่วยพวกเรา ครั้งหน้ามีโอกาสฉันจะต้องตอบแทนแน่นอน ” องค์หญิงจูม่านฉีพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง

เธอเป็นคนจดจำบุญความแค้นชัดเจน ความช่วยเหลือของจ้าวเทียนทั้งสองครั้ง เธอจะต้องตอบแทนแน่นอน

“ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ…คนพวกนี้มีเป้าหมายที่ตัวฉันเลยทำให้พวกเธอต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ” จ้าวเทียนพูดออกมาตามตรง เขารู้ว่าองค์หญิงเองก็ดูออก แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดออกมา เพราะตั้งแต่แรกจุดประสงค์ของเธอ คือต้องการที่จะเป็นสหายกับตัวเขาอยู่แล้ว

ฝ่ายกงเสี่ยวเหมยนั้น ตอนนี้เธอกำลังยืนมองแผ่นหลังจ้าวเทียนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แม้ว่าผลของเคล็ดวิชาที่จ้าวเทียนใช้ปลอมตัว จะเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายดั้งเดิมของเขาไปทั้งหมด

แต่ด้วยความที่เคยเจอกันมาก่อนหลายครั้ง ทำให้กงเสี่ยวเหมยรู้สึกคุ้นเคยกับชายสวมหน้ากากคนนี้อย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งภาพที่อีกฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือเธอแบบนี้ มันก็ได้ไปซ้อนทับกับความทรงจำในอดีตที่คลับแมวป่า

“ คุณชื่อฉินหวงงั้นเหรอ…เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า ” กงเสี่ยวเหมยตัดสินใจถามออกไป โดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงต้องถามออกไปแบบนั้น

‘ ฉันคิดอะไรอยู่…เขาไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ได้หรอก ’

แต่ยังไม่ทันที่จ้าวเทียนจะตอบอะไรออกไป เซียวม่อเฟยเมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนเองหมายปอง แสดงท่าทีสนใจศัตรูก็ระเบิดความเกรี้ยวกราดออกมาทันที

“ บัดซบ…จัดการพวกมัน! ”

สิ้นเสียง พวกเซียวม่อเฟยหกคนก็พุ่งเข้าใส่จ้าวเทียนในพริบตา ทิ้งให้อีกสี่คนที่เหลือไปถ่วงเวลาพวกองค์หญิงกับกงเสี่ยวเหมยเอาไว้

พลังปราณอันเกรี้ยวกราดและดุดัน ระเบิดออกมาจากปรมาจารย์ขั้นสูงทั้งห้าคนที่เข้าเผชิญหน้ากับจ้าวเทียน

ในการต่อสู้ของปรมาจารย์ด้วยกันในสำนักโบราณนั้น จะไม่มีใครใช้สนามพลังปรมาจารย์เพราะสิ้นเปลืองพลังและแทบจะไร้ผลต่อฝ่ายตรงข้าม

พวกเขาถูกฝึกมา ให้ทุ่มเทลมปราณทั้งหมดไปในการโจมตีอันรุนแรง เพื่อจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว

“ ลมคลั่งฝนกระหน่ำ! ”ๆๆๆๆ

ปรมาจารย์ทั้งห้าคน ทะยานร่างฟันกระบี่เข้าใส่จ้าวเทียนอย่างถี่ยิบ จนมองเห็นเป็นภาพติดตาจำนวนมาก เป็นการโจมตีอย่างบ้าคลั่งอย่างไม่สนใจป้องกันตัวเอง

นี่คือเคล็ดวิชาโจมตีอันรุนแรงของเพลงกระบี่หัวซาน เมื่อปรมาจารย์ทั้งห้าใช้ออกมาพร้อมกัน มันก็ทำให้เกิดเป็นคลื่นพายุทำลายล้างพุ่งเข้าใส่อาณาเขตที่จ้าวเทียนยืนอยู่

‘ ความรุนแรงของการโจมตีนี้ เทียบกับการประสานของหุ่นเหล็กสองตัว ที่ฉันเคยเจอในอดีต แล้วยังเหนือกว่าสองขั้น ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นในใจ ลูกน้องที่อีกฝ่ายพามาครั้งนี้ คงเคยผ่านการทดสอบกับหุ่นเหล็กมากันหมดแล้ว การประสานของพวกเขาทั้งห้าคน ย่อมสามารถเอาชนะหุ่นเหล็กสองตัวได้แบบสบาย

ในตอนนี้เอง ที่กระบี่ในมือจ้าวเทียนวาดออกไปยังทิศทางเบื้องหน้า เกิดเป็นม่านพลังไร้สภาพขวางกันการโจมตีทุกอย่างไว้

“ วิชาวงจรกระบี่! ”

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆ ครืนนน

รังสีกระบี่นับร้อย ระเบิดม่านพลังของเคล็ดวิชาวงจรกระบี่ของจ้าวเทียน จนมันกระเพื่อมไม่หยุด

จากนั้นเซียวม่อเฟยที่รอจังหวะอยู่ด้านข้าง ก็อาศัยท่าร่างอันรวดเร็วใช้การโจมตีระยะไกลเข้าใส่แผ่นหลังของจ้าวเทียน

“ วายุทลายคลื่น! ”

ปราณกระบี่ฟันกวาดออกไปในแนวขวางถึงเจ็ดครั้งซ้อน มันรวดเร็วเป็นอย่างมากจนทิ้งไว้เพียงภาพติดตา

แต่ก่อนที่มันจะสัมผัสโดนตัวของจ้าวเทียน ก็ถูกเขาพลิกตัวไปด้านข้าง ใช้พลังอ่อนหยุ่นสายหนึ่งชักนำเคล็ดวิชาวายุทลายคลื่นของเซียวม่อเฟย เข้าใส่จุดอ่อนของปรมาจารย์ทั้งห้า จนพวกเขาต้องรีบหันกลับมาป้องกันไว้อย่างทุลักทุเล

เปรี้ยงงง!ๆๆๆ ฉัวะ!

“ โอ้ย แขนฉัน! ”

หนึ่งในปรมาจารย์ทั้งห้าคน ถูกปราณกระบี่เฉือนเข้าที่แขนจนเลือดอาบ เพราะอยู่ใกล้กับจ้าวเทียนมากที่สุด ทำให้รับมือไม่ทัน และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมองจุดอ่อนของเขาได้ทะลุปรุโปร่งเช่นนี้

“ นี่มัน…วิชากระบี่ไท่เก๊ก แกใช้มันได้ยังไงกัน ” เซียวม่อเฟยถามออกมาด้วยแววตาเคร่งเครียด เขาเคยเห็นศิษย์อาวุโสของบู๊ตึ้งใช้วิชานี้มาก่อน จึงจดจำได้ทันที

“ แกนี่พูดมากจัง… ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความรำคาญ ไม่ใช่แค่วิชากระบี่ไท่เก๊กที่เขาสามารถใช้ได้ แต่ยังมีอีกหลายวิชาที่เขาฝึกสำเร็จหมดแล้ว ตั้งแต่อยู่ในหอคัมภีร์ลับตระกูลฉิน

เพียงแต่วิชากระบี่พวกนี้มันด้อยกว่าวิชาที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง ก็เลยไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ หากมีเวลาอีกซักสองสามวัน ให้ศึกษาเคล็ดวิชาในแหวนมิติที่องค์หญิงมอบให้ เขาก็น่าจะคิดค้นเคล็ดวิชาใหม่เพิ่มได้อีก

อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังลังเล จ้าวเทียนก็เหลือบมองไปทางพวกกงเสี่ยวเหมยด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นว่าแค่ถูกฝ่ายตรงข้ามใช้ค่ายกลกระบี่ถ่วงเวลาไว้เท่านั้น ก็รู้สึกเบาใจขึ้นมา

ฟุบ!

จ้าวเทียนใช้ท่าร่างอันรวดเร็วเข้าประชิดตัวเซียวม่อเฟยในพริบตา เขาถือคติจัดการแม่ทัพก่อนให้พวกที่เหลือยอมแพ้ไปเอง

เปรี้ยง!

ภาพที่คนอื่นเห็นก็คือ การโจมตีประสานอันเกรี้ยวกราดรุนแรงของพวกเซียวม่อเฟยถูกลบหายไปในเวลาเพียงเศษเสี้ยววินาที

“ เป็นไปไม่ได้…แกเป็นใครกันแน่ ฉันไม่เชื่อว่าพวกชาวพื้นเมืองจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ใช่แล้ว แกต้องเป็นผู้อาวุโสจากสำนักอื่นปลอมตัวมาใช่ไหม ” เซียวม่อเฟยพูดออกมาแบบคุมสติตัวเองไม่อยู่

เขารับไม่ได้กับสิ่งที่เห็น เหมือนความภาคภูมิใจของตัวเองถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี

“ หุบปาก! ”

จ้าวเทียนพูดเสียงเย็นชา เขายกกระบี่ในมือขึ้นเตรียมจะจัดการอีกฝ่าย หากไม่ใช่ว่าเขาเห็นแก่หน้าของเทพกระบี่ ก่อนหน้านี้พวกมันคงถูกฟันแขนขาดกันหมดแล้ว

ในขณะที่สันกระบี่ของจ้าวเทียนจะฟาดใส่เป้าหมาย

“ หยุดมือ! ”

มันก็ได้มีเสียงตะโกนดังลั่น พร้อมกับมีคนลอบโจมตีเข้าใส่แผ่นหลังของจ้าวเทียน ซึ่งมันได้กระตุ้นโทสะของเขาอย่างรุนแรง

เขาสัมผัสได้ว่าคนที่ลอบโจมตีอยู่ในขอบเขตเซียน อีกฝ่ายต้องการบีบให้เขาหันไปป้องกันเพื่อจะช่วยเซียวม่อเฟย

“ แกเป็นใคร มาสั่งฉัน ”

เปรี้ยงง! อ้ากก

จ้าวเทียนฟาดสันกระบี่ใส่ใบหน้าของเซียวม่อเฟยจนฟันล่วงหมดปาก กระเด็นไปเกือบสิบเมตร จากนั้นแววตาก็เปลี่ยนเป็นดุดัน เขาประสานเจตน์กระบี่อีกครั้ง

“ กระบี่สรรพสิ่ง ”

กระบี่ในมือจ้าวเทียนพร่าเลือนหายไป เหมือนเวลาหยุดนิ่ง

ในขณะที่การโจมตีของอีกฝ่ายจะกำลังโดนแผ่นหลังจ้าวเทียน เส้นลำแสงของวิถีกระบี่อันงดงาม ก็ฟันกวาดออกไปด้านหลัง

ฉัวะ!

อ้ากกก!

เลือดสีแดงสาดกระจายออกมา แขนข้างหนึ่งปลิวขึ้นฟ้า เซียนคนหนึ่งกุมแขนข้างที่ขาดถอยหนีไปด้วยใบหน้าซีดขาว

“ บังอาจ…กล้าทำร้ายคนของสำนักหัวซานต่อหน้าฉัน โทษของแกคือความตาย ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง เขาบินมาปกป้องเซียนที่แขนขาดเอาไว้

แววตาเย็นชาของจ้าวเทียนมองออกไปยังกลุ่มคนสองกลุ่มที่เพิ่งมาใหม่ เซียนคนที่เพิ่งพูดไป ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มคนจากสำนักหัวซานซึ่งมีจำนวนมากที่สุด

ส่วนกลุ่มที่เล็กกว่านั้นมีประมาณสิบกว่าคน ล้วนแต่เป็นสาวงามชุดขาวจากสำนักสุสานโบราณ ดูเหมือนว่าทั้งสองกลุ่มนั้นจะเป็นพันธมิตรกัน

“ เหอะ…น่าสนุกดีนี่ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน