จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 263

ย้อนกลับไป เมื่อตอนกระบี่ที่ยี่สิบของจ้าวเทียน สามารถทำให้เคล็ดวิชาที่หลอมรวมระหว่างระฆังทองคุ้มกายกับวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นเกิดจุดอ่อนได้ เทพกระบี่ที่ดูอยู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดขึ้น

“ ในที่สุดก็จบแล้ว…วิชานี้ของสหายจ้าวช่างเป็นการโจมตีที่รุนแรงจริงๆ ต่อให้เป็นวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นสีขาวก็คงต้านไม่ไหว ”

อั้งฮวงหลงที่ได้ยินแบบนั้น ก็ส่ายหน้าแล้วตอบเสียงเบา

“ มันยังไม่จบหรอกนะ…ถ้าวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ ฉันคงเอาชนะหลวงจีนเฒ่าได้ตั้งนานแล้ว ”

!!

“ คุณหมายความว่ายังไง ” เทพกระบี่ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าจ้าวเทียนเป็นผู้ชนะแล้วไม่ใช่เหรอ

“ นายลองดูด้วยตาของตัวเองเถอะ…ความน่ากลัวที่แท้จริงของผู้บรรลุวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นสีขาว ” อั้งฮวงหลงพูดออกมาด้วยแววตาเฉียบคม ทำให้เทพกระบี่รีบหันไปสนใจการต่อสู้อีกครั้ง

ตอนนี้กระบี่ที่ยี่สิบห้าของจ้าวเทียนได้ทลายระฆังสีทองไปแล้ว และกระบี่ยักษ์อีกสองเล่มกำลังจะฟาดฟันเข้าใส่ร่างของหลวงจีนคิ้วขาวอย่างดุดัน

แต่พริบตานั้นเอง

ร่างของหลวงจีนคิ้วขาวก็ได้ระเบิดแสงสว่างอันเจิดจ้าออกมา

แวบบ!

เปรี้ยง!ๆ ตูมมม!ๆ

หลวงจีนคิ้วขาวได้ชกหมัดทั้งสองสวนกลับไป ด้วยเคล็ดวิชาหมัดวชิระขจัดมาร ทำให้กระบี่ยักษ์ทั้งสองระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ โดยที่มือของเขาไม่ได้รับบาดแผลแม้แต่น้อย

“ นี่มันเป็นไปไม่ได้…เขาสามารถรับการโจมตีนี้ ด้วยมือเปล่าได้อย่างไร ” เทพกระบี่พูดขึ้นด้วยความตกใจ

“ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ…จุดเด่นของผู้ฝึกเคล็ดวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น ก็คือร่างกายอันแข็งแกร่งดุจเพชร ที่จ้าวเทียนทำลายไปก่อนหน้านี้ ก็แค่เปลือกชั้นนอกเท่านั้น ”

“ ยังมีเกราะชั้นในที่แข็งแกร่งกว่า…นั่นก็คือร่างกายของหลวงจีนเฒ่าเอง ” อั้งฮวงหลงอธิบายออกมาด้วยแววตาเลื่อนลอย

เขาคิดไปถึงการประลองครั้งล่าสุดของเขากับหลวงจีนคิ้วขาว ตอนนั้นสถานการณ์ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เขาสามารถทำลายระฆังทองคุ้มกายของหลวงจีนคิ้วขาวได้ แต่ก็ไม่อาจทำอย่างไรกับร่างกายอันแข็งแกร่งของอีกฝ่าย

สุดท้ายเมื่อหลวงจีนชุดขาวใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายอีกครั้ง อั้งฮวงหลงก็เป็นฝ่ายขอยอมแพ้ไปเอง เพราะความเร็วในการฟื้นฟูพลังของเคล็ดวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นนั้นรวดเร็วมาก

หากไม่สามารถทำลายการป้องกันทั้งสองชั้นภายในครั้งเดียว ย่อมไม่มีโอกาสชนะแน่นอน นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลวงจีนคิ้วขาวตั้งข้อจำกัดเวลาสิบลมหายใจเอาไว้

‘ จะว่าไป…เคล็ดวิชาของจ้าวเทียนนั้นมีอานุภาพรุนแรงมาก ทั้งยังทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีโอกาสตอบโต้แม้แต่น้อย ขนาดตอนนี้ตัวฉันเองก็ยังสัมผัสถึงตัวตนเขาไม่ได้เลย ’

‘ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น…หากเขาทำลายพลังขั้นสีขาวของหลวงจีนเฒ่าไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์ ’

ทางฝ่ายหลวงจีนคิ้วขาว หลังจากทำลายกระบี่ยักษ์ทั้งสองเล่มไปได้แล้ว ท่านก็ถอนหายใจด้วยความหวาดเสียว

เอาเข้าจริงๆมือทั้งสองของท่านยังรู้สึกเจ็บปวดไม่หาย แม้จะไม่เกิดบาดแผลเลือดออก แต่ก็สร้างความเสียหายโดยตรงกับกระดูกและเส้นเอ็น

‘ ประสกจ้าวเหนือไปกว่าที่อาตมาคิดไว้มาก…เวลานี้เขาเพิ่งมีขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดเท่านั้น หากเขาสามารถบรรลุขอบเขตเดียวกับอาตมาได้ ’

‘ เมื่อถึงตอนนั้น…อาตมาคงไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นคู่มือของเขาแน่นอน ’

หลวงจีนคิ้วขาวไม่เคยเจอสุดยอดอัจฉริยะแบบจ้าวเทียนมาก่อน แม้แต่เจ้าตำหนักเทวะในตอนที่อยู่ขอบเขตเดียวกัน ก็ไม่อาจเทียบชั้นกับจ้าวเทียนได้

“ อามิตตาพุทธ…เวลายังเหลืออีกสามลมหายใจ แต่อาตมาแนะนำให้หยุดเท่านี้ดีกว่า ประสกไม่สามารถทำลายการป้องกันของอาตมาได้หรอก ” หลวงจีนคิ้วขาวพูดขึ้นเสียงดัง ท่านรู้ว่าจ้าวเทียนอยู่แถวนี้ แม้จะสัมผัสไม่ได้ก็ตาม

“ มันจะเป็นแบบนั้นแน่เหรอ ”

!!

สิ้นเสียง ร่างของจ้าวเทียนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลวงจีนคิ้วขาว พร้อมกับชกออกไปสุดแรง

“ สามหมัดราชันจักรพรรดิ! ”

“ หมัดสองถล่มนภา! ”

ภาพทุกอย่างแข็งค้างเหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้ จนสามารถมองเห็นสีหน้าตกใจของหลวงจีนคิ้วขาวได้ชัดเจน

ก่อนที่ท่านจะใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายออกมา…

“ อามิตตาพุทธ…ในเมื่อประสกจ้าวผ่านการทดสอบแล้ว อาตมาก็จะบอกพลังที่แท้จริงของเจ้าตำหนักเทวะให้เอง”

“ เหตุผลที่อาตมาต้องทดสอบประสกแบบนี้…ก็เพราะว่าเจ้าตำหนักเทวะเองก็บรรลุวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นสีขาวเช่นกัน ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าอาตมาอีกด้วย ”

!!

สิ่งที่ได้ยินทำให้สีหน้าของจ้าวเทียนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด แม้แต่เทพกระบี่เองก็ยังเผยท่าทีวิตกกังวลออกมา มีเพียงอั้งฮวงหลงเท่านั้นที่ยังนิ่งเฉยอยู่ได้ เพราะเขารู้อยู่นานแล้ว

“ ผู้อาวุโสแน่ใจเหรอ…จากที่ฉันรู้มา วิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นเป็นของวัดเส้าหลิน มีเพียงตำแหน่งหลวงจีนอาวุโสขึ้นไปและศิษย์ผู้สืบทอดเท่านั้น ที่มีสิทธ์ฝึกฝนได้ ”

“ เจ้าตำหนักเทวะ จะบรรลุวิชานี้เหนือกว่าผู้อาวุโสได้อย่างไร ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้แต่เทพกระบี่เองก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย

หลวงจีนคิ้วขาวที่เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้น

“ ไม่ใช่แค่เพียงวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นของวัดเส้าหลิน แต่ยังมีวิชาสิบแปดผ่ามือพิชิตมังกรของพรรคกระยาจก และเคล็ดวิชาสุดยอดของอีกสามสำนักใหญ่ที่เหลือ เจ้าตำหนักเทวะได้ฝึกฝนพวกมันทั้งหมด ”

!!

“ นี่มัน…เป็นไปได้ยังไง ” เทพกระบี่พูดขึ้นด้วยความตกใจ เขาหันไปมองอั้งฮวงหลงทันที

“ นี่เป็นเรื่องจริง…เจ้าตำหนักเทวะได้บรรลุขั้นสูงสุดของห้ายอดวิชาในยุทธภพแล้ว เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน เมื่อทุกสำนักย้ายเข้ามาในโลกหมิงหลง ”

“ เจ้าตำหนักเทวะรุ่นก่อน ได้ท้าประลองกับห้าเจ้าสำนักใหญ่ในยุคสมัยนั้นพร้อมกัน โดยมีเดิมพันเป็นสุดยอดวิชาประจำสำนัก ซึ่งผลที่ออกมาก็คือเจ้าสำนักใหญ่ทั้งห้าเป็นฝ่ายแพ้ เลยต้องยอมให้อีกฝ่ายคัดลอกเคล็ดวิชาไป ” อั้งฮวงหลงพูดขึ้นด้วยความเสียใจ เรื่องนี้อาจารย์ของเขาซึ่งเป็นประมุขพรรคกระยาจกในยุคนั้น เป็นคนเล่าให้ฟังเอง

ถ้าให้พูดกันตามจริง ทั้งเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินและประมุขพรรคกระยาจกรุ่นก่อน ในช่วงเวลาที่แข็งแกร่งที่สุด ยังด้อยกว่ารุ่นปัจจุบันมาก

ต้องโทษสวรรค์ที่หลวงจีนคิ้วขาวและอั้งฮวงหลง ถือกำเนิดช้าไปหนึ่งยุคสมัย ทำให้วัดเส้าหลินและพรรคกระยาจกต้องสูญเสียสุดยอดเคล็ดวิชาไป

“ เจ้าตำหนักเทวะรุ่นปัจจุบัน แข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนมากไหมครับ ” จ้าวเทียนถามขึ้นอย่างจริงจัง นี่เป็นสิ่งที่เขาอยากรู้ที่สุด

“ เรียกว่าไม่อาจเทียบกันได้เลย…ประสกลองคิดดูสิ ขนาดเจ้าตำหนักเทวะรุ่นก่อนที่พึ่งพาเพียงวิชาของตัวเอง ยังสามารถเอาชนะห้าเจ้าสำนักใหญ่พร้อมกันได้ ”

“ แล้วเจ้าตำหนักเทวะรุ่นปัจจุบัน…ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาไม้ตายของทั้งห้าสำนัก จนถึงขั้นสุดยอดจะแข็งแกร่งขนาดไหน ” หลวงจีนคิ้วขาวพูดออกมาด้วยความทอดถอนใจ

ทั้งจ้าวเทียนและเทพกระบี่ต่างก็หันมามองหน้ากันด้วยความหนักใจ ศัตรูของพวกเขาเหนือไปกว่าที่คาดการณ์มาก หลักจากนี้คงต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังกว่าเดิม

แน่นอนว่าผู้ที่รู้สึกกดดันที่สุดก็คือจ้าวเทียน เนื่องจากอีกฝ่ายกำลังตามล่าตัวเขาอยู่ ด้วยความแข็งแกร่งของจ้าวเทียนในตอนนี้ โอกาสชนะมีไม่ถึงสองส่วนด้วยซ้ำ

‘ จนกว่าฉันจะหาวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองได้…คงต้องใช้ตัวตนของฉินหวงต่อไป ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน