บนประตูทิศเหนือกำแพงเมืองเหล็กดำ
“ นี่มันหมายความว่ายังไง…ฉันคิดว่าได้พูดออกไปชัดเจนแล้วนะ ว่าให้ฮ่องเต้และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาเจรจาตกลงกัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา สายตาของเขามองไปยังกลุ่มคนด้านล่าง ซึ่งเป็นทูตเจรจาของเมืองหลวง
“ ไร้สาระ! ตัวแกเป็นเพียงข้าทาสชั้นต่ำ เหตุใดฝ่าบาทถึงต้องลดตัวลงมาเจรจากับแก หากไม่อยากให้ทุกชีวิตในเมืองต้องถูกสังหาร ก็รีบยอมแพ้แล้วปล่อยตัวประกันออกมาซะ ”
“ บางที…พระชายาหลักอาจจะเมตตาให้พวกแกได้มีซากศพที่สมบูรณ์ ” ชายชราสวมชุดขุนนางพูดขึ้นเสียงดัง ด้วยท่าทางดูถูก เขาไม่ได้หวาดกลัวข่าวลือของจ้าวเทียนแม้แต่น้อย
ตอนนี้ เมืองเหล็กดำได้ถูกกองทัพใหญ่หลายแสนคนล้อมเอาไว้ทั้งหมด อีกทั้งผู้นำทัพยังเป็นถึงสี่แม่ทัพจตุรทิศ ซึ่งเป็นเสาหลักของแคว้นต้าฉิน ต่อให้มีปีกก็ยากจะหลบหนีออกไปได้
“ หุบปาก! ฉันไม่ได้พูดกับแก ” จ้าวเทียนตวาดออกมาเสียงดัง ดวงตาของเขาปลดปล่อยเจตจำนงกระบี่อันแหลมคมออกมา
อ้ากกกก!
“ ตาฉัน!…ทหารรีบปกป้องฉันเร็ว ” ชายชราเอามือกุมใบหน้าเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด ตรงง่ามมือของเขามีเลือดไหลซึมออกมาเป็นสาย
เจตจำนงกระบี่ของจ้าวเทียน ได้ทำลายดวงตาของฝ่ายตรงข้ามไปเรียบร้อย
“ พาไอ้เศษสวะนี่กลับไปซะ…ก่อนที่จะไม่มีโอกาส ” จ้าวเทียนปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ทำให้ทหารองครักษ์ทั้งหมด รีบพาชายชราหลบหนีไปด้วยความหวาดกลัว
ผ่านไปครู่เดียว ที่หน้าประตูเมืองก็เหลือเพียงชายชุดเขียวพระอาจารย์ขององค์ชายใหญ่ ที่จ้าวเทียนปล่อยตัวไปแจ้งข่าวเมื่อวานซืน
“ ที่นี้ก็บอกมาได้แล้ว…แกได้รายงานทุกอย่างตามความจริงหรือเปล่า ” จ้าวเทียนถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ ฉัน… ” ชายชุดเขียวมีท่าทีลำบากใจมาก เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเล่าทุกอย่างออกมาตามตรง
แท้จริงแล้ว เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ฮ่องเต้ก็ได้ตัดสินใจจะมาพบจ้าวเทียนด้วยตนเอง เพราะต้องการแก้ไขปัญหาแบบสันติวิธี
แต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าก่อนถึงวันนัดหมาย พระองค์จะถูกลอบวางยาพิษจนสิ้นสติสมประดี จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นคืนกลับมา
ตอนนี้ผู้ที่ควบคุมราชสำนักก็คือพระชาหลัก พระนางได้ใช้ตราลัญจกรหยก บงการสี่เหล่าทัพกวาดล้างกบฏเมืองเหล็กดำ อีกทั้งยังตัดขาดเส้นทางรอบๆเมืองทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีผู้ใดหลบหนีออกไปได้
“ ก่อนที่จะออกมาพร้อมคณะทูต…ตัวฉันก็ถูกบังคับให้กินยาพิษแบบออกฤทธิ์ช้าไว้แล้ว นี่เป็นโทษฐานที่ไม่อาจปกป้ององค์ชายใหญ่เอาไว้ได้ ” ชายชุดเขียวพูดขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
ตั้งแต่ที่ถูกทำลายพลังฝีมือไป เขาก็ปลงตกกับเรื่องราวทุกอย่าง ต่อให้ต้องตายไปทั้งแบบนี้ก็ไม่มีอะไรให้ติดค้างใจอีก
เพียงแต่อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ ที่แคว้นฉินอาจจะถึงคราวหายนะเพราะผู้หญิงเสียสติเพียงคนเดียว
ทางฝ่ายจ้าวเทียนเมื่อฟังจบก็ส่ายหน้าออกมาเบาๆ ที่สถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ เรื่องต่อสู้เขาไม่เคยกลัวอยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากให้แคว้นฉินต้องมาเสียทหารไปเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้
“ เพื่อแก้แค้นให้ลูกชาย…ถึงกลับลอบปรงพระชนม์ฮ่องเต้ซึ่งเป็นคนรักของตัวเองเลยงั้นเหรอ ” คังหลินไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน บนแดนสวรรค์เทพทุกคนต่างมีอายุขัยยืนยาว จึงให้คุณค่ากับคู่ชีวิตของตนเป็นพิเศษ เพราะต้องอยู่ร่วมกันไปอีกนาน
“ ผู้หญิงคนนี้เสียสติไปแล้วรึไง…คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะแก้แค้นได้งั้นเหรอ แค่ส่งกองกำลังปรมาจารย์ของพวกเราออกไป ก็บุกถล่มเมืองหลวงได้สบายแล้ว ” จูม่านฉีไม่ได้แปลกใจที่พระชายาหลักลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้แคว้นฉิน
เพราะสำหรับผู้ที่เติบโตมาในราชวงศ์แบบเธอ ได้พบเห็นจนคุ้นชินแล้ว ต่อให้ในตอนแรกทั้งคู่จะอยู่ร่วมกันด้วยความรักจริง
แต่เมื่อพระชายาหลักประสูติพระโอรสออกมา และมีเรื่องอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ความรักที่มีให้กับองค์ฮ่องเต้ก็คงจืดจางไปตามกาลเวลา
“ ตอนนี้…ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน ” ฉินฟ่านเออร์ถามขึ้นด้วยแววตาเฉียบคม เธอเข้าใจศัตรูคู่อาฆาตดี หากอีกฝ่ายอยากจะแก้แค้นให้สาสมใจ จะต้องมาสังเกตการณ์ด้วยตนเอง
แถมผู้ที่ระมัดระวังตัวอย่างพระชายาหลัก คงจะต้องพกสมบัติเวทย์ลบการตรวจจับเอาไว้แน่นอน ต่อให้ใช้สัมผัสวิญญาณของเซียนก็หาเธอไม่เจอ
ชายชุดเขียวที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็จ้องมองกลับมาที่ฉินฟ่านเออร์ด้วยแววตาจริงจัง
“ องค์หญิง…ช่วยรับปากฉันข้อหนึ่งก่อนได้ไหม เมื่อเกิดการต่อสู้ขึ้นได้โปรดไว้ชีวิตแม่ทัพทั้งสี่และเหล่าทหารกล้าแห่งแคว้นฉินด้วย พวกเขาล้วนแต่ทำตามหน้าที่ทั้งนั้น ”
“ ฉันไม่อยากเห็น…แคว้นฉินของพวกเราต้องล่มสลายไปทั้งแบบนี้ ”
ฉินฟ่านเออร์ที่ได้ยิน ก็หันมองไปทางคังหลินและจ้าวเทียนด้วยท่าทีลังเล จนกระทั่งเห็นพวกเขาพยักหน้าให้ เธอจึงยิ้มออกมา แล้วตอบกลับฝ่ายตรงข้ามไป
“ ตกลง…พวกเราจะสังหารเฉพาะคนที่สมควรตายเท่านั้น และไม่มีทางปล่อยให้แคว้นฉินต้องแตกแยกจนล่มสลายเด็ดขาด ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายชุดเขียวก็ยิ้มขึ้นอย่างโล่งใจ และบอกที่อยู่ของพระยาหลักออกไปทันที จากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็กระอักเลือดสีดำออกมา แล้วสิ้นใจไปอย่างหมดห่วง
“ ส่งคนไปทำพิธีศพให้เขาอย่างสมเกียรติ…ชายคนนี้แค่ติดตามคนผิดเท่านั้น ตัวเขานับเป็นลูกผู้ชายที่เข้มแข็งผู้หนึ่ง ” จ้าวเทียนหันไปบอกพวกผู้คุ้มกันข้างกาย ที่จริงเขาสามารถรักษาอีกฝ่ายได้ แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำ
เพราะตอนที่องค์ชายใหญ่ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ชายชุดเขียวก็มีส่วนร่วมด้วย ต่อให้ภายหลังเขาสำนึกผิดได้จริง แต่ก็ต้องชดใช้กรรมที่เคยก่อขึ้น
ทันใดนั้น
“ นายลืมอะไรไปหรือเปล่า…ฝ่ายตรงข้ามยังมียอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งงานชุมกระบี่อยู่นะ แค่ชายคนนั้นเพียงคนเดียวก็เทียบเท่าปรมาจารย์นับร้อยแล้ว ” แม่ทัพทิศอุดรพูดแย้งขึ้นมา
!!
“ นายเชื่อข่าวลือพรรค์นั้นด้วยเหรอ…แค่คนเพียงคนเดียว จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรสงครามได้ ต่อให้เขาเอาชนะผู้อาวุโสเซียวได้จริง แต่นั่นก็อาจจะเป็นการลอบโจมตี หรือไม่ก็เพราะผู้อาวุโสเซียวบาดเจ็บอยู่ก่อนก็ได้ ” แม่ทัพประจิมพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก
เขาจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองเห็นกับตาเท่านั้น ข่าวลือเรื่องที่อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเซียนขั้นสูงสุดมันดูเกินจริงจนเกินไป
“ เรื่องนี้ฉันก็เห็นด้วย…ต่อให้เป็นเซียนขั้นสูงสุด ถ้าต้องเผชิญหน้ากับทหารนับแสน ก็ยังต้องต่อสู้จนหืดขึ้นคอเหมือนกัน ปรมาจารย์ไม่ได้มีพลังมหาศาลอย่างเหล่าเซียน ตราบใดที่พลังปราณหมด ก็ไม่ต่างไปจากคนธรรมดา ” แม่ทัพบูรพาอธิบายตามหลักการ
ทันใดนั้นเอง
“ รายง่านด่วนครับ…มีศัตรูบุกออกมาจากประตูเมืองทิศเหนือ กองกำลังที่สามและสี่ได้พ่ายแพ้ไปแล้วครับ ”
!!
แม่ทัพทุกคนหน้าเปลี่ยนสีทันที สงครามเพิ่งเริ่มขึ้นยังไม่ถึงยี่สิบนาที กองกำลังที่สามและสี่มีจำนวนรวมกันถึงหกหมื่นคน จะไปพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วแบบนั้นได้ยังไง
“ เป็นไปไม่ได้…ต่อให้ยกทหารทั้งเมืองเหล็กดำออกมา ก็มีจำนวนเพียงสองหมื่นคนเท่านั้น จะไปเอาชนะทหารหกหมื่นคนของพวกเราได้งั้นเหรอ ” แม่ทัพทิศบูรพาพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อถือ
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะพักหายใจ องครักษ์อีกคนก็วิ่งเข้ามารายงานเสียงดัง
“ มีศัตรูกำลังมุ่งหน้ามาที่กระโจมบัญชาการของพวกเรา ตอนนี้กองกำลังที่เก้าและสิบกำลังรับมืออยู่ แต่ก็คงไม่อาจต้านไว้ได้นาน จะให้พวกเราทำอย่างไรต่อไปดีครับ ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แม่ทัพทั้งสี่ก็มองหน้ากันเองอย่างกังวล เหมือนกับเกิดลางสังหรณ์บางอย่างขึ้นมาพร้อมกัน
แล้วก็เป็นแม่ทัพทิศบูรพาที่ทนไม่ไหว จึงเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน
“ ศัตรูมีทั้งหมดกี่คน… ”
ฝ่ายองครักษ์ที่เข้ามารายงาน เมื่อเห็นแม่ทัพใหญ่ทั้งสี่กำลังจ้องมองมาที่ตนอย่างจริงจัง ก็รู้สึกกดดันขึ้นมา แต่เขาก็กลั้นใจตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ ศัตรู…มีคนเดียวครับ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...