ณ อพาร์ทเม้นท์ของจ้าวเทียน
โม่ปิงหยูกำลังนั่งดูทีวีอยู่อย่างตั้งใจ วันนี้มีเทปบันทึกภาพการแสดงของลี่เหยาเหยา ซึ่งเป็นซุปเปอร์สตาร์คนโปรดของเธอ
ภาพในจอกำลังแสดงให้เห็นบรรยากาศของงานดนตรีออเคสตร้าที่ฝรั่งเศส มีดารานักร้องที่มีชื่อเสียงระดับโลกเข้าร่วมมากมาย
วันนี้ตอนเช้าแม่ของเธอได้พาจ้าวหยูเหมยไปส่งที่โรงเรียน หลังจากนั้นก็จะแวะซื้อของใช้ส่วนตัวที่ซุปเปอร์มาเก็ตต่อ แต่ตัวเธอต้องการดูรายการของซุปเปอร์สตาร์คนโปรดจึงไม่ได้ไปด้วย
ก๊อก ก๊อก
เอ๊ะ!
“ ใครมากันนะ…แม่ก็มีกุญแจนี่นา ” โม่ปิงหยูพึมพำขึ้นอย่างสงสัย
เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงประตู แล้วเขย่งเท้าดูหน้าคนที่อยู่ด้านนอกตรงตาแมว
“ คือ…พี่ชายมาหาใครคะ ” เธอถามขึ้นด้วยความกังวล เพราะตัวเธอไม่ค่อยถนัดพูดคุยกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว อย่าว่าแต่อีกฝ่ายยังเป็นผู้ชายด้วยเลย
ด้านนอกประตูเฉินจิ้ง มีสีหน้าสับสนเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเด็กสาวดังออกมาจากด้านใน
“ น้องหยูเหมยรึเปล่า…นี่พี่เฉินจิ้งเอง ” เขาบอกออกไปด้วยความไม่แน่ใจนัก เสียงที่ได้ยินมันดูไม่คุ้นเคย
“ วันนี้พี่สาวไปโรงเรียนค่ะ…มีหนูอยู่บ้านแค่คนเดียว ” เสียงเด็กสาวตอบกลับมา
“ เอ๋…แล้วพี่จ้าวเทียนล่ะ เขาไม่อยู่เหรอ ” เขาถามต่อ วันนี้เขาติดต่อจ้าวเทียนไม่ได้เลยเพราะอีกฝ่ายปิดเครื่องไว้
“ อาจารย์บอกว่ามีธุระไปข้างนอกทั้งวันค่ะ พี่เป็นอะไรกับอาจารย์เหรอคะ” เธอถามด้วยความสงสัย
“ พี่เป็นญาติกับครอบครัวของพี่จ้าวเทียนครับ งั้นหนูรอแป๊บนะพี่ขอโทรหาหยูเหมยก่อน ” วันนี้ลุงซุยให้เขามารับจ้าวเทียนไปกินข้าว แต่ดูท่าจะมาเสียเที่ยวซะแล้ว
เฉินจิ้งหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาจ้าวหยูเหมยทันที โดยที่เขาเปิดลำโพงเอาไว้ให้เด็กสาวด้านในได้ยินเสียงด้วย
“ งั้นหนูเปิดประตูให้พี่หน่อยได้ไหม เพราะลุงของพี่ฝากของมาให้พี่จ้าวเทียนเยอะแยะเลย ” เฉินจิ้งพูดด้วยสีหน้าจริงใจ เขายกถุงของฝากขึ้นมาที่ช่องตาแมว ให้เด็กสาวด้านในได้เห็น
“ ตกลงค่ะ ” โม่ปิงหยูตอบด้วยความยินดี เมื่อกี้เธอได้ยินสิ่งที่พี่หยูเหมยคุยกับผู้ชายด้านนอกหมดแล้ว อีกฝ่ายเป็นคนสนิทของครอบครัวอาจารย์จริงๆ
แอ้ดด!
“ สวัสดีจ๊ะ…หนู ” เฉินจิ้งกำลังจะพูดทักทายเด็กสาวตรงหน้า แต่เขาก็อึ้งกับภาพที่เห็นไปเสียก่อน
!!
‘ น่าร้ากกก ’
‘ ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้ ’
‘ โอ้แม่นางฟ้าตัวน้อย ฉันอยากจะกอดเธอจัง ’
‘ ฉันอยากรู้จัก อยากใกล้ชิดสนิทสนม ฉัน….. ’
แฮ่กๆ
เมื่อลมหายใจเริ่มหนัก สีหน้าของเขาก็เริ่มแดงขึ้น ตัวเขาตอนนี้เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เด็กสาวตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว
กรี๊ด!
เปรี้ยง!
อั่ก!
หมัดของโม่ปิงหยูปะทะกับใบหน้าของเฉินจิ้งอย่างแรง จนเขากระเด็นไปชนกำแพงทางเดินด้านหลัง แล้วตกลงมานอนนับดาวอยู่บนพื้น
หมัดนี้ต่อยออกมาด้วยพลังของผู้เชี่ยวชาญ เฉินจิ้งไร้ทางต่อต้านโดยสิ้นเชิง หรือต่อให้เขามีพลังที่จะต่อต้านจริงๆ แต่ในสภาวะเคลิบเคลิ้มแบบนี้ก็คงจบเหมือนเดิม
!!
“ ว้าย…พี่ชายเป็นอะไรไหม ” เธอร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“ เธอ…เธอต่อยพี่ทำไม ” เฉินจิ้งพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เบ้าตาข้างซ้ายของเขาคงจะช้ำเป็นหมีแพนด้าแล้ว
นี่มันอะไรกัน ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยทำไมถึงโดนต่อย…
ทำไมชีวิตฉันต้องเจอแต่อะไรแบบนี้…
เขาโอดครวญกับตัวเองด้วยความเศร้า หลังจากที่พยายามลุกขึ้นยืนแบบมึนๆด้วยความยากลำบาก ขาทั้งสองของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย
ทำไมเด็กคนนี้แรงเยอะจัง…
“ หนู…หนูขอโทษ เพราะเมื่อกี้พี่ชายทำหน้าตาน่ากลัว หนูเลยชกออกไปโดยไม่รู้ตัว ” โม่ปิงหยูพูดออกมาเสียงเบา ด้วยความรู้สึกผิด
เธอพึ่งจะเข้าสู่ขอบเขตผู้เชี่ยวชาญได้ไม่นาน ยังควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้ หากผู้ชายตรงหน้าโมโหที่โดนเธอทำร้าย แล้วไปฟ้องอาจารย์เธอจะทำอย่างไรดี ถ้าอาจารย์โกรธแล้วไม่รักเธอขึ้นมาล่ะ
ตอนนี้โม่ปิงหยูนั้นมองจ้าวเทียนเป็นเหมือนครอบครัวคนสำคัญไปแล้ว ซึ่งตัวเธอก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไม่ถึงรู้สึกแบบนั้น ทั้งที่พึ่งเจอกันแค่ไม่นาน แต่เหมือนมีความรู้สึกผูกพันบางอย่างอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
“ พี่อย่าโกรธนะ…หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ” เธอพูดขึ้นด้วยท่าทางเสียใจ เธออายุเพียง 12 ปีเท่านั้น เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไร น้ำตาของเธอจึงเริ่มปรึ่มๆจะไหลออกมา
“ เอ่อ…คือพี่ไม่เป็นไร ” เฉินจิ้งรู้สึกทำตัวไม่ถูก เขาเป็นฝ่ายโดนทำร้ายแท้ๆ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกผิด จนถึงขนาดที่ถ้าลงโทษตัวเองได้คงทำไปแล้ว
เมื่อมองใบหน้าเด็กสาวตรงหน้าที่พยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้
เฮือก!
เลือดกำเดาของเฉินจิ้งก็ไหลออกมาเป็นสาย ทั้งยังทำใบหน้าเคลิบเคลิ้มอีกด้วย
แหมะ!
เสียงเลือดกำเดาหยดหนึ่งตกลงบนพื้น
แงๆๆๆ
โม่ปิงหยูปล่อยโฮทันที เธอคิดว่าอาการบาดเจ็บของเฉินจิ้งหนักมากจนเลือดไหลทะลักออกมา ถ้าเขาตายเธอต้องโดนอาจารย์เกลียดแน่ๆเลย
“ หานี่ไม่ใช่…เดี๋ยวก่อน พี่ไม่เป็นไร อย่าร้องนะ โอ๋ โอ๋ ” เฉินจิ้งที่เห็นเด็กสาวตรงหน้าร้องไห้ออกมา เขาก็รีบเช็ดเลือดกำเดาแล้วพยายามจะเข้าไปปลอบ
แต่ในขณะนั้นเอง
!!
“ แก…ทำอะไรลูกสาวฉัน !” เสียงหญิงสาว ดังขึ้นมาทางด้านหลังของเขาด้วยความโกรธ
เฮือกกก
“ ออร่าน่ากลัวแบบนี้ ปีศาจเฒ่าพวกนั้นเหรอ ” เฉินจิ้งหลุดปากพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนกับตอนที่เขาพบชายชราที่เป็นอาจารย์ของครูฝึกหน่วยรบพิเศษไม่มีผิด
“ อันนี้ด้วย ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นอย่างร่าเริง เธอเดินไปหยิบถ้วยหยกใบหนึ่งมาใส่ในตะกร้าที่เธอถือมา เมื่อกับเดินช้อปปิ้งไม่มีผิด
“ นั่นมันถ้วยหยกอายุเก้าร้อยปีราชวงศ์ซ่ง ปู่ซื้อมา15ล้านหยวน ” ท่านปู่ลี่พูดขึ้นด้วยความเจ็บปวด
“ แจกันใบนี้ด้วย ” เธอเดินไปหยิบแจกันหยกอันเล็กที่มีลวดลายรูปนกกระเรียน
“ นั่นมันแจกันสมัยราชวงศ์ถัง ปู่ประมูลมา10ล้านหยวนเลยนะ” ท่านปู่ลี่อยากจะร้องไห้
สถานการณ์แบบนี้มันยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
“ ภาพเขียนม้วนนั้น เป็นของกวีเอกหลี่ไป๋เลยนะ มันราคาเกือบ 40 ล้านเลยนะ”
“ ตราหยกอันนั้นพ่อหลานซื้อให้ปู่ ราคาเกือบ10ล้านหยวน ”
“ มีดสั้นเล่มนั้นเป็นของพระสนมในราชวงศ์ถัง ปู่ประมูลมา 30 ล้าน”
“””””
“ เดี๋ยวหยุดก่อน…อันนั้นไม่ได้ดาบเล่มนั้นเป็นของตกทอดของตระกูลเรา ” ท่านปู่ลี่รีบร้องห้ามขึ้น เมื่อเห็นหลานสาวเอาดาบกลับไปเก็บที่เดิม เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ หนูบอกคุณปู่แล้วไง…เดี๋ยวหนูโอนเงินค่าของพวกนี้ให้ ” ลี่เหยาเหยาพูดด้วยใบหน้าขบขันเล็กน้อย เมื่อเห็นอาการหวงของคุณปู่เธอ
“ โธ่…หลานรัก ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่พวกนี้มันคือของสะสมสุดรักของปู่เลยนะ ” ท่านปู่ลี่พูดอย่างมีอารมณ์เล็กน้อย ยิ่งเมื่อเห็นของสะสมสุดรักอยู่ในตะกร้าผลไม้เหมือนไร้ราคาก็ยิ่งช้ำใจ
“ ก็เคล็ดวิชาที่จ้าวเทียนสอนหนูมันต้องใช้ของโบราณพวกนี้ ถ้าคุณปู่จะโกรธก็ต้องไปพูดกับเขาเองนะ อิอิ ” เธอหัวเราะออกมาด้วยความสนุกสนาน
เรื่องของเมล็ดพันธุ์แห่งทวยเทพ จ้าวเทียนได้ห้ามไม่ให้เธอบอกคนอื่นโดยเด็ดขาด
เฮ้อ
ท่านปู่ลี่ถอนหายใจออกมายาวๆ หลังจากเห็นหลานสาวเดินถือตะกร้าออกไปจากคลังเก็บของสะสมของเขาแล้ว
อย่างน้อยเธอก็เอาไปเพียงสิบกว่าชิ้นเท่านั้น แม้ราคารวมๆกันมันจะเกือบ 300 ล้านก็เถอะ แต่ถ้ามันช่วยให้เธอแข็งแกร่งขึ้นได้มันก็คุ้มค่า
ภายในห้องของลี่เหยาเหยา
ตอนนี้เธอนั่งมองกองวัตถุโบราณตรงหน้าด้วยความจริงจัง
“ เธอโชคดีมากเลยนะ…ของพวกนี้มีพลังจิตวิญญาณอยู่มากมายเลยทีเดียว หลังจากที่เธอดูดซับไปทั้งหมด คงจะขึ้นมาอยู่ในขอบเขตผู้เชี่ยวชาญระดับสูงได้เลย ” เทพธิดาตัวจิ๋วพูดขึ้นด้วยความยินดี
“ แต่มันใช้เงินไปกว่า 300 ล้านเลยนะ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปถึงจะเป็นฉันก็คงหมดตัวได้เหมือนกัน ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นด้วยด้วยความกังวล
แม้เธอจะมีเงินเยอะขนาดไหน แต่ถ้าต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นเรื่อยๆทุกครั้ง เธอก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
“ ตอนนี้เธอต้องรีบใช้ของพวกนี้ฝึกฝนเคล็ดวิชาบุปผาเย้ยสวรรค์ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากที่สุด เพราะตอนนี้พวกตระกูลที่โลภมากพวกนั้นคงใกล้จะมาถึงแล้ว ” เทพธิดาตัวจิ๋วพูดขึ้น
ก่อนหน้านี้คุณปู่ลี่ได้เล่าให้เธอฟังหมดแล้ว เรื่องผลกระทบจากการที่เธอหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์ ทำให้มีคนไปปล่อยข่าวลือว่าตระกูลของเธอได้รับโอสถในตำนาน
ตอนบ่ายโมงวันนี้ ตระกูลพวกนั้นคงพาผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมากดดันตระกูลของเธอ ซึ่งถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็คงจะเกิดการต่อสู้รุนแรงขึ้นแน่นอน
“ ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนในตระกูลของฉันเด็ดขาด ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...