กล่องที่คังหลินถือมาด้วยมีขนาดเพียงแค่สองฝ่ามือเท่านั้น ดูไปแล้วไม่น่าจะเป็นสิ่งที่สามารถเป็นความหวังของทุกคนได้เลย ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความสงสัยในท่าทีที่เปลี่ยนไปของจ้าวเทียนขึ้นมา
“ ผู้อาวุโส สิ่งนี้มันคืออะไรงั้นเหรอ ” สุดท้ายเป็นเฉินจิ้งที่ทนไม่ไหว จึงได้ถามขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก
เรื่องตัวตนที่แท้จริงของคังหลินไม่ได้เป็นความลับกับทุกคนในที่นี้ กับเทพที่มีอายุมากกว่าห้าพันปีอย่างเขา เรียกว่าผู้อาวุโสนั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว
“ ลองดู ด้วยตาตัวเองสิ” คังหลินเปิดฝากล่องที่ถืออยู่ให้ทุกคนได้เห็น อย่างไม่คิดปิดบัง
!!
“ นี่มัน…เอ่อ ” เฉินจิ้งมีท่าทีอ้ำอึ้งขึ้นมา ไม่ว่าจะพยายามมองดูกี่ที มันก็ไม่น่าจะใช่เขตอาคมได้เลยนะ
วิ้งงง!
แมลงปีกแข็งลักษณะคล้ายด้วงบินออกจากกล่อง มาเกาะอยู่บนไหล่ของคังหลิน ทั้งยังแสดงท่าทีสนิทสนมโดยการขยับปีกอย่างร่าเริง
ถึงแม้ขนาดตัวของมันจะเล็กเพียงแค่ครึ่งฝ่ามือเท่านั้น แต่ปีกสีเขียวอ่อนของมัน เมื่อกางออกกลับกว้างถึงสองฝ่ามือ
จนอดสงสัยไม่ได้ว่า…ในยามปกติมันเก็บปีกขนาดใหญ่นี้ไว้ที่ไหนกัน
“ อย่าให้รูปร่างภายนอกของมันหลอกเอาได้เชียวนะ แมลงตัวนี้คือเขตอาคมที่มีชีวิต ซึ่งมีความสามารถในการลบล้างเขตอาคมอื่น ที่อยู่ในรัศมีการทำงานของมัน ”
“ เรียกได้ว่า ขอเพียงพวกเรานำมันติดตัวไปด้วย ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแผนการชั่วร้ายของตำหนักเทวะอีกต่อไป ” จ้าวเทียนอธิบายออกมาด้วยรอยยิ้ม นี่เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมอย่างหนึ่งของเขาเท่านั้น
เพราะไม่รู้ว่าศัตรูมีจุดประสงค์อะไร ในตอนแรกเขาจึงจำเป็นต้องหาแผนรับมือ เอาไว้หลายๆแบบก่อนล่วงหน้า
“ จะว่าไป เจ้าตัวนี้มันก็ดูน่ารักดีนะ ” เฉินจิ้งลองใช้นิ้วจิ้มไปที่ปีกของแมลงตัวนี้ดู เขาคิดว่าเจนนี่เองก็น่าจะชอบเหมือนกัน
วิ้งงงง!
เจ้าด้วงสีเขียวตัวน้อยหุบปีก แล้วขยับหนีนิ้วของเฉินจิ้งทันที เหมือนไม่พอใจที่ถูกคนแปลกหน้ามาสัมผัส
“ นายต้องระวังหน่อยนะ ความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ต่างไปจากแมลงธรรมดาทั่วไปเท่าไหร่นัก โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็อาจจะตายได้เลย ” คังหลินพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง กว่าที่เขาจะสร้างมันขึ้นมาได้ ก็ยากลำบากเอาการ
โชคดีที่กงม่านเออร์ นำทรัพยากรมากมายจากสำนักสุสานโบราณมาด้วย จึงทำให้สามารถลองผิดลองถูกได้หลายครั้ง
กว่าจะได้ผลลัพธ์ออกมา มูลค่าต้นทุนที่ต้องเสียไปนั้น เทียบเท่ากับงบประมาณของแคว้นต้าฉินเป็นเวลาสิบปีได้เลย
“ ศิษย์พี่ แมลงตัวนี้มีอาณาเขตกว้างขนาดไหนงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนเทียนถามขึ้น พร้อมกับพาพวกคังหลินมาดูที่จอภาพ แล้วอธิบายสถานการณ์ต่างๆให้ฟัง
“ หืม…นี่พวกมันต้องการใช้เมืองทั้งเมืองเป็นกับดักสังหารเลยงั้นเหรอ อาณาเขตของแมลงตัวนี้ไม่กว้างถึงขนาดนั้นหรอก ”
“ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงแม้จะลบล้างเขตอาคมทั้งเมืองไม่ได้ แต่ถ้าแค่หนึ่งในสามของเมืองล่ะก็ ไม่มีปัญหา ” คังหลินพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
พวกเขาสามารถอาศัยอาวุธลับของศัตรูให้เป็นประโยชน์ได้ โดยใช้มันเล่นงานฝ่ายตรงข้ามคืนกลับไป
ซึ่งความคิดนี้ของคังหลิน คนอื่นๆก็มองออกเช่นกัน ขอแค่ช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ได้ ส่วนชะตากรรมของศัตรูทั้งสองฝ่าย พวกเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
หลังจากแก้ปัญหาหนักใจไปได้ เรื่องหลังจากนี้ก็เหลือแค่ทำอย่างไรจึงจะล่อพวกเจ้าตำหนักเทวะทั้งหมดออกมาติดกับเท่านั้น
“ ทุกคน! รีบมาดูนี่เร็วเข้า ” หวังซินหยางชี้ไปยังจอภาพหนึ่งด้วยความตกใจ
“ นั่นมัน พวกผู้อาวุโสต้วนมู่ไม่ใช่เหรอ ” เฉินจิ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ตอนนี้สิ่งที่ปรากกฎบนจอภาพคือ ผู้ฝึกตนชุดดำหลายสิบคน กำลังล้อมพวกต้วนมู่เฉียนสามคนเอาไว้ตรงกลาง นอกจากนี้ ที่ด้านข้างยังมีกลุ่มคนประมาณสิบคน ที่มีทั้งเด็กและสตรีซึ่งต่างก็ได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งหมด
“ สวมชุดสีน้ำเงินแบบนี้ ทั้งยังสะพายกระบี่ไว้ด้านหลัง คงจะเป็นคนของสำนักกระบี่เหล็กใช่ไหม ” เหยียนซืออู่มองไปยังกลุ่มคนที่ต้วนมู่เฉียนปกป้องอยู่ ถึงแม้เขาจะจากโลกนี้ไปนานถึงแปดปี แต่ก็ยังจำจุดเด่นของแต่ละสำนักได้
“ เป็นคนของสำนักกระบี่เหล็กจริงๆ ในอดีตฉันเคยมีไมตรีกับเจ้าสำนักรุ่นก่อนของพวกเขาอยู่บ้าง ดูจากสถานการณ์แล้ว ถ้าเดาไม่ผิดอีกฝ่ายคงเป็นพวกตำหนักเทวะแน่นอน ”
“ เจ้าตำหนักเทวะคงสั่งให้สำนักกระบี่เหล็กเข้าโจมตี กองทัพใหญ่สามแคว้นเป็นรายต่อไป แต่พวกเขาคงปฏิเสธ ก็เลยถูกกวาดล้างเพื่อเป็นตัวอย่างให้สำนักอื่นๆ ” เทพกระบี่พูดขึ้น พร้อมกับหันหลังเดินออกไปทันที เพื่อจะไปช่วยเหลือสำนักของสหาย
“ รอเดี๋ยวครับ ! ”
จ้าวเทียนรีบร้องห้ามเอาไว้ ทำให้เทพกระบี่หันมามองด้วยความแปลกใจ
“ พวกคุณที่ยังสู้ไหว ให้ใช้การโจมตีระยะไกลคอยก่อกวนพวกศัตรูนะ ม่านพลังของพวกฉันป้องกันเพียงการโจมตีที่เข้ามาจากภายนอกเท่านั้น ” ออโรร่าพูดขึ้นเสียดัง
ก่อนที่จะปรากฏปีกแห่งแสง สีขาวนวลขนาดใหญ่งอกออกมาจากกลางหลัง แล้วรีบบินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทั้งมิตรและศัตรูที่ได้พบเห็น
หรือพวกเธอ…จะเป็นนางฟ้าบนสวรรค์จริงๆใช่ไหม
บนท้องฟ้าที่ความสูงเกือบหนึ่งหมื่นเมตร
เขตแดนสังหารที่เกิดจากรังสีดาบนับพัน ถาโถมเข้าใส่สองผู้นำรุ่นก่อนของตำหนักเทวะอย่างมืดฟ้ามัวดิน นี่คือท่าไม้ตายลับของต้วนมู่เฉียน ที่มีชื่อว่า
“ วิถีสังหารอเวจีคมดาบ! ”
เคล็ดวิชานี้แทบจะดูดกลืนพลังของเขาจะจนหมดในพริบตา แต่หากเขาไม่ใช้ออกไปก็คงต้องพ่ายแพ้แน่นอน เพราะคู่ต่อสู้ทั้งสองคนนั้นมีขั้นพลังเหนือกว่าเขาทั้งคู่
สภาพของต้วนมู่เฉียนในตอนนี้ แค่เขายังฝืนสังขารบินอยู่บนฟ้าได้ ก็ต้องขอบคุณสวรรค์แล้ว ในเมื่อมีทั้งบาดแผลมากมายบนตัว และเลือดจำนวนมากที่ไหลทะลักออกมาย้อมเสื้อผ้าจนแดงฉาน
ที่สำคัญที่สุด คือกลิ่นอายชีวิตในร่างของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเป็นผลกระทบจากเคล็ดวิชาที่ใช้
เหตุผลเดียวที่ต้วนมู่เฉียนสามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้นานขนาดนี้ เพราะเขาเป็นเซียนคนเดียวในโลกที่ครอบครองแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์
ทั้งยังเป็นแก่นแท้สังหารที่น่าหวาดกลัวอีกด้วย…
“ ชายคนนี้จะปล่อยให้รอดชีวิตไปไม่ได้เด็ดขาด ” หนึ่งในผู้นำรุ่นก่อนของตำหนักเทวะพูดขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาว
ตรงไหล่ซ้ายยาวลงมาถึงชายโครงของเขา มีบาดแผลขนาดใหญ่ที่เกิดจากรังสีดาบที่แฝงไปด้วยแก่นแท้สังหาร ทำให้ไม่อาจรักษาได้โดยใช้พลังของตน
“ ท่านรุ่นที่หกไม่ต้องห่วง ฉันคิดว่าตอนนี้อีกฝ่ายคงจะหมดพลังแล้ว เมื่อครู่นี้คงเป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของเขา ” ชายชราอีกคนพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ เมื่อครู่หากไม่ได้รุ่นที่หกช่วยป้องกันไว้ เขาเองก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน
แต่ในขณะ ที่พวกผู้นำรุ่นก่อนทั้งสองคนกำลังพุดคุยกันอยู่นั้น ที่ไกลออกไปกลับมีหญิงสาวคนหนึ่งบินตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับปีกสีขาวที่งดงามด้านหลัง
ดูเหมือนความสามารถของเผ่าพันธุ์ที่ถูกเรียกว่า ผู้รักษาที่แท้จริงแห่งเอกภพ กำลังจะประจักษ์ขึ้นในโลกแห่งนี้เป็นครั้งแรก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...