จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 353

ภายในห้องหินสีขาวสถานที่หวงห้ามของสำนักสุสานโบราณ ขณะนี้ได้มีรังไหมสีทองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านข้างเตียงหยก ซึ่งเป็นสถานที่หลับใหลของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนัก

ผ่านมาห้าชั่วโมง

นับตั้งแต่ที่กงเสี่ยวเหมยตัดสินใจหลอมรวมกับความทรงจำในอดีตชาติ มหาเทพจูเซียนได้ใช้สมบัติล้ำค่าและทรัพยากรฝึกตนจำนวนมาก เสริมสร้างร่างกายของเธอในโลกภายนอกอย่างต่อเนื่อง

หากไม่ใช่เพราะมหาเทพต้องใช้ร่างกายของบุตรสาวเพื่อคืนชีพ คงให้เธอประสานเข้ากับร่างกายเดิมเพื่อกลายเป็นเทพโลกาขั้นหกไปแล้ว

“ ขั้นตอนสุดท้ายแล้วสินะ ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย ถึงแม้ร่างเจตจำนงของเขาจะดูโปร่งใสขึ้นมาก เพราะต้องสิ้นเปลืองพลังในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกายกงเสี่ยวเหมย

แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้น นับว่าน่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก

ร่างกายของกงเสี่ยวเหมยตอนนี้ มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกับสมบัติครึ่งศักดิ์สิทธ์ ทั้งยังได้รับกายาเทวะหงส์เพลิง ซึ่งมีความสามารถในการฟื้นฟูขั้นสูงสุด ตราบใดที่ดวงวิญญาณยังไม่แตกสลาย จะฟื้นคืนชีพได้ถึงเก้าครั้ง

และเมื่อใช้กายาเทวะนี้ร่วมกับเคล็ดวิชากายาอมตะ ผลที่ได้จะทัดเทียมกับแก่นแท้แห่งชีวิตและความตายเลยทีเดียว นับว่ามหาเทพจูเซียนได้ทุ่มเทลงแรงกับเรื่องนี้ไปมากมายมหาศาลเลยจริงๆ

วูป!

ดวงแสงสีทองได้ลอยออกมาจากร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงหยกอย่างช้าๆ นี่คือแก่นแท้แห่งกระบี่ ที่เจ้าของร่างนี้เคยบรรลุมาก่อน

มหาเทพจูเซียนได้ดึงมันออกมาให้รังไหมดูดกลืนเข้าไป ในขั้นตอนนี้เขาต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะหากผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียว สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่าในทันที

ครืนนน!

เมื่อดวงแสงสีทองจมหายไปในรังไหมอย่างสมบูรณ์ มันก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พร้อมกับปลดปล่อยความกดดันมหาศาลออกมา

“ จงหลอมรวมเข้าไปซะ ”

วูป!

ภูเขาหินวิญญาณระดับเทพที่เหลืออีกสองหมื่นก้อน ก็ได้เริ่มสลายไปอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นเส้นใยพลังงานขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน เชื่อมต่อและส่งผ่านพลังทั้งหมดเข้าไปในรังไหมสีทอง

บูมมมมมม!

ภาพลวงตาของกระบี่ขนาดยักษ์ได้ระเบิดออกมาจากรังไหม พร้อมกับเปลวไฟอมตะของกายาเทวะหงส์เพลิง คลื่นพลังอันเกรี้ยวกราดของมันทำให้เขตอาคมป้องกันที่วางเอาไว้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

นี่คือแก่นแท้กระบี่ขั้นสมบูรณ์ ที่ชาติก่อนของกงเสี่ยวเหมยเคยหลอมรวมขึ้น จากเคล็ดวิชากระบี่ระดับสูงทั้งหมดของนิกายจูเซียน ซึ่งเคยเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน

มหาเทพจูเซียนที่เห็นแบบนั้น ก็พยักหน้าขึ้นด้วยความพึงพอใจ ตอนนี้การเตรียมการทุกอย่างของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรอให้ดวงจิตของกงเสี่ยวเหมยกลับเข้าร่างเท่านั้น

วูป!

เจตจำนงของมหาเทพจูเซียนได้ไปรากฎในโลกแห่งจิตวิญญาณอีกครั้ง สายตาของเขากวาดมองดูผลึกคริสตัลตรงหน้าด้วยความคาดหวัง

ซึ่งมันก็ได้มีขนาดเล็กลงจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด เพราะถูกดูดกลืนเข้าไปในดวงวิญญาณของกงเสี่ยวเหมยอย่างรวดเร็ว ด้วยความยินยอมพร้อมใจของเธอเอง

วิ้งงง!

ภายในดวงจิตของกงเสี่ยวเหมยเวลานี้ ได้มีภาพเหตุการณ์ต่างๆในช่วงชีวิตของเธอตลอดสองพันปีในชาติที่แล้ว ปรากกฎขึ้นอย่างรวดเร็วและถูกหลอมรวมเข้ากับตัวตนของเธอในชาตินี้

ซึ่งสิ่งที่เธอกังวลในตอนแรกก็เกิดขึ้นจริงๆ เพราะความทรงจำสองพันปีของเหรินฟางเซียน มันเริ่มเข้ามาแทนที่ความทรงจำเดิมของเธอเองอย่างไม่อาจควบคุมได้

ภาพเหตุการณ์ในอดีตของกงเสี่ยวเหมย ตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดและเติบโต ตลอดจนภาพใบหน้าของพ่อแม่พี่น้อง เริ่มพร่าเลือนไม่ชัดเจนเหมือนก่อน

แม้กระทั้งภาพความทรงจำของจ้าวเทียน ชายที่เธอหลงรักเองก็กำลังถูกลบหายไปเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำร่างของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อยและเริ่มปรากฏท่าทีต่อต้านขึ้น

‘ หยุดนะ! หยุดเสียที! ฉันไม่อยากลืมพวกเขา ’

หากต้องลืมทุกคนไป แล้วการที่เธอได้รับพลังมามันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ได้ใช้มันเพื่อปกป้องคนที่รัก

แต่ทว่า

ถึงเธอจะพยายามฝืนต่อต้านสักเท่าไหร่ มันก็ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันได้เริ่มมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับแล้ว

ตามภาพความทรงจำสุดท้าย ตัวเธอได้ถูกสังหารไปแล้วในสงครามไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อย่างไร

“ หืม…นี่มันคราบน้ำตา ” เหรินฟางเซียนใช้มือสัมผัสไปที่ใบหน้าตนเองด้วยความแปลกใจ เท่าที่จำได้ตนเองไม่เคยหลั่งน้ำตามานานแล้ว แม้กระทั่งในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตก็ตาม

“ เซียนเออร์ เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ”

!!

“ ท่าน…ท่านพ่อ ” เหรินฟางเซียนตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เพราะในความทรงจำสุดท้าย เธอได้ถูกมหาเทพจูเซียนสังหารเองกับมือ

“ ไม่ต้องกังวล…ตอนนี้เจตจำนงของข้าได้หลุดจากการควบคุมของเต๋าสวรรค์แล้ว ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นแววตาเจ็บปวดกับท่าทีของบุตรสาว มันทำให้เขานึกไปถึงความทรงจำเลวร้ายในอดีต

แวบ!

ดวงแสงสีทองขนาดเล็ก ได้ลอยเข้าไปตรงกลางหน้าผากของเหรินฟางเซียน นี่คือความทรงจำที่ผ่านมาตลอดหนึ่งหมื่นปีของมหาเทพจูเซียน ซึ่งได้ถูกตัดทอนเรื่องราวบางอย่างออกไป เหลือเพียงเรื่องที่เขาต้องการให้เธอรู้เท่านั้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเหรินฟางเซียนรับรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว เธอก็พูดขึ้นด้วยแววตาเศร้าสร้อย

“ ที่แท้…ข้าได้ตายไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน หลงเหลือเพียงแค่ความทรงจำ ส่วนร่างที่ใช้อยู่ก็เป็นของหญิงสาวที่ชื่อว่ากงเสี่ยวเหมย ซึ่งเป็นดวงวิญญาณของข้ากลับชาติมาเกิดใหม่ ”

“ แต่เพราะขั้นตอนการหลอมรวมความทรงจำ ทำให้ตัวตนของกงเสี่ยวเหมยถูกลบหายไปจนหมด และถูกแทนที่โดยตัวตนของข้าในตอนนี้ ”

เรื่องนี้มันได้สร้างความสะทกสะท้อนใจให้กับตัวเธอเป็นอย่างมาก เพราะเหมือนตนเองไปช่วงชิงชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งมาโดยไม่รู้ตัว

‘ ตอนนี้…สิ่งเดียวที่ข้าจะทำเพื่อกงเสี่ยวเหมยได้ ก็คือการรักษาจ้าวเทียนกับลี่เหยาเหยาซึ่งเป็นสหายคนสำคัญ และช่วยเหลือพวกเขาต่อสู้ในสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น’

เมื่อคิดได้แบบนี้ เหรินฟางเซียนจึงค่อยลดทอนความรู้สึกผิดในใจลง จากนั้นเธอก็มองไปยังมหาเทพจูเซียนผู้ซึ่งเป็นบิดาด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว

“ ท่านพ่อ ลูกจะทำตามความปรารถนาของกงเสี่ยวเหมยให้สำเร็จ เพื่อชดเชยให้กับการเสียสละของเธอ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน