จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 36

เวลาหนึ่งทุ่ม

จ้าวเทียนเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน เรื่องของสำนักโบราณสร้างความปวดหัวให้เขาเป็นอันมาก

หรือว่าฉันควรจะฝึกฝนกองกำลังของตัวเอง…

เพื่อปกป้องทุกคน…

หืม…

“ เฉินจิ้ง…นายไปโดนอะไรมา ” จ้าวเทียนถามด้วยความตกใจ

เฉินจิ้งเวลานี้นอนเป็นมัมมี่อยู่บนโซฟารับแขก ทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าขาว มีแต่ส่วนใบหน้าเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกผ้าพันไว้

มองใบหน้าที่บวมปูดเหมือนหัวหมูของเฉินจิ้ง จ้าวเทียนก็ต้องกลั้นขำไว้ เขาพอจะรู้แล้วว่าทั้งหมดคงเป็นฝีมือของโม่ซินหยาน

เขาจำกลิ่นอายลมปราณที่ตกค้างอยู่บนบาดแผลของเฉินจิ้งได้ เพราะตั้งแต่เข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ ประสาทสัมผัสการรับรู้ของเขา ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าตอนเป็นผู้เชี่ยวชาญหลายเท่า

“ คือ…ผมฝึกวิชากับอาเจ้โม่นิดหน่อยครับ ” เฉินจิ้งตอบเสียงอ่อน เพราะสายตาข่มขู่ของโม่ซินหยานที่มองมาเหมือนจะบอกกลายๆ ว่าถ้าเขาปากโป้งคงจะเจ็บตัวอีกไม่ใช่น้อย

เฉินจิ้งถูกโม่ซินหยานซ้อมอยู่เกือบ 2 ชั่วโมง อาจจะเป็นเพราะว่าเธอรู้สึกมันส์มือมากเกินไปหน่อย สภาพของเขาเลยเป็นแบบนี้ คืนนี้เขาคงต้องนอนค้างที่นี่แล้วเพราะแค่จะเดินยังเดินไม่ไหวเลย

“ ไม่เป็นไรหรอก…กินยาเม็ดนี้ซะ พักที่นี่ซักคืน พรุ่งนี้นายก็ลุกขึ้นเดินได้แล้ว บาดแผลพวกนี้เป็นเพียงแผลภายนอกเท่านั้น ” จ้าวเทียนเดินมาตรวจดูอาการของเฉินจิ้งแล้วพูดขึ้น

“ ว่าแต่…นายมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ ” จ้าวเทียนถามด้วยความสงสัย

“ ลุงซุยให้มารับพี่ไปทานข้าวที่บ้าน…เขาบอกมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ ” เฉินจิ้งตอบ

จ้าวเทียนเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา เขารู้ดีว่าลุงซุยจะคุยเรื่องอะไร แต่เขาก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เพราะตั้งแต่ที่พ่อเสียไป ลุงซุยก็เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของเขาที่ยังเหลืออยู่

“ เอาเถอะ…เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปพร้อมนายก็แล้วกัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยท่าทีเหนื่อยใจ เขาคงต้องไปคุยกับลุงซุยให้ชัดเจน คงจะดีกว่า

“ อาจารย์…หนูอยากเรียนกระบวนท่าต่อสู้ ” โม่ปิงหยูวิ่งมากอดแขนจ้าวเทียนอย่างออดอ้อน วันนี้เธอเห็นการต่อสู้ของจริงด้วยสองตาของเธอเองแล้วอยากทำได้แบบนั้นบ้าง

เคล็ดอมตะที่จ้าวเทียนให้เธอฝึกนั้น มันเป็นการฝึกปราณภายใน เพื่อยกระดับขอบเขตพลัง แต่ตัวเธอเองนั้นไม่มีพื้นฐานการต่อสู้เลย มันก็เหมือนกับเด็กอายุ 10 ขวบที่ถืออาวุธในตำนานเอาไว้

“ ได้สิ…เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้า อาจารย์จะสอนกระบวนท่าต่อสู้ให้เธอเอง ” จ้าวเทียนตอบด้วยรอยยิ้ม เขาลูบหัวโม่ปิงหยูด้วยความเอ็นดู ตอนนี้เขาเองก็เริ่มชินกับนิสัยขี้อ้อนของเธอแล้ว

แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันรู้สึกเหมือนมีน้องสาวเพิ่มมาอีกคน…

จะว่าไปแล้วน้องสาวจริงๆของฉันล่ะ…

โม่ซินหยานที่เห็นจ้าวเทียนมองไปรอบๆบ้าน เหมือนหาใครบางคนอยู่ เธอก็ได้พูดขึ้น

“ น้องหยูเหมยเธอบอกว่าจะแวะไปที่ตระกูลลี่…อาจจะกลับมาช้าหน่อย ”

หืม

“ จะว่าไปวันนี้ที่ตระกูลลี่น่าจะมีการประชุมกับอีก 5 ตระกูลใช่ไหม งั้นเดี๋ยวฉันลองโทรไปถามลี่เฟยดูดีกว่า ” จ้าวเทียนหยิบมือถือออกมาเปิดเครื่อง เขาก็พบว่ามีคนฝากข้อความไว้มากมาย

วันนี้หลังจากที่จัดการธุระเสร็จ เขาก็ลืมเปิดเครื่องไปซะสนิท เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องที่ได้ฟังมาจากผู้อาวุโสเหยียน

ตรู้ดด

หลังกดโทรออกไปไม่นาน ก็มีคนรับสายทันที

“ ลี่เฟย…ฉัน ” จ้าวเทียนกำลังจะพูดแต่ก็โดนอีกฝ่ายขัดขึ้นมา

“ กว่านายจะเปิดเครื่องได้นะ…รู้ไหมวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง! ”

“ ก็ฉันบอกไปแล้วไง…ว่าไปฝึกวิชา ” เขาพูดอธิบาย

“ ฉันไม่สน…วันนี้นายต้องโดนฉันลงโทษ รู้ไหมวันนี้ตระกูลของฉันเกือบจะล่มสลายแล้วนะ ”

“ หืม…มันเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยแววตาเย็นชา

“ ไม่ต้องห่วง…ตอนนี้เรื่องทุกอย่างจบแล้ว เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้นายอยู่ไหน ”

“ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้อง ” เขาตอบ

“ รออยู่ที่นั่นแหละ!…เดี๋ยวฉันจะไปหา บอกไว้ก่อนนะว่าฉันจับน้องสาวนายไว้เป็นตัวประกันแล้ว ถ้าฉันไปถึงที่ห้องแล้วไม่เจอนายละก็ หึหึ ”

ตรู้ดดด!

ลี่เฟยกดวางสายไปแล้ว

จ้าวเทียนนั่งมองโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกแปลกๆ

นี่มันเกิดอะไรขึ้น…

หลังจากที่เขาคิดหาเหตุผลไม่ได้ ก็โทรกลับไปหาคนอื่นต่อ เพราะช่วงที่เขาปิดเครื่องไว้ มีหลายคนฝากข้อความไว้ให้โทรกลับ

ผ่านไป 30 นาที

‘ นี่มันแปลกมาก…ทำไมมีแค่เบอร์ของลี่เหยาเหยา กับพี่กงเสี่ยวเหมยที่ตัดสายฉันทิ้ง ’

‘ คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอใช่ไหม ’

โม่ปิงหยูที่เห็นจ้าวเทียนดูซึมๆไป เธอจึงขยับเข้ามานั่งกอดแขนจ้าวเทียนออดอ้อนเหมือนลูกแมว ซึ่งมันก็ทำให้จ้าวเทียนหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

ปิงหยูคงอยากให้ฉันสบายใจขึ้น…

ช่างเถอะ พวกเธอคงไม่เป็นอะไรหรอก…

ถ้าเกิดอะไรขึ้น ลี่เฟยก็บอกฉันแล้ว…

โม่ซินหยานมองท่าทางสนิทสนมของจ้าวเทียนกับลูกสาวเธอด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกมีความสุขและอบอุ่นมาก บรรยากาศของครอบครัวคงเป็นแบบนี้เอง

การตัดสินใจทำงานให้กับจ้าวเทียนคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอจริงๆ

เฉินจิ้งมองภาพตรงหน้าด้วยตาละห้อย

‘ ฉันอิจฉาพี่จ้าวเทียนจริงเลยๆ ’

แอ๊ด!

” เอ๋…พี่ชายตัวสูงขึ้นรึเปล่า ร่างกายก็ดูใหญ่ขึ้นด้วย ” จ้าวหยูเหมยถามขึ้นด้วยความสงสัย เธออยู่กับจ้าวเทียนตลอดเวลา พี่ชายเธอมีอะไรแปลกไปก็รู้ได้ทันที

“ น่าจะสูงขึ้นมา 5cm มั้ง…มันเป็นผลของการฝึกนะ ” จ้าวเทียนตอบ ดีที่ก่อนกลับมาเขาแวะไปตัดผมแล้ว ไม่งั้นน้องสาวเขาคงตกใจกว่านี้

ในขณะที่เขานึกว่าเรื่องในวันนี้คงจะจบแล้ว

แปะ!

ลี่เฟยได้เอามือมาแตะบ่าของเขาเบาๆ

“ นายเพิ่งกลับมา…คงจะยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม พอดีเลยพวกฉันซื้อของกินมาให้นายเยอะแยะเลย ไม่ต้องห่วงฉันถามจากน้อยสาวนายมาแล้วมีแต่ของที่นายชอบทั้งนั้น ” ลี่เฟยพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ เอ่อ…พี่ชาย หนูเพิ่งนึกได้ว่าต้องทำการบ้าน ขอตัวก่อนนะ ” จ้าวหยูเหมยวิ่งหายเข้าไปในห้องนอนของเธอทันที

แกร๊ก!

แถมเธอยังล็อคประตูด้วย

!!!

เอิ่มม

“ ตอนนี้ร่างกายของฉันยังไม่ฟื้นตัวที คงกินอะไรไม่ได้หรอก” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ตอนนี้เขาคงต้อปกป้องตัวเองก่อน

“ นายพูดจริงเหรอ ” ลี่เฟยถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“ ฉันจะโกหกทำไม…เธอก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายฉันใช่ไหม ตอนนี้ตัวฉันยังฟื้นฟูไม่เต็มที่เลย ” จ้าวเทียนให้เหตุผลออกมาจนสาวๆเริ่มเชื่อ

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตอนนี้ลี่เหยาเหยากับกงเสี่ยวเหมยได้มายืนอยู่ข้างหลังจ้าวเทียนเรียบร้อยแล้ว ในมือของทั้งคู่ถือกล่องอาหารอยู่คนละกล่อง…

“ งั้นอาหารที่พวกเราซื้อมาละ…จะทำไงดี ” ลี่เฟยพูดออกมาด้วยสีหน้าเซ็งๆ

“ ว่าแต่…ปิงหยูเธอหายไปไหนแล้วเหรอ ” จ้าวเทียนถามเบี่ยงประเด็น

“ อ๋อ…ฉันให้cdเพลงใหม่ล่าสุดของฉันไปน่ะ ตอนนี้เธอคงกำลังฟังอยู่ในห้อง ” ลี่เหยาเหยาตอบ

“ อืม…แล้วพวกเธอซื้ออะไรมาบ้างล่ะ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความอยากรู้ บางทีมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิด

“ สมองหมู ”“ เต้าหู้เหม็น ”

โอเค…ดีละที่ฉันกินไม่ได้ ตอนนี้ก็เหลือแต่จะทำไงกับอาหารพวกนี้ดี

ทันใดนั้นจ้าวเทียนก็เหมือนหันไปเห็นอะไรบางอย่าง

มัมมี่ที่นอนอยู่บนโซฟา…

มันกำลังส่งสายตาอ้อนวอนมาทางเขา…

ฉันรู้ว่านายก็คงไม่อยากถูกดึงเข้ามาเกี่ยวด้วย…

แต่ฉันจะไม่ยอมกินมันแน่นอน…

“ เฉินจิ้ง!…นายหิวไม่ใช่เหรอ มากินข้าวเย็นเถอะ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน