จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 377

การโจมตีของจ้าวเทียนนั้น ทั้งจังหวะและตำแหน่งล้วนสมบูรณ์จนถึงขีดสุด จนทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีโอกาสตอบโต้แม้แต่น้อย

นี่คือข้อได้เปรียบของผู้บรรลุแก่นแท้มิติ ที่สามารถไปปรากฏตัวตรงสถานที่ไหนก็ได้ เท่าที่สัมผัสวิญญาณแผ่ขยายไปถึง

และแน่นอนว่า อาณาเขตสัมผัสวิญญาณของจ้าวเทียนนั้นจะเหนือกว่าผู้ฝึกตนในขอบเขตเดียวกันสิบเท่าเสมอ

จึงเป็นเหตุผล ที่เขาสามารถปรากฏตัวขึ้นตรงไหนก็ได้ ภายในอาณาเขตทะเลจีนตะวันออกทั้งหมด อย่าว่าแต่ระยะทางเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตรแบบนี้เลย

ตูมมมม!

คลื่นสูงนับร้อยเมตรระเบิดขึ้นไปเหนือท้องทะเล ร่างอันใหญ่โตของหมึกยักษ์คราเคน ปลิวกระเด็นไปหาอนันตกาลเสื่อมสลาย อย่างไม่อาจต้านทานได้

“ ไอ้หมึกยักษ์ จงหายไปซะ! ” เฉินจิ้งตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล เขาควบคุมปีศาจลูกตาพุ่งเข้าใส่ศัตรูทันที

“ อนันตกาล กลืนวิญญาณ! ”

ลูกตาขนาดยักษ์ได้ฉายลำแสงสีม่วงเข้าใส่ร่างอสูรกายคราเคน เริ่มตั้งแต่หนวดไปจนถึงลำตัว ไม่ว่าจะเป็นตรงส่วนไหน หากโดนลำแสงนี้เข้าไปจะถูกช่วงชิงชีวิตและวิญญาณจนเปลี่ยนเป็นสีเทาในพริบตา

“ บัดซบ อย่าได้หวังไป ” อสูรกายคราเคนตะโกนออกมาอย่างเย็นชา มันปลดปล่อยหมึกดำจำนวนมากออกมาย้อมทุกสิ่งทุกอย่างจนเป็นสีดำ ทำให้แสงสีม่วงไม่อาจทะลุผ่านมาได้

จากนั้นร่างอันใหญ่โตของมันก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วจนกลับมาอยู่ในร่างของชายชรา อาศัยความคล่องตัวหลบรอดจากรยางค์มากมายของอนันตกาลเสื่อมสลาย ที่โจมตีเข้ามาอย่างง่ายดาย

ตูมม!

ร่างเงาสีดำพุ่งขึ้นจากผิวน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เคลื่อนย้ายพริบตากลับไปยืนอยู่บนเรือรบไวกิ้งอย่างทุลักทุเล

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตูมม!

รังสีกระบี่แปดพันสายของจ้าวเทียนที่ตามไล่หลังอีกฝ่ายมา ก็ได้เข้าปะทะกับม่านพลังที่ปกคลุมเรือลำนั้นอยู่อย่างรุนแรง

ผลกระทบจากคลื่นพลังทำลายล้างระเบิดออกไปรอบด้าน ทำให้กำแพงมิติในอาณาเขตหมื่นเมตรพลังทลาย เรือรบไวกิ้งถูกกระแทกจนปลิวกระเด็นไปไกล หากไม่ใช่เพราะมีเทพมังกรอ๋าวมู่แอบช่วยเหลืออยู่ มันคงถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆไปแล้ว

“ นี่มันเป็นไปไม่ได้ ผู้ฝึกตนบนโลกจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร ” คราเคนพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก แผ่นหลังของมันเต็มไปด้วยบาดแผลฉีกขาดมากมาย แม้แต่พลังของสายเลือดบรรพกาลที่มันภูมิใจ ก็ยังไม่อาจป้องกันได้

“ ที่เธอเห็น ยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเขาหรอก ” เทพมังกรอ๋าวมู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เขารู้สึกแปลกใจมากที่จ้าวเทียนใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็สามารถครอบครองพลังระดับนี้ได้

‘ สมกับเป็นผู้ถูกเลือกของพี่อ๋าวเฟิงจริงๆ ทั้งที่มีอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ สามารถติดหนึ่งในสามอันดับแรกของผู้ถูกเลือกทุกคนได้สบาย ’

‘ ซึ่งเมื่อเทียบกับผู้ที่ถูกเลือกของฉันแล้ว… ’

เทพมังกรอ๋าวมู่หันไปมองผู้ถูกเลือกของตนด้วยความหนักใจ เขาได้แต่หวังว่า เวลาอีกสี่ปีนับจากนี้จะสามารถลดช่องว่างของทั้งสองฝ่ายได้ทัน

คราเคนในตอนนี้ ไม่เหลือมาดยอดฝีมือผู้หยิ่งทะนงอีกแล้ว ใบหน้าของเขาซีดขาวด้วยความหวาดกลัว ทั่วทั้งตัวชุ่มไปด้วยเลือดสีฟ้า จากบาดแผลมากมายที่เกิดเพราะการหลบหนีเมื่อครู่

แต่ที่สาหัสที่สุดคือแขนซ้ายของเขาตั้งแต่หัวไหล่ลงไป มันกลายเป็นสีเทาสูญสิ้นทั้งพลังชีวิตและชิ้นส่วนดวงวิญญาณจนไม่อาจใช้งานได้อีก

อ้ากกกก!

คราเคนคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว มันฉีกกระชากแขนของตนเองออกมา แล้วขว้างลงทะเลไปอย่างโมโห

“ เหอะ ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ว่าเผ่าพันธุ์ของแกจะพ่นหมึกสีดำออกมาเพื่อหลบหนีเอาตัวรอด ”

“ แต่ก็เพิ่งจะเคยเห็นด้วยตาตนเอง เป็นครั้งแรกนี่แหละ ”

แต่ก็น่าเสียดาย ที่ถึงแม้เขาจะงอกแขนคืนกลับมาได้ แต่ก็ไม่อาจรู้สึกหรือควบคุมมันได้เลย เหมือนมันกลายเป็นเพียงอวัยวะไร้ประโยชน์ที่ติดอยู่ตรงหัวไหล่เท่านั้น

“ ไม่มีประโยชน์ เมื่อโดนอนันตกาลเสื่อมสลายช่วงชิงชิ้นส่วนวิญญาณไปแล้ว จะไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้ ยกเว้นว่าสังหารผู้ใช้เคล็ดวิชาสำเร็จเท่านั้น ” เทพมังกรอ๋าวมู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

“ โธ่เว้ย! ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนเข้ามาสอด อีกไม่นาน ฉันก็คงสังหารมังกรมารอเวจีตัวนั้นได้แล้ว ” คราเคนพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด เขาแค้นมากที่ถูกลอบโจมตีในช่วงเวลาสำคัญพอดี

“ อย่าประมาทเผ่าพันธุ์มังกรมารอเวจีจะดีกว่า รู้ไหมถ้าชายหนุ่มคนนั้นมีพลังอยู่ในระดับเดียวกันกับเธอ ผลการต่อสู้จะพลิกกลับเป็นอีกรูปแบบทันที ”

“ ฉันยอมรับ ว่าสายเลือดที่กลายพันธุ์มาจากอสูรบรรพกาลแห่งการกลืนกินของเธอนั้นแข็งแกร่งที่สุด ถ้าเทียบกับสายเลือดอื่นๆบนโลกใบนี้ แต่มันก็จำกัดอยู่เพียงบนโลกเท่านั้น ”

“ ถ้าให้เปรียบเทียบกับสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรมารอเวจี ซึ่งอยู่อันดับที่เจ็ดของเผ่าพันธุ์ทั้งหมดในจักวาลแล้ว ความแตกต่างมันก็เห็นได้ชัดเจน ” เทพมังกรอ๋าวมู่เตือนอีกฝ่ายด้วยความหวังดี

“ ผู้อาวุโสหมายความว่า อีกสี่ปีข้างหน้า ถ้าอีกฝ่ายบรรลุพลังในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา ฉันจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้งั้นเหรอ ” คราเคนพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ทำให้เทพมังกรอ๋าวมู่ถอนหายใจ พร้อมกับหยิบผลึกสีดำออกมา

“ ถึงแม้ฉันจะไม่สามารถมอบสายเลือดมังกรให้เธอได้ แต่ด้วยไขกระดูกสัตว์เทวะอันนี้ มันจะช่วยกระตุ้นให้สายเลือดของเธอหวนคืนสู่บรรพบุรุษ และได้รับพลังทั้งหมดของอสูรบรรพกาลแห่งการกลืนกินมา ”

“ แต่ว่าถ้าทำแบบนั้น ชั่วชีวิตของเธอจะไม่มีวันก้าวข้ามบรรพบุรุษได้อีก ต่อให้ภายภาคหน้าเธอจะได้รับโอสถระดับเทวะหรือสมบัติล้ำค่าแห่งจักรวาลมา ขั้นพลังของเธอก็จะไม่มีวันทะลวงผ่านขีดจำกัดนั้นไปได้ตลอดกาล ”

คำพูดประโยคนี้ของอีกฝ่าย ทำให้คราเคนจ้องมองผลึกสีดำที่อยู่ในมืออย่างลังเล เนื่องจากความใฝ่ฝันตลอดหลายหมื่นปีของเขาก็คือการเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ไม่ใช่แค่เพียงในโลกเล็กใบนี้

“ หากฉันใช้มัน จะสามารถเอาชนะจ้าวเทียนได้ไหม ”

“ เรื่องนี้…ฉันเองก็ตอบไม่ได้เช่นกัน เพราะเมื่อเธอปลุกสายเลือดแล้ว ถึงแม้ขั้นพลังจะเท่าเดิม แต่จะได้รับสืบทอดความทรงจำและความสามารถทั้งหมดของบรรพบุรุษ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษของเธอจะแข็งแกร่งขนาดไหน ” เทพมังกรอ๋าวมู่ตอบออกมาตามตรง

ในขณะที่คราเคนกำลังตัดสินใจอย่างยากลำบาก จ้าวเทียนที่รักษาเฉินจิ้งเสร็จแล้ว ก็เดินเหยียบอากาศเข้ามา พร้อมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ เทพมังกรอ๋าวมู่…คุณคิดจะสอดมือเข้ายุ่งเกี่ยวในการต่อสู้นี้หรือเปล่า ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน