ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้
หลังการถ่ายทอดสดพิธีจุติเทพเจ้าของ ญี่ปุ่น อียิปต์ และไอซ์แลนด์ในช่วงเช้าจบลง ทั่วทั้งโลกก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
สื่อต่างๆพากันประโคมข่าวอย่างไม่สนใจผลกระทบใดๆทั้งสิ้น ทุกคนต่างพากันฉกฉวยผลประโยชน์ในช่วงเวลาสำคัญนี้กันหมด
ถึงแม้รัฐบาลแต่ละประเทศจะพยายามออกมาควบคุมสถานการณ์ไว้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานความบ้าคลั่งของประชาชนหลายล้านคนได้
โลกในยุคนี้มีช่องทางติดต่อสื่อสารมากมาย ไม่มีทางที่คนกลุ่มน้อยจะปิดหูปิดตาคนส่วนใหญ่ได้เหมือนในอดีต
ทำให้ตอนนี้ เว็บบอร์ดบนอินเตอร์เน็ตต่างก็ลุกเป็นไฟ เพราะมีการตั้งกระทู้มากมายเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกันอย่างดุเดือด จนเครือข่ายแทบจะล่มเลยทีเดียว
“ นายดูการถ่ายทอดสดของญี่ปุ่นหรือเปล่า นี่มันสุดยอดมาก ที่ได้เห็นเทพเจ้าตัวเป็นๆจุติลงมาจากสวรรค์ ”
“ ฉันต้องดูอยู่แล้ว เรื่องสำคัญแบบนี้จะพลาดได้ยังไง ”
“ ในที่สุด…องค์เทพีอามาเทราสุและจันทราเทพซึคุโยมิ ก็เสด็จลงมาแล้ว ศาสนาชินโตของพวกเราจะฟื้นคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ”
“ พวกญี่ปุ่นพูดอะไรไร้สาระ ก็แค่เทพนอกรีตเพียงสองตน จะมาสู้มหาเทพโอซิริสผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศอียิปต์เราได้อย่างไร ”
“ บากะ! กล้าดียังไงมาดูถูกท่านอามาเทราสุกับท่านซึคุโยมิ คิดจะลองดีกับพวกเรางั้นเหรอ ”
“ เหอะ พวกแกจะเถียงกันไปเพื่ออะไร ไม่เห็นปรากฏการสุริยุปราคาที่เกิดขึ้นทั่วโลกเหรอ ต่อให้เอาหัวแม่เท้าคิดก็รู้ ว่าราชันเทพโอดินของพวกเราทรงพลังที่สุด ”
“ ว่าไงนะ เทพเจ้าของพวกเราต่างหากทรงพลังที่สุด ท่านก็แค่ไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้มนุษย์เท่านั้น เลยจุติลงมาแบบเรียบง่าย ”
จากแรกเริ่มที่เป็นการพูดคุยปกติ เพียงพริบตาก็เปลี่ยนเป็นถกเถียงกันว่าเทพเจ้าของใครแข็งแกร่งกว่า และไม่ใช่เพียงแค่ในอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว แม้แต่สื่อโทรทัศน์เองก็ออกมาจุดประเด็นเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ซึ่งผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ก็คือกลุ่มคนจำนวนมากที่นับถือศาสนาอื่นนอกเหนือไปจากสามประเทศนี้ ได้ออกมาเดินขบวนประท้วงให้รัฐบาลของประเทศพวกตนทำการอัญเชิญเทพเจ้าลงมาบ้าง
โดยเฉพาะศาสนจักรแห่งแสงซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ศาสนาคริสต์ที่มีจำนวนผู้นับถือเป็นอันดับหนึ่งของโลก ไม่ถึงสามชั่วโมงหลังจากการถ่ายทอดสดจบลง นครวาติกันของพวกเขาก็ถูกปิดล้อมด้วยฝูงคนนับล้านทันที
เพราะเรื่องนี้เอง ทำให้โซเฟียและออโรร่าต้องรีบบินกลับไปควบคุมสถานการณ์อย่างเร่งด่วน โดยไม่ได้บอกลาจ้าวเทียน
ในขณะที่ผู้นำแต่ละประเทศกำลังหัวหมุนกับปัญหาที่เกิดขึ้น อเมริกาที่นิ่งเงียบมาตลอดก็พลันเคลื่อนไหวอย่างครึกโครม สื่อต่างๆของพวกเขาต่างพากันเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้มีพลังพิเศษออกมาพร้อมกัน
ซูเปอร์ฮีโร่แทบทุกคนในคอมมิคหรือภาพยนตร์นั้น…มีตัวตนอยู่จริง
รัฐบาลอเมริกาได้ค้นพบตัวตนของพวกเขามานานแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างทำงานร่วมกันในการปกป้องโลก
องค์กรซีลด์คือหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ พวกเขามีทีมเฉพาะกิจที่รวมรวบผู้มีพลังพิเศษไว้จำนวนมาก
สุดท้าย แม้แต่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน ก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว พร้อมกับริคจอนห์สัน ผบ.สูงสุดองค์กรซีลด์
โดยเนื้อหาจะเป็นการยืนยันถึงตัวตนของผู้มีพลังพิเศษ ที่ทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ข้อมูลตรงส่วนนี้ละเอียดเป็นอย่างมาก มีแม้กระทั่งภารกิจสำคัญที่เคยเข้าร่วม รวมไปถึงรางวัลที่ได้รับ ต้องบอกเลยว่าสวัสดิการต่างๆที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามอบให้คนเหล่านี้ ดูเลิศหรูอลังการเป็นอย่างมาก
ถือได้ว่าเป็นการโฆษณาอย่างหนึ่ง เพื่อให้ผู้มีพลังพิเศษที่ปกปิดตนเองอยู่ เข้ามาติดต่อขึ้นทะเบียนเป็นฮีโร่อย่างถูกกฎหมายด้วยตัวเอง
จนแม้แต่พวกจ้าวเทียนที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่ ยังต้องยกนิ้วให้ด้วยความชื่นชม อเมริกาจัดการทุกเรื่องได้สมกับที่เป็นอเมริกาจริงๆ พวกเขาไม่เคยพลาดในการหาผลประโยชน์มาก่อน
แต่หากคิดว่านี่คือทั้งหมดแล้ว…ขอบอกเลยว่าคุณคิดผิด
เพราะหลังจากการให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจบลง กล้องก็ได้จับภาพขึ้นไปบนฟ้า
ยานอวกาศลำใหญ่ที่มีธงชาติอเมริกา !
มันกำลังลดระดับลงมาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสามารถมองเห็นฝูงคนนับร้อยที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าของยานลำนั้น ซึ่งล้วนแต่เป็นบุคคลที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในภาพยนตร์หรือหนังสือการ์ตูน
ทำให้ประชาชนชาวอเมริกันที่เข้าร่วมการถ่ายทอดสด หรือนั่งดูโทรทัศน์อยู่ทางบ้าน ต่างพากันตะโกนเรียกชื่อของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
“ นั่นมัน…ซูเปอร์แมนใช่ไหม ”
“ กรี๊ดด ไอรอนแมน ฉันรักคุณ! ”
!!
“ โดดเด่นกว่างั้นเหรอ…คงไม่ใช่ว่าคิดจะทำพิธีจุติเทพเหมือนกันหรอกนะ ” อั้งฮวงหลงถามขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย เขาไม่อยากใช้วิธีแสดงปาหี่หลอกลวงประชาชน
“ แน่นอนว่าไม่ใช่ ในเมื่อมีผู้ฝึกเซียนอย่างพวกเราอยู่แล้ว จะไปใช้วิธีอ้อมค้อมทำไม ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาเข้าใจความคิดของทุกคนดี ว่าไม่ต้องการลดตัวไปกระทำเรื่องแบบนั้น
“ หรือว่า…สหายน้อย นี่นายคิดจะ ” เทพกระบี่มองจ้าวเทียนด้วยความตกใจ
แวบ!
หวังซินหยางได้เปิดจอภาพขนาดใหญ่ขึ้นด้านหลังจ้าวเทียน มันคือแผนที่ของประเทศจีนทั้งหมด โดยจะมีสัญลักษณ์วงกลมสีแดงนับร้อยอยู่ตามพื้นที่ต่างๆนอกเมืองใหญ่
“ ฉันรู้ดี ว่าการที่บีบบังคับให้พวกคุณละทิ้งรากฐานเดิม ออกมาสู่โลกภายนอกเพื่อเข้าร่วมกับหน่วยงานของรัฐบาล มันก็ได้ทำให้ใครหลายๆคนไม่พอใจ ”
“ ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนความพยามของพวกคุณ ในการปฏิบัติภารกิจให้ประเทศ รัฐบาลจึงอนุมัติให้พวกคุณสามารถก่อตั้งสำนักขึ้นมาใหม่ได้ อีกทั้งยังอนุญาตให้รับศิษย์เข้าฝึกฝน ได้เหมือนกับสถานที่ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ”
สิ้นเสียง แววตาของเจ้าสำนักทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที มันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดีใจ ที่พวกเขากำลังจะได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมาอีกครั้ง
เพราะตั้งแต่ออกมาอยู่ในโลกภายนอก พวกเขาก็ต้องอาศัยอยู่ในบ้านพักถูกจัดเตรียมไว้ จะไปไหนหรือทำอะไรก็มีแต่คนจับตามอง ขาดความซึ่งอิสระเหมือนติดคุกก็ไม่ปาน
แต่ด้วยเงื่อนไขที่จ้าวเทียนมอบให้ พวกเขาก็จะได้สถานที่ที่เรียกว่าบ้านของตนเองกลับคืนมาอีกครั้ง แล้วจะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร
“ จุดที่ทำสัญลักษณ์เอาไว้บนแผนที่ คือที่ดินของทางรัฐบาลที่มอบให้พวกคุณในการก่อสร้างสำนักขึ้นมาใหม่ เชิญเอาไปจัดสรรกันได้ตามสบาย ” หวังซินหยางนำเอกสารปึกหนึ่งไปมอบให้กับหลวงจีนคิ้วขาว ในนั้นเป็นรายละเอียดที่ดินแต่ละฝืน ที่ถูกวงไว้ในแผนที่บนจอภาพ
“ เงื่อนไขเพียงอย่างเดียวที่ฉันต้องการจากพวกคุณก็คือ ภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงหลังจากนี้ ทุกสำนักจะต้องถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์ และพร้อมที่จะเปิดเผยตัวออกสู่สายตาชาวโลก ”
“ ว่ายังไง…พวกคุณคิดว่าทำได้ไหม ” จ้าวเทียนถามย้ำขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง นี่คือก้าวแรกของพวกเขา และยังเป็นก้าวสำคัญที่หน่วยเซียนเทียนจะทิ้งชื่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของโลก
‘ ทั้งการเจรจาเงื่อนไขกับพวกเทพมังกร และพิธีเปิดตัวหน่วยเซียนเทียน หวังว่าพรุ่งนี้คงจะไม่มีเหตุการณ์แทรกซ้อนเกิดขึ้นอีกนะ ’
‘ ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ… ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...