จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 399

เมื่อเทพมังกรอ๋าวเฟิง สังเกตเห็นคันธนูสีแดงอันใหญ่ที่โผล่พ้นชายผ้าคลุมของฝ่ายตรงข้ามออกมา เขาก็รู้ได้ทันทีว่าการคาดเดาของตนเองนั้นถูกต้องแล้ว

ชายคนนี้…คือจักรพรรดิเทพเก้าศรดับสุริยันแน่นอน

ทางฝ่ายโฮ่วอี้ที่เห็นอ๋าวเฟิงรู้ความจริง ก็ปลดผ้าคลุมเปิดเผยใบหน้าออกมา แล้วทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพ

“ ยินดีที่ได้พบเทพมังกรอ๋าวเฟิง ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลหลานศิษย์ของข้ามาตลอด หวังว่าหลังจากนี้พวกเราคงเป็นสหายที่ดีต่อกันได้ ”

“ จักรพรรดิเทพโฮ่วอี้อย่าได้เกรงใจ จ้าวเทียนเองก็เป็นผู้ถูกเลือกของฉันเช่นกัน ย่อมต้องปกป้องเขาอย่างดีอยู่แล้ว ” อ๋าวเฟิงตอบกลับไปอย่างสุภาพเช่นกัน

“ ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่ท่านก็ถือเป็นผู้มีพระคุณต่อเขาจริงๆ อีกทั้งบุตรสาวข้ายังเคยทำเรื่องเสียมารยาทกับท่านไป ในฐานะที่เป็นบิดา ข้าขอมอบของสิ่งนี้ให้เป็นของกำนัลแทนคำขอโทษ โปรดรับไว้ด้วย”

วูป!

ผลึกคริสตัลหลากสีขนาดประมาณหนึ่งกำมือ ปรากฏขึ้นตรงหน้าอ๋าวเฟิง มันปลดปล่อยออร่าดูดกลืนแสงสว่างรอบๆคล้ายกับหลุมดำ

“ นี่มัน หินวิญญาณโกลาหล! ” อ๋าวเฟิงร้องออกมาด้วยความตกใจ

ของสิ่งนี้สามารถพบเห็นได้ในมิติโกลาหลภายนอกจักรวาลเท่านั้น ซึ่งมันเป็นพื้นที่อันตรายสุดแสน มีแต่จักรพรรดิเทพที่ทรงพลังจริงๆถึงเข้าไปได้

ประโยชน์ของหินวิญญาณโกลาหล ก็คือการเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่เทพโลกาขั้นเก้าใช้สั่งสมพลังเพื่อบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพ และยังเป็นสิ่งที่จักรพรรดิเทพใช้เพื่อขึ้นเป็นผู้ปกครองเอกภพอีกด้วย

โดยมันจะทำหน้าที่เหมือนหินวิญญาณชนิดต่างๆ แถมยังเป็นสุกลเงินให้ผู้ยิ่งใหญ่ยุคบรรพกาลใช้แลกเปลี่ยนสมบัติล้ำค่ากัน

แต่ทว่า ในยุคปัจจุบันของสิ่งนี้ได้ถูกผูกขาดโดยเต๋าแห่งสวรรค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อควบคุมให้จักรวาลแห่งนี้มีจักรพรรดิเทพได้เพียงองค์เดียว

หากมีจักรพรรดิเทพองค์ใหม่ถือกำเนิด พลังโกลาหลในจักรวาลก็จะถดถอยลงทันที เป็นเหตุให้ทั้งสองฝ่ายต้องเข้าเข่นฆ่ากันจนกว่าจะเหลือเพียงหนึ่ง

‘ นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ฉันเคยใช้หินวิญญาณโกลาหลครั้งสุดท้าย ’

เมื่อลองนึกย้อนไป อ๋าวเฟิงก็พบว่าตั้งแต่เขาเสียสละตนเองเมื่อหกสิบห้าล้านปีก่อน จนต้องมาจุติใหม่ ก็ไม่เคยพบหินวิญญาณโกลาหลอีกเลย เนื่องจากไม่อาจออกไปค้นหาเองได้

“ ตั้งแต่ได้รู้จักเธอ ก็มีเรื่องให้ฉันตกใจไม่หมดไม่สิ้นเลยนะจ้าวเทียน ” อ๋าวเฟิงบ่นออกมาเบาๆพร้อมกับฝืนยิ้มขึ้น เขายอมรับหินวิญญาณโกลาหลมาด้วยความเต็มใจ พลางคิดหาวิธีตอบแทนอีกฝ่ายในครั้งหน้า

“ ไม่ทราบว่าความแข็งแกร่งของพวกฉันตอนนี้ สร้างความมั่นใจให้ผู้อาวุโสได้หรือยัง ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยท่าทีขบขัน เขารู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอาจารย์ปู่แล้ว เพราะมิติโกลาหลหาใช่สถานที่ ที่ใครนึกจะไปก็ไปได้

“ เกินพอเลยละ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมหลินซินเยว่ถึงจากไปโดยไม่กังวลอะไร ” อ๋าวเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย เขาอดใจไม่ไหวแล้ว ที่จะได้เห็นสีหน้าพี่น้องตนเอง เมื่อรู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับใคร

‘ อ๋าวเถียน จงนึกขอบคุณฉันเสียเถอะ หยุดนายไม่ให้ทำเรื่องโง่ๆลงไป ไม่อย่างนั้นนายได้เผชิญหน้ากับบุคคลอันตรายยิ่งกว่าหลินซินเยว่แน่ ’

ตัวตนของเก้าจักรพรรดิบรรพกาลนั้น เหนือว่าจักรพรรดิเทพรุ่นหลังเป็นอันมาก เพราะนั่นเป็นยุคที่จักรวาลเฟื่องฟูถึงขีดสุด ผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคนสั่งสมพลังมาหลายสิบล้านปีหรืออาจจะหลายร้อยล้านปี

จนแม้แต่วานรเทพสามตายังต้องหลบซ่อนตัว แล้วคอยวางแผนร้ายอยู่เบื้องหลัง ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าโดยตรง ถ้าให้เปรียบเทียบแบบเข้าใจง่ายๆ ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิเทพบรรพกาลจะด้อยกว่าผู้ปกครองเอกภพเพียงครึ่งขั้นเท่านั้น

แต่มันก็เป็นครึ่งขั้นที่ก้าวผ่านไปได้ยากเย็นที่สุด จึงเป็นสาเหตุที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาจักรวาลแห่งนี้ไม่เคยให้กำเนิดผู้ปกครองคนใหม่อีกเลย

จนกระทั่ง

เต๋าแห่งสวรรค์ซึ่งก็คือวานรเทพสามตา ได้เข้าครอบครองแดนสวรรค์ใหม่ และใช้วิธีการพิเศษดูดกลืนอายุขัยและพลังของจักรพรรดิเทพรุ่นหลังเกือบสิบองค์ จึงสามารถบรรลุเป็นผู้ปกครองสำเร็จในที่สุด

ถ้าเป็นอ๋าวเฟิงในอดีตสมัยที่ยังเป็นมังกรบรรพกาลแห่งมิติโกลาหลอยู่ เขาย่อมมีความมั่นใจว่าสามารถเอาชนะเก้าจักรพรรดิเทพพร้อมกันได้แน่นอน แต่ในตอนนี้ถ้าต้องสู้กับโฮ่วอี้จริงๆ คงต้องร่วมมือกับพี่น้องอีกสามคนจึงจะมีหวังเอาชนะได้

“ พวกเราไปกันเถอะ ”

แวบ!

อ๋าวเฟิงเรียกประตูบานหนึ่งขึ้นมาตรงหน้า จากนั้นทั้งเขาและจ้าวเทียนก็เดินเข้าไปทันที แต่ในขณะที่โฮ่วอี้จะเดินตามเข้าไป หลินซูซินในร่างตุ๊กตาหมีก็บินตรงเข้ามาหาเขา พร้อมกับพูดขึ้น

“ อาจารย์ปู่…พาฉันไปด้วย ”

!!

“ เอ่อ…ได้ซิ ” โฮ่วอี้ดึงผ้าคลุมขึ้นมาปกปิดใบหน้า แล้วรับตุ๊กตาหมีมาถือเอาไว้แบบไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะมันดูไม่เข้ากันกับตัวเขาแม้แต่น้อย

แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ…ก็ตุ๊กตาหมีตัวนี้ดันเป็นศิษย์รักของบุตรสาวเขานี่นา

แต่ทันใดนั้น

เขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จากสายตาทิ่มแทงของพี่น้องทุกคน จนต้องร้องผิดท่าในใจ เพราะลืมไปว่า ล่าสุดเขาพึ่งจะหลอกอ๋าวเถียนไปให้หลินซินเยว่จัดการ จนแผลในใจของอีกฝ่ายยังไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ

“ แกยังกล้าพูด…ประโยคนี้ออกมาได้อีกนะ ”

บูมมม!

จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวของอ่าวเถียนระเบิดออกมาอย่างรุนแรง พร้อมกับเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์มังกรหกปีกเตรียมตัวเปิดศึกกับอ๋าวเฟิง

“ ช้าก่อน! ”

จ้าวเทียนตะโกนห้ามเสียงดัง และปรากฏกายขวางหน้าอีกฝ่ายไว้ เพราะถ้าเกิดการต่อสู้กันเอง มันจะกระทบกับแผนการของเขา

“ นี่ไม่ใช่ความผิดของผู้อาวุโสอ๋าวเฟิง เขาเองก็เพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ครู่เดียว ว่าอาจารย์ของฉันมีภารกิจสำคัญจึงไม่ได้มาด้วย ”

“ แต่คุณไม่ต้องกังวล ท่านอาจารย์ได้มอบอำนาจในการตัดสินใจทุกอย่างให้กับฉันแล้ว เรื่องในวันนี้มอบให้ฉันจัดการเอง ”

“ เหอะ! ไอหนู แกสำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า ฉันไม่สนว่าตัวตนในอนาคตของแกจะเป็นอะไร แต่ตอนนี้แกเป็นเพียงมดปลวกที่ฉันจะบดขยี้ตอนไหนก็ได้เท่านั้น ”

“ คิดว่าแกมีคุณสมบัติพอที่จะมายืนอยู่ตรงหน้าฉันงั้นเหรอ แล้วดูตัวช่วยที่แกพามาด้วย แค่ไอโม่งผ้าคลุมที่ดูอ่อนแอกับตุ๊กตาหมีโง่ๆหนึ่งตัว ”

“ แกคิดว่าที่นี่ เป็นสนามเด็กเล่นหรืออย่างไร ”

สิ้นเสียงอ๋าวเถียน พริบตานั้นบรรยากาศรอบด้านก็เปลี่ยนไป ทุกคนรู้สึกเหมือนตกอยู่ในเหวลึกอันไร้ก้น เผชิญหน้ากับพญามัจจุราช ไร้ซึ่งหนทางหลบหนี

ชายสวมผ้าคลุมเดินตรงเข้ามาอย่างช้าๆ เขาส่งตุ๊กตาหมีให้จ้าวเทียน จากนั้นก็เดินต่อมาหยุดลงตรงหน้าอ๋าวเถียน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ…ไหนพูดอีกทีซิ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน