ภาพท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปสร้างความตกใจ ให้กับพวกอลิซาเบธเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่เคยพบเจอปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อน
“ จ้าวเทียน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านงั้นเหรอ ” มอร์แกน เลอ เฟย์ ถามขึ้นด้วยท่าทีเคร่งเครียด
เธอนึกไปถึงคำพูดของเทพมังกรอ๋าวเทียนก่อนที่จะแยกจากกัน ที่ตักเตือนเธอและอาจารย์ว่าจนกว่าจะถึงการทดสอบในอีกสี่ปีให้หลัง ห้ามพวกเธอเป็นศัตรูกับจ้าวเทียนเป็นอันขาด
‘ ฉันเชื่อว่าผู้ถูกเลือกคนอื่นเองก็คงได้รับคำเตือนแบบเดียวกัน…หรือมันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ’
“ จะว่าเกี่ยวข้องก็คงได้ เพราะภาพลวงตาของหญิงสาวบนท้องฟ้า คือท่านอาจารย์ของฉัน หลินซินเยว่ ” จ้าวเทียนยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นได้ แล้วหันไปถามโฮ่วอี้ด้วยความกังวล
“ อาจารย์ปู่ ท่านคิดว่าเต๋าแห่งสวรรค์จะลงมือขัดขวางหรือเปล่า ”
“ ไม่ต้องห่วง มันไม่กล้าหรอก ข้ารู้จักนิสัยของเจ้านั่นดี ตราบใดที่ยังยืนยันไม่ได้ว่าพวกเรายังมีนกกระดาษตัวนั้นอีกหรือไม่ ต่อให้หลอกล่อมันยังไงก็ไม่ยอมออกมาแน่นอน ”
“ เอาล่ะ เรื่องตรงนี้คงไม่มีอะไรให้เป็นห่วงแล้ว ข้าคงต้องกลับไปคุ้มครองนางที่สำนักก่อน หากเดาไม่ผิดฝ่ายตรงข้ามก็คงส่งหน่วยกล้าตายมาหยั่งเชิงดูแน่นอน ” พูดจบร่างของโฮ่วอี้ก็พร่าเลือนหายไปท่ามกลางสายตาของทุกคน
‘ จริงสิ ต่อให้เต๋าแห่งสวรรค์ไม่กล้าเคลื่อนไหว แต่มหาเทพองค์ปัจจุบันไม่มีทางยอมอยู่เฉยแน่ อีกไม่นานที่สำนักดาราสวรรค์คงกลายเป็นสนามรบ เพื่อทดสอบขุมกำลังของจักรพรรดิเทพคนใหม่ ’
‘ เสียดาย ตัวฉันและคนอื่นๆยังอ่อนแอเกินไป เลยไม่อาจเข้าร่วมศึกในครั้งนี้ได้ ’
ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังยืนครุ่นคิดเรื่องบางอยู่ อลิซาเบธที่เพิ่งจะใช้เครื่องมือสื่อสารกับเคาท์แดร็กคูล่าเสร็จ ก็เดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ เอ่อ…นายท่านช่วยบอกหน่อยได้หรือไม่ อาจารย์ของท่านกำลังจะทำอะไรงั้นเหรอ ”
หญิงสาวคนอื่นก็หันมาให้ความสนใจทันที เพราะขุมกำลังเบื้องหลังของพวกเธอก็เฝ้ารอคำตอบนี้อยู่เหมือนกัน
“ จริงสิ…พวกเธอจะไม่รู้ก็ไม่แปลก เพราะภาพแบบนี้คงไม่ได้เกิดมานานนับหมื่นปีแล้ว จงจับตาดูให้ดีๆเถอะ เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังจะได้เป็นสักขีพยานกับเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ”
“ ท่านอาจารย์ของฉัน…กำลังจะทลายขอบเขตจักรพรรดิเทพเพื่อขึ้นเป็นผู้ปกครองคนที่สองของจักรวาลแห่งนี้ ”
!!
“ อะไรนะ! จักรพรรดิเทพงั้นเหรอ ”
พวกอลิซาเบธอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เดิมทีพวกเธอและขุมกำลังเบื้องหลัง คิดว่านี่เป็นเพียงพิธีจุติเทพเพื่อดึงดูดความสนใจเช่นเดียวกับเมื่อวานเท่านั้น
แต่คำตอบของจ้าวเทียน กลับลบล้างความเข้าใจเดิมของพวกเธอจนหมดสิ้น
จักรพรรดิเทพ คำๆนี้เป็นตัวแทนของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าผู้ฝึกตนบนโลกมนุษย์จะสัมผัสได้ หากไม่ได้เห็นมันด้วยตาตนเอง ต่อให้จ้าวเทียนพร่ำบอกจนปากเปียกปากแฉะก็ไม่มีใครยอมเชื่อแน่นอน
‘ นี่มันบ้าชัดๆ…ถ้าชายคนนี้มีจักรพรรดิเทพองค์ใหม่คอยหนุนหลังอยู่ แล้วอนาคตข้างหน้าใครจะหยุดเขาได้อีก ไม่ได้หมายความว่าสิ่งสืบทอดของผานกู่ ยังไงก็ต้องตกเป็นของเขาแน่นอนอยู่แล้วงั้นเหรอ ’
ทันใดนั้น อลิซาเบธก็เหมือนพบเป้าหมายใหม่ในชีวิต แววตาที่เธอใช้มองจ้าวเทียนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะกลับคืนสู่สีหน้าปกติ
อาจเป็นเพราะทุกคนกำลังสนใจสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า จึงไม่มีใครสังเกตท่าทีที่แปลกไปของเธอ ยกเว้นลี่เหยาเหยาที่หันมามองพอดีด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง
‘ ดูเหมือน…เรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่ทำให้แวมไพร์สาวตนนี้ยอมแพ้สินะ ’
ลี่เหยาเหยาแอบมองค้อนไปทางจ้าวเทียนเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา บางทีการมีคนรักที่โดดเด่นอย่างเขาก็ทำให้เธอเหนื่อยใจจริงๆ
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา…เพราะถ้าเป็นเรื่องนี้ตัวเธอก็ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนเช่นกัน
“ หวังซินหยาง บอกให้ทุกคนเตรียมตัวได้ พวกเราจะเริ่มการถ่ายทอดสดในอีกสิบนาที หลังจากที่ท่านอาจารย์ทลายขอบเขตสำเร็จแล้ว ” จ้าวเทียนที่สังเกตปรากฏการณ์บนท้องฟ้ามาสักพัก ก็รู้ว่าได้เวลาเริ่มแผนการขั้นถัดไปแล้ว
“ ตกลงครับ ” หวังซินหยางและทีมงานของเขารีบแยกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าที่ของเขาคือการทำงานอยู่เบื้องหลัง จึงต้องไปเตรียมตัวก่อน
“ เฉินจิ้ง นายไปบอกให้สำนักต่างๆยกเลิกเขตอาคมอำพรางตาได้ แต่อย่าเพิ่งเปิดประตูให้คนภายนอกเข้าไป ” จ้าวเทียนสั่งการต่อ ซึ่งเฉินจิ้งกับเจนนี่ก็รีบทำตามทันที
“ อาจารย์ป้า เรื่องท่านบรรพชน… ” คังหลินถามขึ้นอย่างมีความหวัง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าเบาๆเขาก็ถอนหายใจออกมา
สำนักดาราสวรรค์เองก็วางมาตรการป้องกันเอาไว้หลายอย่างเช่นกัน นอกจากค่ายกลป้องกัน ก็ยังมีอดีตเจ้าสำนักรุ่นก่อนสองคนที่ยอมตัดเส้นทางจุติใหม่ ผนึกตนเองในโรงศพเป็นเวลานับแสนปี เพื่อปกป้องสำนักในยามจำเป็น
นี่ถือเป็นการเสียสละอย่างมาก เพราะเมื่อพวกเขาถูกปลุกขึ้นมาให้ต่อสู้เพียงครั้งเดียว ดวงวิญญาณก็จะสูญสลายไปตลอดกาล ไม่ได้เข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิดอีก
“ ท่านบรรพชนรุ่นสามเพราะถูกผนึกมานานเกินไป ทำให้ดวงวิญญาณของท่านดับสูญไปนานแล้ว ”
“ ส่วนบรรพชนรุ่นสิบเมื่อเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ก็สั่งให้พวกเรายอมแพ้แล้วมอบตัวหลินซินเยว่ออกไปเพื่อรักษาสำนักเอาไว้ ซึ่งถ้าไม่เห็นแก่ฐานะลำดับอาวุโส ข้าคงจัดการเขาไปแล้ว ” จางซือเฉวียนพูดขึ้นด้วยความโกรธ
ตัวเธอนั้นผูกพันกับหลินซินเยว่มาก ทั้งยังอยู่ร่วมกันมาหลายหมื่นปี สนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ เรื่องที่จะให้ยอมเสียสละพี่น้องตัวเอง เธอไม่ยอมกระทำแน่นอน
ต้องโทษที่สำนักดาราสวรรค์อ่อนแอเกินไป เมื่อเทียบกับสำนักชั้นยอดอื่นๆ ดังเช่นหนองน้ำเล็กๆที่ไม่อาจรองรับพญามังกรได้ สถานการณ์ในปัจจุบันก็เป็นเช่นเดียวกัน
แม้การทลายขอบเขตจักรพรรดิเทพของหลินซินเยว่จะเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อเทียบกับความเป็นไปได้ที่สำนักอาจถูกกวาดล้าง บรรพชนรุ่นสิบจึงตัดสินใจยอมเสียสละเธอแทน
ทันใดนั้น
“ ตัวข้าคือ หลี่จิ้ง รับบัญชาองค์มหาเทพ ให้มาหยุดการกระทำอันหมิ่นเบื้องสูงของหลินซินเยว่เจ้าสำนักดาราสวรรค์ ”
“ จงออกมามอบตัวซะ แล้วข้าจะละเว้นชีวิตคนที่เหลือ ”
แม่ทัพเทพเกราะทอง พูดขึ้นด้วยเสียงอันดังดุจอัสนีบาต เกิดเป็นคลื่นพลังกวาดออกไปโดยรอบ ทำให้ค่ายกลป้องกันชั้นนอกสุดของสำนักดาราสวรรค์แตกสลายไปในทันที
นี่คือหนึ่งในขุนพลคู่บัลลังก์ของมหาเทพอวี่หวง มีพลังฝึกตนอยู่ในจุดสูงสุดของเทพโลกาขั้นเก้า ด้อยกว่าเอ้อหลางเสินเพียงครึ่งขั้นเท่านั้น
ความน่ากลัวของหลี่จิ้ง อยู่ที่อาวุธในมือซึ่งก็คือ เจดีย์ทองคำเจ็ดชั้น ที่สามารถกักขังได้ทั้งวิญญาณ ปีศาจ หรือแม้แต่เทพเจ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...