จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 429

ในขณะที่ฝูงจามรีกำลังกินอาหารอย่างผ่อนคลาย บริเวณทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งของประเทศมองโกเลีย ซึ่งเป็นสถานที่รกร้างห่างไกลผู้คน

ทันใดนั้น พื้นที่ตรงหน้าพวกมันก็เกิดเป็นระลอกน้ำสั่นไหวเบาๆ ก่อนที่ช่องว่างมิติจะเปิดออก พร้อมกับชายสวมชุดยูกาตะญี่ปุ่นก้าวออกมาช้าๆ สร้างความแตกตื่นให้สัตว์น้อยใหญ่เป็นอันมาก

“ น่ารำคาญสิ้นดี ”

สิ้นเสียงของชายคนนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ทรุดลงไปกองกับพื้น อยู่ในสภาพหลับใหลไม่ได้สติ

ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ ก็จะพบว่าตรงแขนข้างซ้ายที่ถือหอกสีเงินของชายคนนั้น มีบาดแผลรอยไหม้เล็กน้อย และมันคงเป็นสาเหตุที่เขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

วูป!

แสงสีทองได้ปกคลุมชายสวมชุดยูกาตะ หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายของเขาก็ได้เปลี่ยนไป ทั้งสูงใหญ่และกำยำขึ้น สวมชุดเกราะแม่ทัพสีทองหรูหรา ถือทวนสามแฉก ที่กลางหน้าผากปรากฏดวงตาที่สาม มันเป็นดวงตาแห่งสวรรค์ซึ่งสามารถมองผ่านทุกภพภูมิ

นี่คือแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งวังสวรรค์ เอ้อหลางเสิน ที่รับบัญชาองค์มหาเทพอวี่หวงมาทำภารกิจบนโลกมนุษย์

‘ ถึงแม้ร่างนี้จะเป็นเพียงแค่ร่างอวตารก็เถอะ แต่ก็ไม่นึกเลยว่าผู้ฝึกตนบนโลกมนุษย์จะสร้างบาดแผลให้กับข้าได้ ’

‘ สมแล้ว ที่เป็นศิษย์หลักของผู้หญิงคนนั้น ’

ต่อให้การลอบสังหารจ้าวเทียนจะล้มเหลว แต่เอ้อหลางเสินก็ไม่ได้มีท่าทีร้อนใจแต่อย่างใด เนื่องจากแผนการขั้นต้นของเขาได้สำเร็จอย่างงดงาม

ครืนนนน!

เพียงเอ้อหลางเสินตบฝ่ามือไปด้านหน้าเบาๆ เขตอาคมปิดกั้นมิติก็พังทลาย จนมองเห็นร่างบุรุษผู้หนึ่งถูกผนึกไว้ด้วยตรวนสีทอง ซึ่งก็คือเทพสึคุโยมิตัวจริง ที่ถูกจับตัวมาตั้งแต่สิบวันก่อน

ที่ด้านข้างเทพสึคุโยมิ ยังมีสุนัขสวมเกราะขนาดใหญ่สีดำดูน่าเกรงขาม นอนหมอบอยู่ด้วยหนึ่งตัว มันมีนามว่าเห่าฟ้า เป็นสุนัขสวรรค์สัตว์อสูรคู่กายของแม่ทัพเทพเอ้อหลางเสิน

“ เป็นอย่างไรบ้าง ทุกอย่างปกติดีใช่ไหม ”

“ เรียนนายท่าน ข้าได้ใช้พลังสะกดข่มจิตวิญญาณของสึคุโยมิไว้ตลอด ต่อให้ปล่อยตัวออกมาตอนนี้ เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาสิบวันที่ผ่านมา ” เห่าฟ้าตอบกลับไปด้วยท่าทีมั่นใจ

ถึงมันจะเป็นเพียงอสูรรับใช้ แต่ก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกับขุนพลเทพคนอื่นๆ ด้อยกว่าห้าแม่ทัพเทพเพียงขั้นเดียวเท่านั้น

“ ดี งั้นก็ถึงเวลาสังหารมันแล้ว! ”

สิ้นเสียง ดวงตาที่สามของเอ้อหลางเสินก็เปิดออกกว้าง จากนั้นก้อนเปลวเพลิงสีทองขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอยู่เหนือร่างกายของเทพสึคุโยมิ ซึ่งมีลักษณะแบบเดียวกับเปลวเพลิงจ้าวเทียนไม่ผิดเพี้ยน

ด้วยอิทธิฤทธิ์ของดวงตาสวรรค์ ทำให้เขาสามารถเลียนแบบเคล็ดวิชาของศัตรูได้ แม้จะไม่เหมือนทั้งหมด แต่ก็มีอานุภาพประมาณแปดส่วนของต้นตำรับ

บุมมมม!

เปลวเพลิงสีทองได้เข้ากลืนกินร่างกายของเทพสึคุโยมิในพริบตา และเผาไหม้จนไม่หลงเหลือสิ่งใด

ที่ผลลัพธ์เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเทพสึคุโยมิอ่อนแอ หากตัวเขาไม่ได้ถูกผนึกพลังและจิตวิญญาณเอาไว้ ต่อให้เป็นเปลวเพลิงแท้จริงของจ้าวเทียนเอง คิดสังหารเขาก็ต้องทุ่มสุดตัวเช่นเดียวกัน

แวบ!

หลังจากทิ้งกลิ่นอายของจ้าวเทียน ที่ติดอยู่ตรงบาดแผลบนแขนซ้ายตนเอาไว้เล็กน้อย เอ้อหลางเสินและเห่าฟ้าก็ผ่ามิติหายไปในทันที

จากนั้น ผ่านไปไม่ถึงสิบลมหายใจ ช่องว่างมิติขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว ประกอบไปด้วย เทพีอามาเทราสุ เทพโอซิริส ราชันเทพโอดินและสิบสามวัลคีรี่

“ ไร้สาระ ตัวข้าไม่มีเหตุผลอะไร ที่ต้องทำเรื่องเช่นนี้ ” เทพีอามาเทราสุพูดปฏิเสธขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอจะวางแผนสังหารร่างอวตารของน้องชายไปทำไม

ซึ่งคำตอบของเธอก็เป็นที่ยอมรับของทุกคน ทำให้ต้องกลับมาเริ่มครุ่นคิดคาดเดาตัวตนของผู้ลงมืออีกครั้ง

ไม่ซิ เดี๋ยวก่อน…บนโลกมนุษย์ยังมีอีกคนหนึ่ง ที่ครอบครองเปลวเพลิงสุริยันเช่นเดียวกันไม่ใช่เหรอ

“ บางที มันอาจจะเป็นจ้าวเทียนก็เป็นได้ แต่เขาจะสังหารพันธมิตรตนเองไปทำไมล่ะ ” ราชันเทพโอดินรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้คงจะไม่เรียบง่ายอย่างที่คิด

ทุกคนที่ได้ยินก็หันมาสบตากันเงียบๆ เพราะถึงจะหาเหตุผลในการลงมือของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่นี่ก็เป็นผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียวที่พวกเขาคิดออก

“ คงต้องเก็บเปลวเพลิงนี้เอาไว้ก่อน เมื่อพบจ้าวเทียนข้าจะลองตรวจสอบดูอีกที ว่ามีกลิ่นอายแบบเดียวกันหรือไม่ ” เทพโอซิริสพูดทำลายความเงียบขึ้น

“ อืม ทำตามที่เจ้าต้องการเถอะ ” ราชันเทพโอดินพยักหน้าเบาๆ พวกเขาต้องแก้ไขปัญหาอย่างรอบคอบ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะกระทบถึงแผนการใหญ่ในอนาคต

“ ถ้าหากเป็นฝีมือของจ้าวเทียนจริงๆล่ะ เป็นไปได้หรือไม่ ว่าเขารู้เรื่องที่พวกเราแอบติดต่อและให้ความช่วยเหลือองค์กรชีลด์ของพวกมนุษย์ เลยต้องการแสดงท่าทีข่มขู่พวกเรา ” เทพีอามาเทราสุพูดออกความเห็น

“ ไม่มีทาง ข้าเป็นผู้ควบคุมหุ่นเชิดไปติดต่อกับมนุษย์พวกนั้นด้วยตัวเอง ย่อมไม่มีผู้ใดสืบสาวมาถึงพวกเราได้เด็ดขาด ” ราชันเทพโอดินตอบอย่างมั่นใจ แต่หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นต่อด้วยสีหน้าเย็นชา

“ ตอนนี้จักรพรรดิเทพหลินซินเยว่กำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในสำนัก แม้แต่จักรพรรดิเทพบรรพกาลโฮ่วอี้ก็หายตัวไป ขุมกำลังของจ้าวเทียนก็เหลือแค่ผู้ฝึกตนบนโลกมนุษย์ที่แสนอ่อนแอเท่านั้น ”

“ ถ้าเป็นฝีมือของจ้าวเทียนจริงๆ พวกเราก็จะแสดงให้เขาได้รับรู้เองว่า สามขุมกำลังชั้นยอดแห่งแดนสวรรค์ หาใช่ผู้ที่ใครจะมาดูแคลนได้ ”

พูดจบ ราชันเทพโอดินก็พาสิบสามวัลคีรี่กลับเข้าไปในประตูมิติทันที ตามมาด้วยเทพโอซีริสและเทพีอามาเทราสุ เพียงแต่ก่อนที่เธอจะจากไป ก็ได้หันไปมองตำแหน่งที่น้องชายถูกสังหารอีกครั้ง

‘ จ้าวเทียน…ข้าหวังว่าจะไม่ใช่ฝีมือของเจ้าจริงๆ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะได้เห็นดีกัน ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน