จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 440

ชัยชนะในศึกแรกไม่ได้ทำให้จ้าวเทียนรู้สึกผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้ยังคงตกเป็นรองอีกฝ่ายอยู่มาก

ขอเพียงเทพโอซีริสและเทพีอามาเทราสุร่วมมือกัน ต่อให้จ้าวเทียนดึงพลังทั้งหมดที่เก็บไว้ออกมาใช้ ก็ไม่กล้ามั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะอย่างแน่นอน

‘ ฉันไม่น่าเกิดความลังเลจนปล่อยให้เทพีอามาเทราสุรอดไปได้เลย หากใช้ร่างเจตจำนงเทพยุทธปิดฉากเธอตั้งแต่แรกเรื่องก็คงจบแล้ว ’

ถึงแม้จะเกิดการต่อสู้กันขึ้น แต่มันก็จำกัดอยู่ในขอบเขตแค่รู้ผลแพ้ชนะ ไม่ได้ตั้งใจที่จะพิสูจน์ความเป็นตาย ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายยังไม่แตกหักกันจนถึงขั้นนั้น

และที่สำคัญ ถ้าจ้าวเทียนและเทพีอามาเทราสุต่อสู้กันจนตายที่นี่ คนที่ได้ประโยชน์ก็จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายต่างๆ ซึ่งนั่นเองก็เป็นสิ่งที่จ้าวเทียนไม่อยากจะเห็นที่สุด

“ หืม นี่เจ้ากำลังท้าทายข้าอยู่งั้นเหรอ ” เทพโอซีริสพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเทพีอามาเทราสุกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว อีกไม่กี่ลมหายใจก็คงเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกครั้ง

“ ท้าทายแกแล้วจะทำไม ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตัดสินใจฝ่ามิติเข้าไปโจมตีฝ่ายตรงข้ามในพริบตาเดียว

เปรี้ยงงง!ๆๆๆ

กระบี่ราชันสวรรค์และตะขอเทพเจ้าปะทะกันอย่างถี่รัว ด้วยเคล็ดวิชากระบี่บูรพาสังหาร ทำให้จ้าวเทียนเคลื่อนไหวอย่างเฉียบขาด ทุกกระบวนท่าเล็งไปยังจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ

‘ ต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่เทพีอามาเทราสุจะฟื้นตัวกลับมา ’

ตอนนี้จ้าวเทียนไม่คิดเก็บออมพลังไว้อีกแล้ว เขาใช้แก่นแท้สังหารและแก่นแท้กระบี่ออกไปในทุกการโจมตี ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้มีเวลาตั้งตัว

“ เก้ากระบี่เดียวดาย เคล็ดรวม! ”

จ้าวเทียนปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเทพโอซีริสอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นเงาร่างของเขาก็แยกออกเป็นเก้าร่าง แล้วแทงกระบี่ออกไปพร้อมกัน

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เงากระบี่ดุจพายุโหมกระหน่ำ รังสีกระบี่อันเกรี้ยวกราดดุดันนับร้อย ทะลวงเข้าใส่เป้าหมายจากทุกทิศทาง ตั้งแต่ที่จ้าวเทียนบรรลุแก่นแท้สังหาร อานุภาพของกระบวนท่านี้นับได้ว่ารุนแรงจนถึงขีดสุดอย่างแท้จริง

แวบ!

ร่างของเทพโอซีริสเปลี่ยนเป็นหมอกควัน พุ่งสวนทางรังสีกระบี่ทั้งหมดไปอย่างง่ายดาย ถึงแม้จ้าวเทียนจะพยามใช้เปลวเพลิงสีทองขัดขวางไว้ แต่มันกลับไร้ผลอย่างสิ้นเชิง

ด้วยแก่นแท้แห่งชีวิตและความตายที่อีกฝ่ายมีอยู่ ย่อมสามารถไม่ใส่ใจต่อการโจมตีกายภาพและธาตุพลังทั้งมวล ตราบใดที่ไม่อาจสังหารเขาได้ในครั้งเดียว ก็ไม่มีวันหยุดยั้งเขาได้อย่างแน่นอน

แวบ!

หมอกควันได้กลับมารวมตัวกันที่ตรงหน้าจ้าวเทียน กลับคืนเป็นเทพโอซีริสอีกครั้ง พร้อมกับได้ใช้ฝ่ามือซ้ายตรึงร่างจ้าวเทียนเอาไว้ในช่องว่างมิติ

“ ช่างเป็นการดิ้นรนที่ไร้ประโยชน์ ข้าได้เฝ้าดูการต่อสู้ของเจ้ามาตั้งแต่ต้นและได้มองเห็นจุดอ่อนทั้งหมดเรียบร้อย ” เทพโอซีริสพูดออกมาอย่างเฉยชา ตะขอในมือขวาวาดออกไปตรงหน้า เกิดเป็นม่านพลังสีเทาปกคลุมอาณาเขตหมื่นเมตรรอบๆเอาไว้

“ ประตูยมโลกจงเปิดออก ! ”

สิ้นเสียง กองทัพวิญญาณแห่งโลกหลังความตายนับหมื่นก็ปรากฏขึ้นจนเต็มพื้นที่ พวกมันมีพลังอยู่ในระดับเซียนขั้นสูงสุด พุ่งเข้าใส่จ้าวเทียนจากสี่ทิศแปดทางดุจสัตว์ร้าย เหมือนต้องการฉีกกระชากเขาออกเป็นชิ้นๆ

ส่วนเทพโอซีริสนั้น ได้ประสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับอาณาเขตสีเทาเรียบร้อย เขาไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในมิติปิดกั้นหรืออำพรางล่องหน แต่เปลี่ยนตนเองให้เป็นสะพานเชื่อมต่อเส้นทางให้กองทัพวิญญาณอมตะมายังมิติแห่งนี้

“ เคล็ดวิชาหมื่นตะวัน สุริยันเฉิดฉาย! ”

บูมมมม!

คลื่นเปลวเพลิงสีทองระเบิดออกมาโดยมีจ้าวเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นดวงอาทิตย์ เผาไหม้สรรพสิ่งรอบด้านเป็นจุล

นี่คือเคล็ดวิชาโจมตีท่าแรกของวิชาหมื่นตะวัน ถือเป็นการโจมตีวงกว้างอย่างรุนแรงโดยไม่แบ่งแยกมิตรหรือศัตรู ด้วยอุณหภูมิความร้อนนับล้านองศา แม้แต่กำแพงมิติยังถูกเผาไหม้ ยิ่งไม่ต้องดวงวิญญาณพวกนี้

แต่ทว่า

ทุกครั้งที่ดวงวิญญาณสูญสลายไป มันกลับเกิดใหม่ขึ้นมาอย่างไม่จบไม่สิ้น ด้วยจำนวนทวีคูณมากว่าเดิมถึงสองเท่า สร้างความกดดันให้จ้าวเทียนเป็นอย่างมาก

ครืนนน!

อาณาเขตม่านพลังสีเทาได้ติดตามจ้าวเทียนไปทุกที่ ไม่ว่าเขาจะพยายามเคลื่อนไหวหลบหนีอย่างไรก็ไม่พ้น เหมือนเป็นปรสิตที่เกาะกินดวงวิญญาณไปจนกว่าเป้าหมายจะตาย

“ ทีนี้จะทำเช่นไรเล่ามนุษย์ ตราบใดที่เจ้ายังค้นหาร่างจริงของข้าไม่พบ เหตุการณ์นี้ก็จะดำเนินต่อไปตราบจนเจ้าสิ้นไร้เรี่ยวแรงไปเอง ”

“ และต่อให้เจ้ามีแก่นแท้สังหารที่สามารถจัดการดวงวิญญาณลงได้ แต่กองทัพแห่งโลกหลังความตายของข้ามีนับแสนล้าน เจ้าจะสังหารมันได้ทั้งหมดงั้นเหรอ ”

เสียงของเทพโอซีริสดังออกมาจากปากของวิญญาณทุกตน ทั้งดูลึกลับและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน

“ เหอะ หยุดพูดจาอวดดีได้แล้ว ใครๆก็รู้ว่าการคงเขตแดนของประตูยมโลกเอาไว้ ย่อมสิ้นเปลืองพลังมหาศาล ไม่มีทางที่แกจะทนได้นานกว่าฉันแน่นอน ” จ้าวเทียนพูดเปิดโปงฝ่ายตรงข้ามด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่กำลังฝ่ามิติหลบหนีการปิดล้อมจากกองทัพวิญญาณไปด้วย

“ หึหึ จริงอยู่ที่ข้าอาจจะหมดพลังไปก่อนที่จะสังหารเจ้าได้สำเร็จ แต่มันก็เพียงพอที่จะถ่วงเวลาให้สหายของข้าฟื้นพลังได้อย่างเหลือเฟือ ”

“ ข้าพูดถูกไหม…อามาเทราสุ ”

วูป!

เทพีอามาเทราสุปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ในสภาพสมบูรณ์พร้อมปราศจากร่องรอยบาดแผลทั้งมวล เธอได้ฟื้นฟูพลังกลับมาเป็นเช่นเดิมแล้ว

ร่างกายของเทพีอามาเทราสุได้ขยายขนาดขึ้นจนใหญ่โตมโหฬาร เปลี่ยนเป็นร่างทิพย์เก้าตะวัน แล้วก้มหน้ามองลงมาที่จ้าวเทียนไม่ต่างไปมองจากเศษฝุ่น

“ เอ่อ… ” จ้าวเทียนรู้สึกทึ่งจนพูดไม่ออก

เขาลองตรวจสอบดูแล้ว ก็พบว่าจิตวิญญาณของตนเองก็สามารถใช้พลังที่แท้จริงได้ที่นี่เช่นกัน

‘ นี่ฉัน…ควรจะขอบคุณหรือสงสารเทพีอามาเทราสุดี การที่เธอทำแบบนี้มันก็ไม่ต่างไปจากการทุ่มหินใส่เท้าตัวเองชัดๆ ’

“ ถึงกับไม่กล้าขยับตัวเลยรึ ตอนนี้ต่อให้เจ้าอยากมาคุกเข่าขอโทษมันก็สายไปแล้ว จงยอมรับผลของการท้าทายเทพเจ้าไปเสียเถอะ ” เทพีอามาเทราสุพูดขึ้นสีหน้าเย็นชา แล้วยกฝ่ามือตบฟาดไปที่จ้าวเทียนเหมือนกับตบยุง

กับคู่ต่อสู้แบบนี้…เธอไม่จำเป็นต้องเอาจริงแม้แต่น้อย

แต่ทว่า

เปรี้ยงงงง! ตูมมม!

ฝ่ามือขนาดเท่าดาวเคราะห์กลับถูกหยุดไว้ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวของจ้าวเทียน คลื่นพลังทำลายล้างได้กวาดออกไปโดยรอบ ทำให้ดวงดาวข้างเคียงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

!!

“ นี่มัน…เป็นไปไม่ได้ เจ้ารับการโจมตีของข้าได้อย่างไร ” เทพีอามาเทราสุพูดขึ้นด้วยความตกใจ และรีบถอยห่างจากจ้าวเทียนด้วยท่าทีร้อนรน

“ การโจมตีของอามาเทราสุเมื่อครู่ แม้แต่เทพโลกาขั้นห้ายังรับไว้ไม่ไหว จ้าวเทียนทำได้ยังไงกัน ” เทพโอซีริสพูดกับตัวเองเบาๆ สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทีละน้อย

“ หึหึ กลัวแล้วงั้นเหรอ นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเองนะ ”

บูมมมมมม!

จ้าวเทียนก็ระเบิดพลังอันมหาศาลออกมา ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นในเสี้ยววินาที เปลี่ยนเป็นร่างทิพย์สิบตะวัน

จากนั้น ก็ปลดปล่อยมรรคาจักรพรรดิปกคลุมทั่วทั้งจักรวาล กลับคืนสู่รูปลักษณ์ของมหาเทพตี้เทียนผู้ยิ่งใหญ่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน