ท้องฟ้ายามค่ำคืนเริ่มปรากฏเมฆฝนสีดำขึ้นมาทีละน้อย พร้อมกับเสียงฟ้าร้องและสายลมที่เริ่มพัดแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังจะมีพายุฝนจะตกหนัก แต่เพราะอยู่ภายใต้เขตแดนป้องกันขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ที่อยู่ด้านในไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
ถึงแม้จะผ่านไปหลายนาทีแล้ว หนุ่มสาวทั้งสองยังคงตกอยู่ในภวังค์ห้วงรักเสน่ห์หา จุมพิตแรกอันแสนเร่าร้อนได้ทำให้พวกเขาหลงลืมทุกสิ่ง คิดเพียงอยากหยุดเวลาไว้แบบนี้ตราบนานเท่านาน
หลังจากร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา จนสามารถยอมตายแทนอีกฝ่ายได้โดยไม่ลังเล เหตุผลเดียวที่ความสัมพันธ์ทั้งคู่ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ก็เนื่องจากปัญหามากมายที่ถาโถมเข้ามาใส่ไม่มีหยุดพัก หรือต่อให้จะมีเวลาว่างจริงๆก็ต้องหมดไปกับการฝึกวิชาเพิ่มความแข็งแกร่งซะส่วนใหญ่
เมื่อต้องแบกรับชะตากรรมของทุกชีวิตบนโลก จ้าวเทียนจึงไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องส่วนตัวมากนัก จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาเลือกโยนภาระทุกอย่างทิ้งไปตั้งแต่แรก ตอนนี้คงได้แต่งงานกับลี่เหยาเหยาและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวอย่างมีความสุข
น่าเสียดาย ที่ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนถูกกำหนดเอาไว้แล้ว การหลบหนีปัญหามีแต่จะนำพาให้เรื่องราวมันแย่ลงกว่าเดิม มีแต่ต้องเผชิญหน้าและเอาชนะมันให้ได้เท่านั้น จึงจะได้รับความสุขที่แท้จริง
“ แฮ่กๆ พอก่อน ” ลี่เหยาเหยาผละตัวออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ พร้อมทั้งรีบสูดลมหายใจรับเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปอย่างลืมตัว หากช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เธอกลัวตัวเองจะขาดใจตายเสียก่อน
“ ขอโทษนะ…ฉันลืมตัวไปหน่อย ” จ้าวเทียนฝืนยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกผิด ต่อให้เซียนอย่างพวกเขาจะใช้เคล็ดวิชาการหายใจทางผิวหนังได้ แต่ในช่วงเวลาแบบนั้นใครมันจะไปคิดออก
“ หึ ! ลืมตัวงั้นเหรอ พวกผู้ชายนี่มีข้ออ้างเยอะจังนะ ”
“ เสี่ยวเหมยอย่าไปว่าเขาสิ ฉันคิดว่าเขาพูดความจริงนะ เพราะพวกเรายืนดูอยู่ตรงนี้ตั้งนานเขายังไม่รู้สึกตัวเลย ”
!!
ทั้งจ้าวเทียนและลี่เหยาเหยาสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน เมื่อพบว่ามีกงเสี่ยวเหมยกับโม่ซินหนานยืนดูอยู่ไม่ไกล
นอกจากนี้ที่ด้านหลังของพวกเธอยังมีสาวน้อยโม่ปิงหยู กำลังใช้มือปิดตาตัวเองแต่ก็ยังแอบเหลือช่องว่างตรงกลางเอาไว้
“ เอ่อ…ฉันรู้สึกเพลียๆจังเลย ขอตัวไปนอนก่อนนะ ” ลี่เหยาเหยารีบใช้เคล็ดวิชาตัวเบาหลบหนีไปด้วยท่าทีเขินอาย ปล่อยให้จ้าวเทียนยืนงงอยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว
“ นี่มัน ทำไมเธอถึง… ” จ้าวเทียนยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ซักเท่าไหร่ ด้วยความสัมพันธ์ที่เปิดเผยของพวกเขาทั้งสองคน แค่จูบกันเท่านั้นไม่เห็นจะต้องอายสายตาคนอื่นเลย
“ ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก เดิมทีตอนแรกพวกเราสี่คนนัดแนะกันว่า จะขึ้นมาให้กำลังใจนายพร้อมกัน แต่ใครจะคิดล่ะ ว่าเธอจะแอบขึ้นมาก่อน แถมยังติดลมจนลืมเวลาอีกต่างหาก ”
พูดจบ กงเสี่ยวเหมยก็หันหลังเดินจากไปด้วยความหงุดหงิด ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเพียงรักข้างเดียว แต่เธอก็ยังรู้สึกหึงหวงชายหนุ่มอยู่ดี
“ อืม ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ” จ้าวเทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาเล็กน้อยด้วยความขบขัน เมื่อนึกถึงท่าทางเหมือนแมวขโมยที่ถูกจับได้ของหญิงคนรัก
“ รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม ทุกคนเป็นห่วงคุณมากเลยนะ ” โม่ซินหนานพาสาวน้อยโม่ปิงหยูเดินเข้ามาหา พร้อมทั้งสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายไปด้วย
“ ตอนนี้ฉันได้พบคำตอบที่ต้องการแล้วล่ะ ขอโทษด้วยที่ทำให้เป็นห่วง ” จ้าวเทียนใช้มือลูบหัวโม่ปิงหยูที่พุ่งเข้ามากอดด้วยความเอ็นดู ทำให้เธอเผลอหลุดยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
‘ ฉันจะไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเต๋าแห่งสวรรค์หรือราชันเทพมาร ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ก็อย่าหวังว่าพวกแกจะได้ในสิ่งที่ต้องการเลย ’
เมื่อคลายปมหัวใจได้ จ้าวเทียนก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น มีความคิดความอ่านฉับไวยิ่งกว่าเดิม
นี่จึงเป็นสภาวะรู้แจ้งที่ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ต้องการพบเจอมากที่สุด…
ด้วยเนตรหยั่งรู้ของเทพโอดิน จึงไม่มีความลับใดเล็ดลอดไปจากสายตาของเขาได้ อีกทั้งดวงจิตของเทพโบราณยังสามารถพบเห็นได้บ่อยครั้งบนแดนสวรรค์ เลยไม่แปลกที่เขาจะตรวจสอบพบได้ทันที
‘ เป็นเพียงดวงจิตของเทพโลกาขั้นหนึ่งเท่านั้น เหอะ มันก็เหมาะสมกับมนุษย์โลกอันต่ำต้อยดีล่ะนะ ’
มีเพียงดวงจิตของเทพโลกาขั้นเจ็ดขึ้นไปถึงจะกระตุ้นความสนใจของเขาได้ ส่วนที่ต่ำกว่านั้นก็เป็นเพียงขยะที่ไม่แม้แต่จะชายตามอง
หลังจากตรวจสอบลี่เหยาเหยาเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวของคนอื่นๆซึ่งก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเอาไว้นัก เทียบกับเหล่าศิษย์ชั้นสูงของเขาไม่ได้แม้แต่น้อย แม้จะแปลกใจอยู่บ้างเมื่อเห็นสายเลือดมังกรมารอเวจีของเฉินจิ้ง
แต่เรื่องเทพเจ้ามังกรทั้งเก้าอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์ไม่ใช่ความลับ การที่หนึ่งในผู้ติดตามของจ้าวเทียนจะกลายเป็นผู้สืบทอดของมังกรพวกนั้นจึงเป็นเรื่องที่สามารถยอมรับได้
จนกระทั่ง
เมื่อสายตาของเทพโอดินมาหยุดลงที่โม่ปิงหยู สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที เหมือนพบเจอเรื่องเหนือความคาดหมายบางอย่าง ที่ทำให้แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
‘ นี่มัน…วิญญาณโอสถจักรพรรดิ เป็นวิญญาณโอสถจักรพรรดิจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะได้พบกับสิ่งที่ข้าเฝ้าตามหามาแสนนาน บนโลกระดับต่ำเช่นนี้ ’
‘ ขอเพียงบ่มเพาะให้เธอทะลวงขอบเขตเทพโลกาสำเร็จ ข้าก็จะสามารถดูดซับดวงวิญญาณของเธอ เพื่อทลายขอบเขตจักรพรรดิเทพได้อย่างแน่นอน ’
เหมือนจะรับรู้ได้ถึงเจตนาร้ายจากฝ่ายตรงข้าม โม่ปิงหยูจึงร่างสั่นสะท้านเล็กน้อยด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะรีบไปหลบที่ด้านหลังอาจารย์ของตนทันที
ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ล้วนแต่อยู่ในสายตาของจ้าวเทียนสิ้น เพราะเขาวางแผนพาโม่ปิงหยูมาให้อีกฝ่ายเห็นตั้งแต่แรก แทนที่จะเก็บซ่อนเธอเอาไว้ สู้เปิดเผยให้ได้รู้ไปเลยดีกว่า ถึงจะเป็นฝ่ายชิงกำหนดสถานการณ์ล่วงหน้าได้
‘ ดูเหมือนปลาจะกินเบ็ดแล้วสินะ… ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...