จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 477

ณ มหาวิหารต้นกำเนิดเผ่ามาร

จ้าวเทียนกับโฮ่วอี้ที่สวมชุดคลุมสีดำปิดปังตัวตน ได้ยืนรอการมาถึงของราชันมารผู้ชนะสงครามอย่างใจเย็น พวกเขาได้นัดแนะวางแผนเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว

“ จงจำไว้ ถ้าไม่จำเป็นก็ห้ามเปิดเผยพลังออกไปเด็ดขาด การหลอมรวมกับไข่นางพญาแมลงมารกลืนวิญญาณ มันก็แค่ช่วยเหลือเจ้าในการปลอมแปลงตัวตนเท่านั้น หากเจ้าใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกไปทุกอย่างเป็นอันจบสิ้นทันที ”

“ เข้าใจแล้ว ฉันจะระวัง ” จ้าวเทียนพยักหน้ารับเบาๆ หลังจากนี้โฮ่วอี้จะเฝ้ารักษาการณ์อยู่ด้านนอก มีเพียงตัวเขาที่เข้าไปค้นหาคลังสมบัติลับด้านใน

ซึ่งขั้นตอนทุกอย่างจะเริ่มต้นในยามที่พิธีกรรมจบลงแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองเทพมารต่างภพเข้ามาแทรกแซงได้

หืม! เสียงนี้…

ตึง!ๆๆๆ

ห่างออกไปสุดสายตา ราชันวานรมารแปดกรเดินย่ำเท้าเข้ามาอย่างองอาจ ด้วยขนาดตัวใหญ่โตมโหฬาร ทุกการก้าวเดินของมันก็ทำให้พื้นปฐพีสั่นสะเทือน เม็ดทรายสีแดงระเบิดขึ้นสูงราวกับถูกพายุกวาดออกไป

“ สุดท้ายผู้ชนะก็เป็นมันจริงๆ นอกจากจะจับตัวศัตรูได้แล้ว ยังสามารถดูดกลืนกำลังพลอีกฝ่ายเกือบทั้งหมดมาได้อีก ”

โฮ่วอี้มองราชันมารตรีเนตรที่ถูกจับกุมตัวไว้ กับกองทัพมารหลายสิบล้านตนที่พุ่งทะยานตามหลังวานรยักษ์มาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เดิมทีเขาคิดว่าทั้งสองฝ่ายจะเข่นฆ่าจนแทบไม่มีเหลือ ไม่นึกเลยว่าจะจบลงที่การยอมจำนนแบบนี้

“ มารโลการะดับสูงหลายสิบตน ระดับกลางและระดับต่ำร่วมพัน ที่เหลือก็เป็นขอบเขตแดนมารนับล้านเลยงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนเริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมาทันที

จากที่เห็น ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของกองกำลังฝ่ายมาร ดูจะเหนือกว่าสามขุมกำลังชั้นยอดบนแดนสวรรค์รวมกันเสียอีก สมแล้วที่เป็นรากฐานของราชันเทพมารอเวจี ผู้เคยประกาศสงครามกับทั้งสามภพ

ในเวลาเดียวกัน

ทางด้านราชันวานรมารแปดกรเมื่อได้เห็นโฮ่วอี้กับจ้าวเทียนยืนรออยู่ ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เนื่องจากอีกฝ่ายได้ประกาศตัวไว้ตั้งแต่แรก ว่าจะมาเป็นสักขีพยานในพิธีกรรมอันทรงเกียรติตอนสุดท้าย

“ ตรีเนตร ข้ารู้สึกไม่ไว้วางใจพวกมันซักเท่าไหร่ เจ้าได้ตรวจสอบความจริงกับทางเทพอสูรป๋อฮั่นแล้วหรือยัง ”

“ เรียนนายท่าน ลูกสมุนของข้าที่โลกมารรายงานกลับมาว่า เทพอสูรป๋อฮั่นกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการฝึกฝน ประกาศไม่ขอต้อนรับผู้ใดทั้งสิ้น ” ราชันมารตรีเนตรตอบกลับไปด้วยท่าทีอ่อนน้อม

ตั้งแต่ที่พ่ายแพ้ในศึกชิงตำแหน่ง ตัวมันก็ยินยอมถูกทำพันธสัญญาทาสเอาไว้เพื่อรักษาชีวิต จึงไม่อาจต่อต้านอีกฝ่ายได้

“ เทพอสูรป๋อฮั่นเก็บตัวงั้นรึ จะบังเอิญเกินไปรึเปล่า ” ราชันวานรมารแปดกรยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วเปลี่ยนไปสนทนาเรื่องอื่นแทน

‘ ยังไงซะ พิธีกรรมก็ถูกจัดขึ้นในวิหารต้นกำเนิดมาร คงไม่มีใครหน้าไหนกล้ารนหาที่ตายหรอก ’

ผ่านยี่สิบนาที กองทัพขนาดใหญ่ก็ได้มาตั้งขบวนอยู่ด้านหน้าวิหาร โดยมีมารโลการะดับสูงยืนอยู่แถวหน้าสุด จากนั้นก็เป็นมารโลการะดับกลาง ระดับต่ำ ลดหลั่นลงไปเรื่อยๆตามลำดับความแข็งแกร่งและยศทางกองทัพ

ส่วนราชันวานรมารแปดกรนั้นได้กลับคืนมาอยู่ในขนาดเดิมเป็นที่เรียบร้อย เขายืนอยู่ด้านหน้าสุดโดยมีราชันมารตรีเนตร ยืนก้มหน้าอยู่ใกล้ๆเหมือนเป็นผู้รับใช้

“ ช่างเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งจริงๆ ” โฮ้วอี้แสร้งเอ่ยชมขึ้น ก่อนจะหันไปแสดงความยินดีกับราชันวานรมารแปดกรที่คว้าชัยมาได้

แม้จะยังรักษาท่าทีแข็งกระด้างอยู่ แต่สำเนียงการพูดของเขาก็ดูอ่อนลงกว่าเดิม ทำให้อีกฝ่ายลดความเป็นศัตรูลงมาไม่น้อย

‘ ไม่นึกเลยว่า แม้แต่เผ่ามารที่ในหัวมีแต่ฆ่าฟันกับทำลายล้าง ก็ยังรู้จักผูกมิตรหาเส้นสายเพื่อเพิ่มขุมอำนาจเช่นเดียวกับมนุษย์ ’

จ้าวเทียนถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายคุยกันได้ไม่นาน ก็เริ่มเรียกพี่เรียกน้องได้อย่างสนิทปาก

โดยเฉพาะราชันวานรมารที่ดูจะให้ความสนใจโฮ่วอี้พิเศษ คล้ายต้องการใช้เขาเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์กับเทพอสูรป๋อฮั่น

ปรากฏร่างเงาอันดำมืดขนาดใหญ่ค่อยๆก่อตัวขึ้น มันคือมารร้ายสองตนที่มีหัวเป็นสิงโต แขนทั้งสีถืออาวุธครบมือ ยืนรักษาการณ์อยู่ตรงประตูแต่ละด้าน

“ คารวะท่านผู้พิทักษ์ ” ราชันวานรมารแปดกรโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีความแข็งแกร่งต่ำกว่า เขาก็ไม่กล้าเสียมารยาท

“ ไหนเครื่องเซ่นสังเวยของพวกเจ้า… ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ราชันวานรมารแปดกรก็โบกมือเบาๆ ให้ขุนพลมารสองตนแบกกรงขนาดใหญ่ที่ถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าสีดำ ออกมาตั้งตรงหน้าตัวเขาและจ้าวเทียน

แคว่ก!

เมื่อผ้าสีดำถูกผู้พิทักษ์ทั้งสองฉีกออก สิ่งมีชีวิตที่อยู่ขังด้านในกรงก็เปิดเผยออกสู่สายตาทั้งหมด

“ เต่ามังกรวารีอมตะ! ”

“ กิเลนสวรรค์เมฆา! ”

ตรงหน้าราชันวานรมารแปดกร ก็คือเต่าสีเขียวมรกตขนาดประมาณสิบเมตร มันถูกโลหะทมิฬเสียบทะลุผนึกขาทั้งสี่ข้างไว้ แม้แต่ตรงส่วนหัวเองก็ยังโดนหนามแหลมนับร้อยปักตรึง เพื่อสยบดวงวิญญาณ ดูเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก

‘ บัดซบ ฉันควรทำอย่างไรดี ’

จ้าวเทียนมองผู้ที่ตนจะต้องลงมือสังหารด้วยความปวดร้าว เพราะนี่คือสตรีนางหนึ่งที่มีเขากิเลนสีทองสองข้างอยู่บนศีรษะ ส่วนหางถูกฉีกขาดกองอยู่บนพื้น ร่างกายของเธอถูกตอกด้วยตะปูขนาดใหญ่ตรงอวัยวะสำคัญทั้งเก้าแห่งจนสิ้นไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน

และที่สำคัญที่สุด ตรงหน้าท้องที่โป่งพองเธอจ้าวเทียนสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตเล็กๆสองตัวที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลกในเวลาอีกไม่นาน

ใช่แล้ว…สตรีเผ่ากิเลนสวรรค์นางนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่ ทั้งยังเป็นครรภ์ที่แก่จนใกล้จะคลอดอีกด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน