จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 479

จ้าวเทียนในตอนนี้ กำลังล่องลอยอยู่ในจักรวาลอันดำมืดอันแสนกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งที่ตรงหน้าเขาก็มีดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ถึงเก้าดวง เรียงต่อกันเป็นแนวเส้นตรง มันเปล่งกระกายเจิดจ้าสาดแสงอันร้อนแรง ราวกับสามารถเผาไหม้สรรพสิ่งเป็นจุล

ทันใดนั้น

ครืนนน! แวบ!

ดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวงได้หลอมรวมตนเองเปลี่ยนเป็นบุรุษเก้าคน ซึ่งแต่ละคนก็ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ฤทธานุภาพปกคลุมทั่วจักวาล

ถึงตอนนี้ ต่อให้ไม่ต้องมีใครบอก จ้าวเทียนก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือเจตจำนงของจักรพรรดิหมื่นตะวันทั้งเก้ารุ่น ที่ได้ใช้วิธีการบางอย่างหลอมรวมเข้ากับคลังสมบัติลับกลายเป็นจิตวิญญาณประดิษฐ์

“ ผู้สืบทอดรุ่นที่สิบเอ๋ย จงพิสูจน์คุณสมบัติของเจ้าให้พวกข้าเห็น ”

เก้าจักรพรรดิได้เปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน เกิดเป็นกฎแห่งเปลวเพลงระดับสูงสุดผูกมัดทั้งจิตวิญญาณและร่างกายของจ้าวเทียนเอาไว้อย่างแน่นหนา ทำให้ไม่อาจใช้พลังอื่นนอกเหนือจากเคล็ดวิชาหมื่นตะวันได้

‘ เริ่มต้นมา ก็ไม่เปิดโอกาสให้เจรจาต่อรองเลยงั้นเหรอ ก็ดี จะได้ไม่เสียเวลาของฉันเหมือนกัน ’

นี่ราวกับเป็นบททดสอบแรกที่จ้าวเทียนต้องเผชิญ หากเขาสามารถผ่านมันไปได้ก็จะบรรลุแก่นแท้แห่งเปลวเพลิงขั้นกลางทันที ในทางกลับกันหากเขาล้มเหลวก็จะถูกกักขังเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้ตลอดกาล

ในเวลาเดียวกัน

ด้านนอกวิหารต้นกำเนิดมาร ในขณะที่เหล่าแม่ทัพขุนพลมารเริ่มแบ่งปันเขตปกครองตามข้อตกลง โฮ่วอี้ก็ได้แยกตัวออกมาจากกองทัพของสองราชันมารแต่เพียงผู้เดียว

อาจเป็นเพราะสถานะและท่าทีอันแข็งกร้าวของเขาในตอนแรก ทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะเข้าหา แม้แต่ตัวราชันมารตรีเนตรเองก็ยัง พยายามรักษาระยะอย่างชัดเจน

ทันใดนั้น

บูมมม!

เกิดเป็นลำแสงสีดำพุ่งออกมาจากยอดวิหาร มันได้เชื่อมต่อกับท้องฟ้าสีแดง เหมือนกับเสาขนาดยักษ์ ที่สามารถมองเห็นได้จากทุกที่ภายในหลุมอเวจีชั้นสิบแปด

นี่คือพิธีกรรมเข้ารับตำแหน่งของราชันมารผู้ปกครองหลุมอเวจีคนใหม่ โดยการบูชาโลหิตตนเองให้เทพมารต่างภพ พร้อมทั้งเชื่อมจิตวิญญาณเข้ากับแท่นบูชาในวิหารต้นกำเนิด เพื่อพิสูจน์ศักยภาพตัวเอง

ยิ่งเกิดปรากฎการณ์อันน่าตื่นตระหนกมากเท่าไหร่ ก็จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถมากเท่านั้น

“ มันเริ่มแล้วสินะ องค์ราชันวานรมารช่างแข็งแกร่งจริงๆ ถึงทำให้เกิดลำแสงขนาดใหญ่แบบนี้ ”

“ นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะท่านเป็นถึงอัจฉริยะในรอบหมื่นปีของเผ่าพันธุ์วานรมาร ที่สามารถปลุกสายเลือดบรรพกาลได้ ”

“ หากวัดจากปริมาณพลังที่วิหารต้นกำเนิดปลดปล่อยออกมา ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของท่าน น่าจะติดยี่สิบอันดับแรกในช่วงระยะเวลาหนึ่งล้านปีที่ผ่านมาได้อย่างแน่นอน ”

คำพูดยกย่องชื่นชมราชันวานรมารแปดกร จากพวกแม่ทัพขุนพลมารดังขึ้นไม่ขาดสาย เป็นเหตุให้ราชันมารตรีเนตรต้องกำหมัดแน่นด้วยความโกรธปนอาย เพราะรู้ดีว่าตนเองคงเทียบอีกฝ่ายไม่ติด

‘ หืม จ้าวเทียนเปิดใช้ค่ายกลที่ข้าให้ไปแล้วงั้นรึ คงตัดสินใจช่วยชีวิตสตรีนางนั้นด้วยสินะ ’

โฮ่วอี้ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างเฉยชา เหมือนไม่ได้นึกโทษจ้าวเทียนแม้แต่น้อย เพราะถ้าเป็นตัวเขาเองก็คงเลือกทำแบบเดียวกัน

เส้นทางของผู้ฝึกตนนั้น มีชะตากรรมจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคขวากหนามมากมาย ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการไม่สูญเสียเจตจำนงของตัวเอง

หากจ้าวเทียนยอมทำเรื่องชั่วร้าย สังหารสตรีมีครรภ์พร้อมกับทารกที่ไร้ความผิดเพื่อบรรลุจุดประสงค์ของตนเอง มันก็จะกลายเป็นตราบาปและจิตมารติดตัวเขาไปชั่วชีวิต

และเมื่อสูญเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็อย่าหวังเลยว่าจะก้าวข้ามตัวตนในอดีต บรรลุสู่จุดสูงสุดแห่งวิถีเซียนในอนาคตได้

‘ เอาเถอะ ในเมื่อเจ้ากล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่หวั่นเกรงสิ่งใด อาจารย์ปู่อย่างข้าก็จะส่งเสริมอุดมการณ์ของเจ้าเอง ’

วูป!

บนฝ่ามือโฮ่วอี้ปรากฏเม็ดโอสถสีดำขึ้นมาหนึ่งเม็ด นี่คือโอสถ อสนีบาตทะยานเก้าชั้นฟ้า มันเป็นโอสถโบราณต้องห้าม ที่จะทำให้ร่างแยกของเขาสามารถระเบิดพลังเทพโลกาขั้นเก้าระดับสูงสุดออกมาได้ชั่วคราว โดยแลกเปลี่ยนกับพลังชีวิตเกือบแปดส่วน

“ ถึงเวลามอบเครื่องเซ่นสังเวย เพื่อบูชาองค์เทพมารแล้ว ”

ราชันวานรมารแปดกรพูดขึ้นเสียงดัง พร้อมกับคว้ากรงเต่ามังกรขึ้นมา ถึงแม้มันจะมีท่าทีอ่อนแรงเล็กน้อยเพราะสูญเสียแก่นโลหิตไป

แต่สีหน้าของมันกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี ที่ความแข็งแกร่งของตนได้รับการพิสูจน์ว่าติดยี่สิบอันดับแรก ของราชันมารที่เคยปกครองหลุมอเวจีทั้งหมด

“ หืม นั่นเจ้ามัวทำบ้าอะไรอยู่ ข้าบอกว่าถึงเวลามอบเครื่องเซ่นสังเวยแล้วไง ” ราชันวานรมารแปดกรพูดย้ำขึ้นอีกครั้ง

ด้วยอานุภาพของค่ายกล สิ่งที่คนอื่นเห็นจึงเป็นภาพลวงตาที่จ้าวเทียนนั่งทำสมาธิอยู่ที่เดิมไม่ได้หายตัวไป

เมื่อเห็นว่าเวลาได้ผ่านไปอีกสามลมหายใจ แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับจากจ้าวเทียน ทำให้ราชันวานรมารเริ่มมีโทสะขึ้นมา มันรีบวางกรงขังเต่ามังกรไว้บนแท่นบูชา ก่อนจะไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าค่ายกลทันที

“ เจ้าเด็กบัดซบ กล้าทำให้ข้าเสียเวลางั้นรึ ”

เปรี้ยงงง ตูมมม!

ราชันวานรมารใช้ฝ่ามือตบฟาดไปที่ค่ายกลอย่างรุนแรง จากนั้นก็งอกนิ้วเป็นกรงเล็บเพื่อฉีกกระชากค่ายกลออกจากกัน แน่นอนว่าค่ายกลระดับนี้ ย่อมไม่อาจต้านทานราชันมารผู้แข็งแกร่งได้อยู่แล้ว

แคว่ก! บูมมม!

เสี้ยววินาทีที่ค่ายกลถูกทำลาย เงาร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ก็พุ่งทะลวงออกมา มันคือกิเลนสวรรค์เมฆาเพศเมียที่ระเบิดพลังด้วยความคลุ้มคลั่ง พร้อมยอมสละทุกสิ่งเพื่อปกป้องทารกน้อยในครรภ์ของตน

“ ไอ้มารชั่ว ข้าจะแลกชีวิตกับเจ้า ”

ตูมมม! ฉัวะ!

เขากิเลนอันแหลมคมดุจอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ได้บดขยี้ม่านพลังคุ้มกันแล้วเสียบทะลุตาซ้ายของราชันมารไปในพริบตา นี่คือการลอบโจมตีทีเผลอที่สมบูรณ์แบบเป็นที่สุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน