จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 503

ท่ามกลางเศษซากดาวเคราะห์หลายสิบดวงที่แตกสลาย ในที่สุดสงครามระหว่างโจรสลัดอวกาศกับกลุ่มสุดยอดมือสังหารแห่งเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร ก็เริ่มปรากฏผลแพ้ชนะขึ้นหลังจากที่ห้ำหั่นกันมาตลอดระยะเวลาสองชั่วโมง

“ บัดซบ มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร ราชันวิหคเงาอสูรสายเลือดบริสุทธิ์อย่างข้า จะมาพ่ายแพ้ให้โจรสวะพวกนี้งั้นเหรอ ” เจ้าตระกูลมู่สบถขึ้นด้วยความโกรธ

เดิมทีพวกมันทั้งเจ็ดตน ได้ปลดปล่อยทักษะต้องห้ามแห่งเผ่าพันธุ์วิหคเงาอสูรออกไปพร้อมกัน จนสามารถกวาดล้างศัตรูทั้งหมดไปกว่าเจ็ดส่วน แม้แต่ผู้นำอันดับสี่แห่งกลุ่มโจรสลัดก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสแทบหมดสภาพ

แต่ใครเล่าจะคิดว่า ในช่วงเวลาสำคัญกลับมีกำลังเสริมของพวกโจรสลัดมาเพิ่มอีกสองร้อยคน ทั้งยังเลือกเข้ามาโจมตีในยามที่พวกเขาอ่อนแรงเพราะใช้ทักษะต้องห้าม ทำให้สถานการณ์ได้พลิกกลับในทันที

อันที่จริงลำพังเพียงกลุ่มโจรสลัดที่มาใหม่ ก็ไม่ได้ส่งผลคุกคามต่อพวกเจ้าตระกูลมู่มากนัก เพราะเป็นแค่เพียงขอบเขตเทพโลกาขั้นหนึ่งกับแดนเทพขั้นสูงสุดเท่านั้น

แต่ปัญหาคือ พวกมันดันมาพร้อมกับเรือสงครามประจัญบานระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดอีกสองลำที่ติดตั้งอาวุธทำลายล้างปืนใหญ่ผลาญโลกา เอาไว้ต่อกรกับอสูรร้ายแห่งดวงดาวขนาดยักษ์โดยเฉพาะ

ซึ่งอาวุธพิฆาตของเรือสงครามนี่เอง ก็ถือเป็นของแสลงของพวกเจ้าตระกูลมู่ที่อยู่ในร่างเผ่าพันธุ์วิหคเงาอสูรพอดี เหมือนได้ถูกเตรียมการไว้ตั้งแต่ต้น

เพราะแค่ลำแสงสีแดงเข้มถูกยิงออกพร้อมกันสองสาย วิหคเงาอสูรขอบเขตเทพโลกาขั้นเจ็ดสองตัวก็ระเบิดกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่หลงเหลือซากศพที่สมบูรณ์ ในขณะที่ตัวอื่นๆก็ได้รับบาดเจ็บมากน้อยลดหลั่นกันไปตามความแข็งแกร่ง

ทำให้เจ้าตระกูลมู่ที่กำลังรับมือกับผู้นำฝ่ายศัตรู ต้องยอมเผาผลาญโลหิตตนเองใช้ทักษะต้องห้ามอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือผู้ใต้บัญชาออกจากวงล้อม และทำลายเรือสงครามทั้งสองลำทิ้งไปพร้อมกัน

ซึ่งนั่นก็เปิดโอกาสให้ฝ้ายตรงข้ามที่มาใหม่ รีบใช้ขบวนรบผสานแบ่งแยกเจ้าตระกูลมู่ออกจากกลุ่ม แล้วอาศัยจำนวนที่มากกว่า กำจัดวิหคเงาอสูรขอบเขตเทพโลกาขั้นแปดสองตัวผู้ช่วยที่เข้มแข็งที่สุดของเขาไปอย่างรวดเร็ว

สุดท้าย เจ้าตระกูลมู่จึงต้องฝืนต่อสู้กับศัตรูที่เหลือ พร้อมกับแบกรับผลกระทบอันรุนแรงจากทักษะต้องห้ามถึงสองครั้งไปด้วย

ส่วนวิหคเงาอสูรขอบเขตเทพโลกาขั้นเจ็ดที่เหลือสองตัวสุดท้าย ก็ถูกสองผู้นำโจรสลัดอวกาศจับกุมเอาไว้อย่างง่ายดาย ทั้งยังถูกใส่ตรวนผนึกพลังเตรียมเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นทาส

“ เหอะ ไอ้นกดำสองหัว ถ้าไม่เห็นแก่ที่เจ้าเป็นสายพันธุ์โบราณที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆเพื่อเซ่นสังเวยให้ผู้ที่ตายไป ” ผู้นำอันดับสองพูดขึ้นด้วยความโกรธ เขาทำท่าคว้าฝ่ามือไปทางฝ่ายตรงข้ามที่กำลังหมดสิ้นเรี่ยวแรงราวกับต้องการจะบดขยี้ให้แหลกเป็นจุล

“ พี่รองท่านระงับโทสะเอาไว้ก่อนเถิด ข้าเข้าใจว่าท่านรู้สึกอย่างไร ยามต้องทนเห็นกองกำลังชั้นยอดที่ทุ่มเทฝึกฝนมานานถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตา แต่ราชันวิหคเงาอสูรที่มีชีวิตย่อมมีประโยชน์กว่าที่ตายเป็นซากศพมากนัก ”

หลังกินโอสถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเรียบร้อย ผู้นำอันดับสี่ก็พูดเตือนสติพี่น้องของตนด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย พร้อมทั้งจับจ้องไปที่ร่างกายของเจ้าตระกูลมู่ด้วยความโลภ แม้ครั้งนี้จะสูญเสียเทพโลกาขั้นสามและขั้นหนึ่งไปเกือบหมด แต่โชคดีที่ระดับหัวหน้าส่วนใหญ่รอดชีวิตมาได้

“ มอบราชันวิหคตัวนี้ให้น้องสี่จัดการเถอะนะพี่รอง เพราะเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในการผสมพันธุ์สัตว์อสูรแปลกๆ และเมื่อเจ็ดวันก่อนเขาก็เพิ่งจับนางพญาอีแร้งศพโลหิตเพศเมียมาได้สิบตัว ถึงแม้พวกมันจะดูอัปลักษณ์และอ่อนแอไปหน่อยก็เถอะ ไม่แน่อีกสิบปีหลังจากนี้กองโจรของพวกเราอาจจะได้รับสัตว์ลูกผสมชั้นยอดมาใช้ออกปล้นก็ได้ ” ผู้นำอันดับสามพูดเสริมขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ หืม เจ้ารองคิดจะใช้ไอ้นกตัวนี้เป็นพ่อพันธุ์จริงๆงั้นรึ แต่ข้าเคยได้ยินมาว่าเผ่าพันธุ์อสูรโบราณมีโอกาสให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไปที่ต่ำมากไม่ใช่เหรอ ยิ่งใช้วิธีมอมยาหรือบีบบังคับยิ่งแล้วใหญ่ ” ผู้นำอันดับสองถามขึ้นด้วยความสงสัย ตอนแรกเขาคิดจะจับฝ่ายตรงข้ามเป็นทาสเลยจงใจไว้ชีวิต ไม่ได้คิดถึงหนทางใช้ประโยชน์อื่นแม้แต่น้อย

“ หึหึ พี่รองไม่ต้องกังวลไป เพราะปัญหาเรื่องนี้ข้าได้คิดวิธีแก้ไขเอาไว้แล้ว ขั้นแรกพวกเราจะต้องผนึกโลกภายในของมันเอาไว้ จากนั้นก็ทำลายประสาทสัมผัสทั้งห้า เด็ดปีกตัดเขี้ยวเล็บ กระชากเส้นเอ็นถอดกระดูก ปรับแต่งเส้นทางเดินพลังทั้งหมดของมันใหม่ให้แก่นชีวิตสายโลหิตทุกอย่างไหลไปรวมอยู่ที่อวัยวะสืบพันธุ์ ”

“ เท่านี้พวกเราก็ได้รับพ่อพันธุ์ชั้นยอดมาแล้ว หากดูจากความบริสุทธิ์ของสายเลือดของมัน อาจจะให้กำเนิดลูกหลานที่แข็งแกร่งได้นับร้อยตัว ก่อนจะแห้งตายไปเอง ” ผู้นำอันดับสี่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับถูกมือไปมาราวกับอดทนรอต่อไปไม่ไหว

“ ฮา ฮ่า น่าสนใจมากน้องสี่ ข้าชักอยากเห็นฝูงนางพญาอีแร้งศพโลหิตที่หื่นกระหายพวกนั้น รุมสูบน้ำเชื้อไอ้เจ้านกนี่ซะแล้วสิ มันคงจะน่าอภิรมย์ยิ่งนัก ” ผู้นำอันดับสองหัวเราะขึ้นอย่างสะใจ

“ ถูกแล้วนายท่านสอง พวกข้าก็อยากเห็นเหมือนกัน ”

“ ราชันวิหคเงาอสูรจะสมสู่กับพวกอีแร้งศพโลหิตงั้นเหรอ ลูกที่เกิดมาจะกลายเป็นตัวอะไรนะ ”

“ นายท่านสี่ ถ้าไอ้นกสองหัวนี่หมดประโยชน์แล้วข้าขอซื้อต่อได้หรือไม่ ข้าเคยได้ยินมาว่าอวัยวะสืบพันธุ์ของมันถือเป็นยาชูกำลังชั้นยอดเลย ”

พวกหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดอวกาศที่รอดชีวิต พากันส่งเสียงสนับสนุนผู้นำของตนอย่างสนุกปาก ซึ่งนอกจากจะเป็นการดูถูกฝ่ายตรงข้ามแล้ว ยังเป็นการระบายความแค้นไปในตัว

“ พายุเขี้ยวมิติสังหาร! ”

ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ร่างของผู้นำอันดับสี่จางหายไปในความว่างเปล่า แล้วถูกแทนที่ด้วยคมเขี้ยวสีดำฉีกกระชากมิติโจมตีเข้าใส่จ้าวเทียนจากทุกทิศทาง

ถึงแม้ตัวเขาจะฟื้นอาการบาดเจ็บได้เพียงสี่ส่วน แต่เมื่อได้รับการสนับสนุนจากน้ำเต้าวิเศษ แค่ถ่วงเวลาอีกฝ่ายไปเรื่อยๆก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป

ในเวลาเดียวกัน ผู้นำอันดับสองและผู้นำอันดับสามก็ละทิ้งเจ้าตระกูลมู่ แล้วฝ่ามิติไปโจมตีสององครักษ์ทันที ความเคลื่อนไหวของพวกเขาสอดคล้องต่อเนื่องพร้อมเพรียงราวกับนัดแนะกันไว้ก่อน

เพราะตราบใดที่สามารถสังหารพวกองครักษ์ได้ การจะเอาชนะจ้าวเทียนก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เปรี้ยงงง! ตูมมม!ๆๆๆๆๆๆๆๆ

ผู้แข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายได้ตรงเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด ขณะที่พวกโจรสลัดอวกาศที่เหลือ ก็แอบตั้งขบวนรบปิดล้อมเส้นทางหลบหนีทั้งหมดอย่างเงียบๆ

แต่ทว่า

กลับไม่มีผู้ใดสังเกตแม้แต่น้อย ว่ามีแมลงสีเงินตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่วิหคเงาอสูรสองตัวที่ถูกผนึกพลังไว้ด้วยความตะกละตะกลาม

‘ เมื่อข้ากลืนกินวิญญาณเจ้านกสองตัวนี่เสร็จ ก็ถึงคราวของราชันวิหคที่ถูกเด็ดปีกตัวนั้นสินะ สายเลือดอสูรบรรพกาลงั้นเหรอ เป็นเหมือนที่นายท่านกล่าวไว้ไม่มีผิด ที่นี่เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะมากมายจริงๆ หึหึ ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน