เมื่อการบรรเลงพิณของลี่เหยาเหยาจบลง แขกที่มาร่วมงานก็ได้ทยอยตื่นขึ้นมาทีละคน ตามความแข็งแกร่งของจิตใจตนเอง
“ อ้ากก!...ตาของฉัน ” ผู้ที่ใช้เนตรหยั่งรู้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาทั้งสองมีเลือดไหลซึมออกมาเป็นสาย ดูน่ากลัว
ตัวเขาเองได้ใช้เนตรหยั่งรู้ตรวจสอบพลังของผู้อาวุโสลึกลับมาตลอด แต่เมื่อครู่กลับถูกดึงเข้าไปในภาพมายาจนสติจมดิ่งลงไป ทำให้เนตรหยั่งรู้เสียการควบคุมและทำลายตัวเอง
ตอนนี้เขากลายเป็นคนตาบอดแล้ว…
จ้าวหยุนปิงมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก ลุงสองเป็นคนเดียวที่ฝึกเนตรหยั่งรู้จนสำเร็จขั้นสูง แม้แต่ขอบเขตเซียนก็ยังตรวจสอบได้
แต่กลับต้องสูญเสียดวงตาของเขาไปแบบนี้ อีกทั้งลุงสองก็เป็นปรมาจารย์เช่นกัน มันจึงเป็นความสูญเสียอย่างแสนสาหัสของตระกูลจ้าว
“ รีบพาท่านลุงไปรักษาเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า ” จ้าวหยุนปิงสั่งบอดี้การ์ดด้านข้างด้วยเสียงอันดัง สร้างความแตกตื่นให้คนรอบๆเป็นอย่างมาก
ตอนแรกเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองหลุดเข้าไปในโลกมายานั้นก็เพียงแค่รู้สึกตื่นเต้นเท่านั้น
แต่เมื่อได้เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยเลือดของผู้อาวุโสตระกูลจ้าว ความตื่นเต้นก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวทันที พวกเขาเพิ่งนึกขึ้นได้
หากเมื่อกี้มีคนต้องการจะฆ่าพวกเขาล่ะ…
แม้แต่คนที่ดวงตาระเบิดทั้งสองข้างก็ยังไม่หลุดจากภาพลวงตาเลย…
มีแต่ต้องให้ผู้บรรเลงพิณหยุดไปเองเท่านั้น ทุกคนจึงจะได้สติ…
เคล็ดวิชานี้น่ากลัวมาก …
จ้าวหยุนปิงยืนมองลุงสองถูกนำตัวออกไปด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้แผนหยั่งเชิงพลังของยอดฝีมือลึกลับพังลงอย่างไม่เป็นท่า ที่เหลือก็มีแต่การตรวจสอบปรมาจารย์โอสถเท่านั้น
หลังจากที่ผู้คนทั้งหมดในห้องเริ่มตั้งสติได้ ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสลึกลับอีกต่อไป
แม้แต่ชายที่ออกมาพูดจาหาเรื่องเมื่อครู่ ก็ยังต้องรีบก้มหัวขอโทษอย่างนอบน้อม แล้วหนีหายไปทันที ทำให้การประมูลดำเนินไปได้ต่อ
“ ทางผู้จัดงานต้องขออภัยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าทุกท่านมีคำตอบให้ตัวเองแล้วใช่ไหม ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง ”
“ งั้นเรามาเริ่มประมูลของชิ้นต่อไปกันได้เลย นี่คือคัมภีร์กายาวายุสวรรค์เป็นวิชาระดับปรมาจารย์ของผู้อาวุโสซวนเฉวียนเหมือนกับเล่มแรก ผมจะไม่ขอพูดมากก็แล้วกัน ”
“ สำหรับราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10 ล้านครับ…เริ่มประมูลได้ ”
“ 120 ล้าน ”
“ 150 ล้าน ”
“ 200 ล้าน ”
….
เนื่องจากแขกทุกคนได้เห็นความสามารถของผู้อาวุโสซวนเฉวียนไปแล้ว จึงมีความมั่นใจในตัวคัมภีร์ที่ถูกประมูลมากขึ้น ทำให้ยอมทุ่มเงินกันเต็มที่
สำหรับพวกเขาเคล็ดวิชาระดับปรมาจารย์หมายถึงอะไร…
มันหมายถึงสิ่งที่สามารถสร้างยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ได้…
ภายใน 10-20ปีตระกูลเขาจะให้กำเนิดปรมาจารย์ขึ้นมาแน่นอน…
ดังนั้นพวกเขาจึงต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้ได้มา หลายคนอาจจะคิดว่าทำไมไม่ทำของเลียนแบบขึ้นมาล่ะ
มันเคยมีคนทำมาแล้วในอดีต แต่สุดท้ายคนที่ซื้อไปต่างก็โดนธาตุไฟเข้าแทรก ชีพจรระเบิดตาย เพราะเคล็ดวิชาถูกปรับเปลี่ยนโดยคนที่ทำฉบับเลียนแบบออกมา
ทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัว ไม่อยากให้คนอื่นได้ดีกว่า สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครกล้าซื้อของเลียนแบบอีกเลย
อาจเป็นเพราะการแสดงฝีมือของลี่เหยาเหยา ทำให้หลังจากนั้นคัมภีร์ที่เขาเอาลงประมูลอีก 4 เล่ม ได้ถูกประมูลอกไปด้วยราคาที่สูงกว่าเล่มแรกมาก
350ล้าน !
340ล้าน !
370ล้าน !
400ล้าน !
รวมแล้วตอนนี้จ้าวเทียนได้รับเงิน 1,710 ล้านหยวน จากการขายคัมภีร์ระดับปรมาจารย์ 5 เล่ม เมื่อหักออกไปให้ตระกูลลี่กับตระกูลกง 20%
เขาก็ยังเหลือเงินอีก 1,368 ล้านหยวน มันห่างจาก 2000ล้านหยวน ที่เขาตั้งเป้าไว้อีกไม่ไกลแล้ว
“ งั้นเรามาเริ่มประมูลของชิ้นต่อไปกันได้เลย นี่คือเม็ดยาฟื้นฟูระดับ 2 ที่ถูกหลอมขึ้นโดยปรมาจารย์โอสถ ”
“ ซึ่งเพื่อความยุติธรรมและความโปร่งใสในการประมูลของพวกเรา ”
“ วันนี้ปรมาจารย์โอสถท่านนี้ได้ส่งเม็ดยาเข้าประมูล 4 ชนิด รวม 13 รายการ ”
“ ตอนนี้เราจะมาทดสอบเม็ดยาทั้งสี่ชนิดกัน ได้แก่ ”
“ ยาฟื้นปราณ ยาฟื้นโลหิต ยาหยวนตันดิน ยาล้างไขกระดูกดิน ”
เมื่อพิธีกรพูดจบก็ได้มีการจัดเตรียมเวทีใหม่ เพื่อให้เหมาะสำหรับการทดสอบเม็ดยา ในระหว่างนั้น แขกที่มาร่วมงานก็พูดคุยกันเสียงดัง
“ ในที่สุดก็ถึงเวลานี้ซักที…ฉันลงจากเขามาเพื่อยาพวกนี้โดยเฉพาะ ”
“ พวกนายเชื่อว่ามันเป็นของจริงเหรอ…นี่มันเหนือกว่าที่ขายในตลาดเยอะเลยนะ ”
“ ใช่ มันดีกว่าที่ตระกูลหลงขายเยอะเลย…ฉันว่าป่านนี้พวกตระกูลหลงคงนั่งน้ำตาซึมล่ะ”
เสียงพูดคุยที่ได้ยินส่วนใหญ่จะเป็นการสมน้ำหน้าตระกูลหลงซะมากกว่า เพราะความอิจฉาที่ตระกูลหลงครอบครองธุรกิจนี้เพียงผู้เดียวมานาน
แม้ตระกูลอื่นจะพยายามแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหาตัวปรมาจารย์โอสถได้ เม็ดยาพวกนี้ต้องปรุงด้วยพลังปราณอย่างละเอียดอ่อนเท่านั้น ไม่สามารถพึ่งพาเครื่องจักรกลได้
ทำให้ตระกูลหลงที่มีปรมาจารย์โอสถอยู่ ครอบครองตลาดแต่เพียงผู้เดียว
ฮึ่ม!
ตอนนี้ซูเหวินตังผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของตระกูลหลง กำลังหัวเสียอย่างมาก เพราะคนที่อยู่รอบๆต่างพูดว่ายาของตระกูลลี่ดีกว่าของเขา
“ กล้าท้าทายพวกฉันงั้นเหรอ! ”
ชายสามคนเดินขึ้นเวทีมาอย่างช้าๆ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่พวกเขา ด้วยท่วงท่าที่แฝงไปด้วยความมั่นใจ กลิ่นอายของลูกผู้ชายอันเข้มข้นกระจายออกมา
ชุดจีนคอปกสีดำ…
ผ้าพันคอสีขาวที่พลิ้วไหว…
และหมวกปีกกว้างสีดำ…
พวกจ้าวเทียนมาถึงแล้ว มาพร้อมกับฉากเปิดตัวที่น่าจดจำ
ลี่เฟยที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับพ่นน้ำออกมา เธอก้มหน้าลงบนโต๊ะพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่
ลี่เหยาเหยาเองก็แทบจะรักษาภาพพจน์ของยอดฝีมือผู้สูงส่งเอาไว้ไม่อยู่ เธอมองดูพวกเจ้าเทียนด้วยแววตาซุกซน
‘ ฉันน่าจะถ่ายรูปเก็บไปให้น้องหยูเหมยดู ’
เชะๆ
!!
กงเสี่ยวเหมยได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้เรียบร้อย ทั้งยังอัดเป็นคลิปวีดีโอต่อด้วย เธอมองไปที่แววตาสื่อความหมายของลี่เหยาเหยา แล้วกะพริบตาส่งสัญญาณไปให้
‘ เดี๋ยวพี่ส่งให้นะ ’
บนเวทีจ้าวเทียนที่ปลอมตัวเป็นชายวัยกลางคน ได้นั่งลงบนเก้าอี้ที่เฉินจิ้งไปเอามาให้อย่างผ่อนคลาย ไม่ได้เห็นซูเหวินตังอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“ แกเหรอ…ที่กล้าท้าทายเจ้านายของฉัน และยังส่งไอเศษสวะตัวนี้มารบกวนพวกเรา” ลี่หวูเฉินพูดขึ้นอย่างถือดี เขาเดินไปเตะหลังปรมาจารย์ที่สลบอยู่ จนอีกฝ่ายกระเด็นตกเวทีไป
‘ ความรู้สึกที่เตะปรมาจารย์กระเด็น…นี่มันช่างฟินจริงๆ ’
“ แกกล้าหมิ่นเกียรติอาหลางงั้นเหรอ…แกมันแค่ผู้เชี่ยวชาญกระจอกๆ แต่เขาเป็นถึงปรมาจารย์นะ หลังจากที่เขาฟื้นแกตายแน่! ” ซูเหวินตังพูดขึ้นด้วยความโกรธ
ฮ่า ฮ่า
“ สำหรับคนที่รับไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวของเจ้านายฉัน มีอะไรต้องกลัว ” ลี่หวูเฉินหัวเราเยาะเย้ยเสียงดัง
“ อย่ามาโกหกหน่อยเลย… พวกแกมันก็แค่พวกต้มตุ๋นหลอกลวง ที่ผู้คุ้มกันของฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะพวกแกเล่นสกปรกแน่นอน ” ซูเหวินตังพูดเปิดโปงพวกจ้าวเทียนออกมา
“ น่าสนใจดีนี่…บอกว่าพวกฉันเป็นพวกต้มตุ๋นงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ งั้นก็มาดูกัน! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...