จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 517

เวลาแต่ละวินาทีที่ผ่านพ้นไป สำหรับผู้คนในตระกูลปิงกู่แล้วเหมือนกับยาวนานนับปี เพราะตั้งแต่ที่พวกเขาตัดสินใจช่วยเหลือสำนักดาราสวรรค์บุกรุกพระราชวังจักรพรรดิ ก็ถือเป็นการก่อกบฏช่วงชิงบัลลังก์อย่างชัดเจน

ตระกูลปิงกู่นั้นมาไกลเกินไป ไกลเกินกว่าที่จะถอยหลังกลับแล้ว หากที่พึ่งสุดท้ายของพวกเขาอย่างองค์จักรพรรดินีเทพ ยอมไว้หน้าเหล่าพระโพธิสัตว์เพื่อแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี

สมาชิกของตระกูลปิงกู่ทุกคน ก็มีแต่ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปที่สำนักดาราสวรรค์เท่านั้น เนื่องจากถ้ายังอยู่โลกทิพย์สัตว์อสูรต่อไป ก็คงไม่แคล้วถูกประหารทั้งตระกูลแน่นอน

แน่นอนว่า ทั้งหลินซินเยว่และผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนที่ลอบสังเกตการณ์อยู่ ต่างก็เข้าใจในความรู้สึกกดดันของตระกูลปิงกู่ดี

เพราะตอนนี้ไม่ว่าหลินซินเยว่จะเรียกร้องทรัพย์สมบัติล้ำค่ามากมายขนาดไหน หรือแม้แต่ขอรับข้อเสนอที่ดีกว่าตระกูลปิงกู่มอบให้เป็นสองเท่า เซียวหมิงเทียนที่ต้องการรักษาอำนาจของราชวงศ์เอาไว้ ก็ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน

และที่สำคัญ การเป็นพันธมิตรกับเซียวหมิงเทียนที่ได้รับการสนับสนุนจากแดนสุขาวดี ย่อมมีประโยชน์กว่าตระกูลปิงกู่ที่หัวเดียวกระเทียมลีบอยู่แล้ว

“ องค์จักรพรรดินีเทพ ขอเพียงท่านยอมปล่อยบุตรชายของข้า แล้วคืนอำนาจในการควบคุมพระราชวังให้ ไม่ว่าจะต้องการสิ่งใดขอให้บอกมาได้เลย ” เซียวหมิงเทียนรีบแสดงจุดยืนทันที เนื่องจากหากปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามหยุดคิดนานเกินไป อาจจะเกิดเหตุการณ์แทรกซ้อนขึ้นมาอีก

“ อะไรก็ได้งั้นรึ ” หลินซินเยว่ถามกลับไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก

“ ใช่แล้ว ขอแค่ท่านเอ่ยปากมา ไม่ว่าจะเป็นโลหิตบรรพชนอสูรศักดิ์สิทธิ์หนึ่งขวด หรือโครงกระดูกมังกรที่แท้จริงในสภาพสมบูรณ์ ข้าล้วนยินดีมอบให้ทั้งนั้น”

!!

ขอเสนอนี้ทำให้บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่เฝ้ามองอยู่ดวงตาลุกวาวทันที แม้แต่หลินซินเยว่ที่เตรียมใจไว้ก่อนยังต้องเลิกคิ้วงามขึ้น แตกต่างกับเหล่าผู้อาวุโสตระกูลปิงกู่ที่มีสีหน้าหมองคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด

เพราะทั้งโลหิตบรรพชนอสูรศักดิ์สิทธิ์และโครงกระดูกมังกรที่แท้จริง รวมไปถึงทรัพย์สมบัติล้ำค่าต่างๆของตระกูลจักรพรรดิ ได้ถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่มิติลึกลับ ซึ่งตำแหน่งของมันก็มีแต่เซียวหมิงเทียนเท่านั้นที่รู้

ต่อให้ตระกูลปิงกู่ช่วงชิงบัลลังก์ได้สำเร็จ กว่าที่พวกเขาจะตามหามิติคลังสมบัตินั้นเจอ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ อาจจะเป็นร้อยปี พันปีหรือหมื่นปีก็ไม่ทราบได้

ซึ่งเรื่องสำคัญแบบนี้สำนักดาราสวรรค์เองก็รู้ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะรู้สึกกังวลในการล่อลวงของเซียวหมิงเทียน

ขณะเดียวกัน

ภายในพระราชวังจักรพรรดิ เหล่าผู้อาวุโสตระกูลปิงกู่ตลอดจนสมาชิกรุ่นเยาว์ได้พากันไปรุมล้อมคังหลินอย่างเนืองแน่น พวกเขาพากันมอบสมบัติล้ำค่าหรือเสนอความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้กับสำนักดาราสวรรค์เพิ่มเติมจากข้อตกลงตอนแรกมากมาย

“ นายน้อยสอง ท่านต้องไม่ให้องค์จักรพรรดินีหลงเชื่อคารมของฝ่ายตรงข้ามนะ ใครๆก็รู้ว่าตระกูลเซียวเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าพวกมันได้รับอำนาจกลับคืนมาจะต้องหาวิธีเล่นงานสำนักดาราสวรรค์แน่นอน ”

“ ใช่แล้ว ถึงแม้ตระกูลปิงกู่ของพวกเราจะไม่มีสมบัติมากเท่าตระกูลเซียว แต่พวกเราก็พร้อมจะสนับสนุนสำนักดาราสวรรค์อย่างจริงใจ ไม่มีความคิดทรยศหักหลังอยู่แล้ว ”

“ นายน้อยสอง หากคิดว่าเงื่อนไขของพวกเรายังไม่ดีพอ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้เลยนะ ขอเพียงเป็นความต้องการของท่าน ต่อให้เป็นโลหิตศักดิ์สิทธิ์บรรพชนกิเลนเมฆาสวรรค์พวกเราก็ยินดีมอบให้ ”

คังหลินรู้สึกหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก คนเหล่านี้รีบร้อนแย่งกันกล่าววาจาโดยไม่เปิดช่องให้เขาตอบกลับแม้แต่น้อย

“ พวกเจ้าฟังนะ สำนักดาราสวรรค์ของข้าไม่มีทางผิดคำพูดอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเราบรรลุข้อตกลงกับปิงกู่เหนียงเหนียงเรียบร้อย ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามนั้นแน่นอน ” คังหลินแสร้งถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“ แต่ข้อเสนอที่พวกเจ้ากล่าวมาเมื่อครู่ก็ไม่เลวเหมือนกัน บางทีอาจจะทำให้ท่านอาจารย์ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ”

!!

เมื่อพวกผู้อาวุโสได้ยินก็หูผึ่งทันที หลังจากพวกเขาปรึกษากันไม่นาน ข้อตกลงใหม่กับสำนักดาราสวรรค์ก็ถูกสร้างขึ้น

นอกจากจะเพิ่มผลประโยชน์ให้มากมายแล้ว ยังไม่มีข้อผูกมัดเรื่องระยะเวลาอีกด้วย จะบอกว่าพวกเขายินยอมกลายเป็นตระกูลสาขาของสำนักดาราสวรรค์ก็คงไม่ผิดนัก

“ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะ นี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าเสนอมาเอง สำนักดาราสวรรค์เพียงรับฟังและตอบรับเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาบีบบังคับใดๆทั้งสิ้น ”

ตอนนี้บรรดาผู้ยิ่งใหญ่จากแดนสวรรค์และเหล่าพระโพธิสัตว์แห่งแดนสุขาวดี ได้ตกตะลึงจากอ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว เพราะพวกเขาอยู่มานานหลายหมื่นปีก็ไม่เคยเจอใครโลภมากขนาดนี้มาก่อน

ทั้งข่มขู่ ยึดทรัพย์ จับตัวประกัน นี่มันจะเผด็จการเกินไปหรือเปล่า…

“ นี่ท่าน… ” เซียวหมิงเทียนโกรธจนพูดไม่ออก หากเขาเป็นคนธรรมดาป่านนี้คงความดันขึ้นจนหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว

“ อามิตาพุทธ องค์จักรพรรดินีมิคิดว่า นี่เป็นข้อเรียกร้องที่เกินไปงั้นรึ ” พระโพธิสัตว์ตี้จั้งหวังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในเมื่อท่านตัดสินใจมาช่วยเหลือ ก็คงไม่ดีนักที่จะปล่อยให้เซียวหมิงเทียนถูกกดดันอยู่ฝ่ายเดียว

“ หึหึ มันจะเกินไปได้อย่างไร สำหรับตัวข้าชีวิตของลูกศิษย์แต่ละคนสำคัญที่สุด หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ต่อให้เอาโลกทิพย์สัตว์อสูรทั้งหมดมาแลกก็ยังไม่เพียงพอเลยด้วยซ้ำ ”

หลินซินเยว่จงใจประกาศออกมาเสียงดัง นอกจากจะตอบโต้คำพูดพระโพธิสัตว์ตี้จั้งหวังแล้ว ยังเป็นการส่งคำเตือนไปถึงผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ด้วย

เพื่อให้ในอนาคตข้างหน้า พวกเขาจะต้องระมัดระวังการกระทำของตัวเองดีๆ หากไม่ต้องการมีจุดจบแบบเดียวกับจักรพรรดิโลกอสูร

“ หลินซินเยว่ ขอถามอีกครั้ง ท่านจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงการตัดสินจริงๆใช่ไหม ” เซียวหมิงเทียนกัดฟันพูดขึ้นด้วยโทสะ แววตาแดงก่ำของเขาดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก

“ เหอะ ” หลินซินเยว่แค่นเสียงเบาๆ

“ ดีมาก งั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนทนากันอีกแล้ว ข้ายอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ ครั้งนี้ตระกูลจักรพรรดิโลกอสูรจะต่อสู้กับเจ้าจนถึงที่สุด ” เซียวหมิงเทียนประกาศออกมาเสียงดัง เขาเลือกจะไม่สนใจชีวิตของตัวประกันอีกต่อไป

เพราะต่อให้เสียบุตรชายไปก็ให้กำเนิดใหม่ได้ แต่อำนาจวาสนาของราชวงศ์จักรพรรดิที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ จะให้ถูกพวกกบฏช่วงชิงไปไม่ได้เป็นอันขาด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน