จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 528

ท่ามกลางความเวิ้งว้างอันดำมืดของห้วงมิติโกลาหล ฝูงผีเสื้อดุร้ายจำนวนสองร้อยตัวกำลังบินตามล่าบุรุษชุดดำอย่างกระชั้นชิด

ทุกครั้งที่ฝูงผีเสื้อขยับปีก ลวดลายสีทองบนปีกก็จะกระพริบแสง เกิดเป็นเกลียวคลื่นพายุคมมีดมิติพุ่งทะยานออกไปกีดขวางเส้นทางหลบหนีของเหยื่อ ราวกับต้องการไล่ต้อนอีกฝ่ายให้ไปยังทิศทางที่พวกมันต้องการ

ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟุ่บ! ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มองเห็นเงาร่างอันพร่าเลือนของบุรุษชุดดำ เหมือนเปลวเทียนที่ต้องเผชิญพายุฝนฟ้าคะนองอันคลุ้มคลั่ง บ้างขยับหลบไปทางซ้าย บ้างขยับหลบไปทางขวา พุ่งทะลวงเข้าไปในพายุคมมีดมิติแบบตรงๆ

ทุกการเคลื่อนไหวของบุรุษชุดดำแฝงไปด้วยกฎเกณฑ์มิติเวลาขั้นสูง ทำให้คมมีดมิติส่วนใหญ่ต้องพลาดเป้าไปอย่างฉิวเฉียด

‘ เหอะ! อย่าให้ถึงทีข้าบ้างก็แล้วกัน ’

โฮ่วอี้แค่นเสียงขึ้นในใจ ทั่วร่างกายของเขาล้วนเต็มไปด้วยบาดแผลทั้งเก่าและใหม่จากการโจมตีก่อกวนของศัตรู แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้พึ่งเคยเกิดขึ้นครั้งแรก

สิ่งที่กำลังตามล่าโฮ่วอี้อยู่ก็คือ ฝูงผีเสื้อเบิกนภา สัตว์ร้ายบรรพกาลที่ถูกขับไล่มาที่ห้วงมิติโกลาหลตั้งแต่หลายสิบล้านปีก่อน ด้วยนิสัยที่ชื่นชอบการเข่นฆ่าทำลายล้างเพื่อความสนุก ทำให้กลายเป็นศัตรูของทุกเผ่าพันธุ์

เพราะพวกมันถือกำเนิดขึ้นจากกฎแห่งมิติ จึงสามารถมีชีวิตอยู่รอดมาได้โดยไม่ต้องดื่มกิน เมื่อเติบโตเต็มที่ก็จะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเทพโลการะดับเก้าโดยไม่ต้องฝึกฝน

ในอดีตเวลาพวกมันออกล่ากันเป็นฝูง ย่อมสามารถกวาดล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในหนึ่งดาราจักรได้อย่างง่ายดายภายในระยะเวลาไม่ถึงสัปดาห์ จัดเป็นตัวหายนะของจักวาลอย่างแท้จริง

“ หูเหมียวเตี๋ย เจ้าคิดจะซ่อนตัวไปถึงเมื่อไหร่.. โผล่หัวออกมาซะ! ”

วูป!

สิ้นเสียง เจตจำนงอันแข็งแกร่งและมหามรรคาจักรพรรดิก็ปกคลุมทุกสรรพสิ่ง

เพียงโฮ่วอี้พลิกมือ คันศรเก่าแก่โบราณก็ถูกเรียกออกมา พร้อมเกาทัณฑ์สีทองเก้าดอกในมืออีกข้างหนึ่ง จากนั้นเขาก็พลิกตัวน้าวคันศรจนเป็นรูปพระจันทร์เต็มดวง

เสี้ยววินาทีนี้ ราวกับห้วงเวลาได้เดินช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง มองเห็นฝูงผีเสื้อเบิกนภาเหมือนโดนแช่แข็งอยู่ท่ามกลางความมืดมิด แต่ด้วยปีกที่เปล่งประกายสีทองของพวกมันทำให้ตกเป็นเป้าหมายเกาทัณฑ์ชั้นดี

“ เขตแดนสังหาร หมื่นเกาทัณฑ์ทะลวงใจ! ”

สวบ!

เสียงเกาทัณฑ์ดังออกมาเพียงครั้งเดียว ก็เกิดเป็นคลื่นหนามอันแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วน ซัดโถมเข้าใส่ฝูงศัตรูที่ไม่ได้ระวังป้องกันตัว

ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆ

แม้ชื่อของเคล็ดวิชาจะเป็นหมื่นเกาทัณฑ์ แต่หนามแหลมสีดำดุจคมเขี้ยวมัจจุราช ที่พุ่งทะลวงเข้าใส่ศัตรู กลับมีจำนวนเป็นอนันต์ ดุจเม็ดฝนที่สาดเทลงมาจากบนฟ้า

โฮ่วอี้รู้ดีว่าการโจมตีเพียงแค่นี้ ย่อมไม่อาจสร้างความเสียหายให้เปลือกนอกอันแข็งแกร่งของผีเสื้อเบิกนภาได้มากนัก เขาจึงเล็งเป้าหมายไปที่ปีกทั้งสองข้างซึ่งเป็นจุดอ่อนของพวกมันแทน

กี๊ซซซ!!!ๆๆๆ

เมื่อเวลากลับมาเดินอีกครั้ง เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผีเสื้อเบิกนภาครึ่งหนึ่งสูญเสียปีกล่วงหล่นจากฝูง แม้จะไม่ตายแต่ก็หมดสภาพต่อสู้ในทันที

“ ตายซะ! ”

โฮ่วอี้ตะโกนออกมาเสียงดัง เขายอมเผาผลาญจิตตานุภาพตนเอง ยิงเกาทัณฑ์ดับตะวันหนึ่งร้อยดอกออกไปในเสี้ยววินาที

บูมมมมม!!!!! ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆๆ

เกาทัณฑ์สีทองฉีกกระชากความว่างเปล่าทะลวงทุกสรรพสิ่ง เหมือนไม่มีอะไรมาขวางกั้นเส้นทางของมันได้ เจาะทะลุดวงตาเหล่าผีเสื้อที่ไร้ปีก ส่งผลให้คลื่นพลังทำลายล้างที่แฝงมาในลูกเกาทัณฑ์ บดขยี้ศีรษะพวกมันในพริบตา

เมื่อผู้ได้รับสมญานามเทพสังหารอย่างโฮ่วอี้ บรรลุขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครอง การโจมตีเต็มกำลังของเขา ก็สามารถปลิดชีพเทพโลกาขั้นเก้าได้อย่างง่ายดาย หนึ่งเกาทัณฑ์หนึ่งชีวิต ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น

แต่ทว่า….

ทุกการลงทุนย่อมต้องมีความเสี่ยง ทั้งการเผาผลาญจิตตานุภาพตนเอง และยอมไม่หลบการโจมตีส่วนใหญ่เพื่อสังหารศัตรู มันย่อมทำให้อาการบาดเจ็บของโฮ่วอี้เลวร้ายไปกว่าเดิม จนเขาต้องพยายามฝ่าวงล้อมหลบหนีออกไปอีกครั้ง

หนึ่งวันผ่านไป…

ในที่สุดร่างกายอันอ่อนล้าของโฮ่วอี้ก็มาถึงขีดจำกัด เขานั่งทรุดกายลงบนแผ่นหินขนาดใหญ่ ที่ลอยเคว้งคว้างอยู่ในความดำมืดของห้วงมิติโกลาหล

“ ข้า….มาได้แค่นี้เองรึ ”

ฝ่ามือหูเหมียวเตี๋ยเปลี่ยนเป็นกงเล็บอันแหลมคม ทะลวงเข้าไปในอกข้างซ้ายโฮ่วอี้ แล้วยกตัวเขาลอยขึ้นอย่างช้าๆ

“ รอข้าดูดกลืนต้นกำเนิดพลังของเจ้าเรียบร้อยก่อนเถอะ! สตรีนางนั้นก็จะกลายเป็นรายต่อไป เพื่อชดใช้ในสิ่งที่พวกเจ้าทำลงไป ข้าจะดึงดวงวิญญาณของพวกเจ้าออกมาทรมานเล่นซักหนึ่งร้อยปีเป็นอย่างไร..หึหึ” หูเหมียวเตี๋ยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

สายตาที่นางใช้มองโฮ่วอี้เต็มไปด้วยความโลภอย่างชัดเจน ต่อให้สูญเสียลูกน้องไปเกือบหมด แต่ถ้าแลกกับการที่นางสามารถบรรลุขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองได้มันก็คุ้มค่า

“ นี่เจ้า ยังไม่เลิกละเมอเพ้อฝันอีกงั้นรึ ”

!!

เสียงสตรีที่ดังขึ้น ทำให้หูเหมียวเตี๋ยหน้าเปลี่ยนสีในทันที แต่ก่อนที่นางจะได้ทำอะไรต่อไป ภาพสรรพสิ่งรอบข้างก็แตกกระจายเหมือนเศษกระจก ร่างของโฮวอี้กลายเป็นละอองแสงสลายหายไป

ส่วนหูเหมียวเตี๋ยและบริวารอีกสามสิบตัว ก็ถูกขังอยู่ในม่านพลังรูปครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากแผ่นหิน

“ ปิงเยว่!! นังสารเลว ที่แท้พวกเจ้าก็วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ต้น ”

หูเหมียวเตี๋ยจ้องมองจักรพรรดินีปิงเยว่ ที่ยืนอยู่ข้างโฮ่วอี้ด้านนอกม่านพลังด้วยสายตาโกรธแค้น อีกฝ่ายถึงกับกล้าส่งสหายไปเสี่ยงตายเพียงลำพังเพื่อล่อเธอมาติดกับเลยทีเดียว

“ เหอะ! เจ้ามารู้ตัวตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ” จักรพรรดินีปิงเยว่แค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะหันไปส่งสายตากับโฮ่วอี้ที่ยืนง้างคันศรรออยู่แล้ว

ช่วงเวลาที่ศัตรูหลงอยู่ในภาพมายา โฮ่วอี้ก็รีบกินโอสถศักดิ์สิทธิ์จนฟื้นฟูพลังคืนกลับมาเกือบครึ่ง เพียงพอที่จะใช้กระบวนท่าไม้ตายอีกครั้งแน่นอน

“ ตายซะ! ”

สิ้นเสียง เกาทัณฑ์สีทองนับร้อยก็ฉีกกระชากความว่างเปล่าออกไปอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาอับจนและหวาดกลัวของเหล่าศัตรูที่ถูกผนึกไว้ในโลกมายา ไม่อาจหลบหนีหรือตอบโต้อย่างไรได้เลย

จนกระทั่งเมื่อทุกอย่างจบลง จักรพรรดินีปิงเยว่ก็ดึงดวงแสงสีดำออกมาจากซากศพหูเหมียวเตี๋ย ถึงแม้จะไม่ทรงพลังเท่าชิ้นส่วนวิญญาณสมบูรณ์ที่นางเสียไป

แต่มันก็เกิดจากการหลอมรวมเศษชิ้นส่วนขนาดเล็กนับร้อยนับพัน ย่อมมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูความแข็งแกร่งของนางอย่างแน่นอน

“ ต่อไปก็คงเป็นราชันอสูรเทาเที่ย สินะ! หวังว่าผู้ปกครองเทพมารต่างภพตนนั้นจะไม่พบตัวพวกเราเร็วเกินไปนัก.. ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน