แค่การถือกำเนิดของอสูรเทวะหงส์อมตะดาราสวรรค์ จ้าวเทียนก็รู้สึกน่าเหลือเชื่อพออยู่แล้ว แต่เมื่อเขาได้เห็นเหตุการณ์ต่อจากนี้ก็ถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งจิตวิญญาณทันที
ตูมม!
ดวงอาทิตย์ได้ระเบิดคลื่นความร้อนอันมหาศาลออกมา ก่อนที่รัศมีพลังของมันจะหดเล็กลงแล้วเริ่มควบแน่นเข้าสู่ใจกลาง ก่อกำเนิดเป็นเงาร่างของบุรุษผมแดงผู้หนึ่ง
ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตมโหฬาร ผิวหนังสีทองอร่าม กล้ามเนื้อแข็งแกร่งดุจเพชรเปล่งประกายระยิบระยับ ทั้งยังมีกลิ่นอายที่ทรงพลังดุดันราวกับราชันมังกรบรรพกาล
เหนือสิ่งอื่นใด รูปลักษณ์ภายนอกของบุรุษผู้นี้ถึงกับถอดแบบมาจากมหาเทพผานกู่ที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำของเทพมังกรอ๋าวเฟิงเกือบแปดส่วน แสดงให้เห็นถึงต้นกำเนิดที่ไม่ธรรมดา
กลับกลายเป็นว่า ดวงอาทิตย์ที่จ้าวเทียนเห็นมาตลอดไม่ใช่ของจริง มันคือเคล็ดวิชาจำแลงร่างของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเหนือผู้ใดในจักรวาล
‘ สัญลักษณ์ศึกเก้าตะวันในตำนาน ไม่ผิดแน่ ’
จ้าวเทียนจับจ้องไปที่สัญลักษณ์ดวงอาทิตย์เก้าดวง ตรงกลางหน้าผากของมนุษย์ยักษ์ผมแดง มันประกอบไปด้วยดวงอาทิตย์สีทองดวงใหญ่อยู่ตรงกลาง ส่วนอีกแปดดวงเล็กเป็นวงแหวนรอบนอก
นี่คือหลักฐานของผู้บรรลุแก่นแท้ของเคล็ดวิชาหมื่นตะวันขั้นสูงสุด ซึ่งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีเพียงบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งเท่านั้นที่ไปถึงขั้นนี้
‘ ฉันไม่เคยนึกมาก่อน ว่าผู้อาวุโสปิงเยว่จะมีความสัมพันธ์แบบนี้กับหนึ่งในสามผู้ปกครองเอกภพ บรรพจารย์ซวนตี้เหยียน ’
ในเวลาเดียวกัน ภาพความทรงจำของเหตุการณ์ในอดีตก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ หลังจากจักรพรรดินีปิงเยว่ได้ถือกำเนิดใหม่ ผู้ปกครองซวนตี้เหยียนก็บอกเล่าความเป็นมาของตัวเองให้ฟัง
ประมาณหนึ่งล้านปีที่แล้ว เพื่อยกระดับให้เคล็ดวิชาหมื่นตะวันเข้าสู่ขอบเขตสมบูรณ์ ผู้ปกครองซวนตี้เหยียนจึงสร้างระบบสุริยะขึ้นมาใหม่ จากนั้นก็ผนึกจิตสำนึกเปลี่ยนตัวเองให้เป็นดวงอาทิตย์
ส่วนการที่ดวงดาวสีน้ำเงินได้รับจิตวิญญาณ จนสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตต้นกำเนิดก็อาจเป็นเพราะได้ซึมซับกลิ่นอายชิ้นส่วนวิญญาณมหาเทพผานกู่ ในกระบวนการหลอมสร้างดวงดาวที่ท่านเผลอปล่อยออกมาโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งถ้าวัดกันตามเหตุผลข้างต้น จะบอกว่าจักรพรรดินีปิงเยว่คือสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังของผู้ปกครองซวนตี้เหยียนก็คงไม่ผิดนัก
‘ ถึงตอนนี้ก็ไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมผู้อาวุโสปิงเยว่ถึงกล้ามอบชิ้นส่วนวิญญาณสมบูรณ์ให้กับฉัน แต่ปัญหาคือเธอได้รับมันมาจากไหนกัน ’
เดิมทีจ้าวเทียนคิดว่าจักรพรรดินีปิงเยว่คือ อสูรเทวะที่ถือกำเนิดจากชิ้นส่วนดวงวิญญาณมหาเทพผานกู่ เลยยังรู้สึกคลางแคลงใจในท่าทีของอีกฝ่ายอยู่เล็กน้อย
ทันใดนั้น ภาพความทรงจำก็ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เริ่มตั้งแต่ผู้ปกครองซวนตี้เหยียนมอบชื่อให้กับจักรพรรดินีปิงเยว่และรับเธอเป็นผู้ติดตาม ทั้งสอนทักษะต่างๆรวมไปถึงเคล็ดวิชาฝึกฝนให้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูใกล้ชิดสนิทสนมคล้ายบิดากับบุตรี
‘ เคล็ดวิชาก้าวย่างมิติราชัน และเนตรจักรวาลหมื่นสรรพสิ่งงั้นเหรอ ไม่คิดเลยว่าฉันจะได้รับประโยชน์มากมายถึงเพียงนี้ ’
เพราะนี่คือความทรงจำของจักรพรรดินีปิงเยว่ จ้าวเทียนรู้สึกเหมือนได้ผู้ปกครองซวนตี้เหยียนมาเคี่ยวกรำสอนสั่งเคล็ดวิชาด้วยตนเอง มันทั้งละเอียดและเข้าใจง่ายกว่าฝึกฝนตามคัมภีร์มากนัก
เคล็ดวิชาก้าวย่างมิติราชัน คือการสร้างมิติทับซ้อนหลายชั้นขึ้นมาในโลกแห่งความจริง มันสามารถเดินทางระหว่างดาราจักรภายในเวลาไม่กี่อึดใจ
แน่นอนว่า ก่อนที่สามผู้ปกครองจะจากไปก็ได้มอบชิ้นส่วนดวงวิญญาณสมบูรณ์ให้กับผู้ที่ตนไว้ใจที่สุด เนื่องจากของสิ่งนี้ไม่มีประโยชน์กับพวกท่าน ที่บรรลุขอบเขตพลังระดับเดียวกับมหาเทพผานกู่อีกต่อไปแล้ว
“ ปิงเยว่ เจ้าหลอมรวมกับชิ้นส่วนดวงวิญญาณนี้ แล้วคอยปกป้องคุ้มครองจักรวาลแทนพวกข้าด้วย หวังว่าในวันหนึ่งที่ข้ากลับมาพวกเราจะได้พบกัน”
จ้าวเทียนเห็นจักรพรรดินีปิงเยว่ยอมรับดวงแสงสีดำมาทั้งน้ำตา เพราะไม่ว่าเธอจะพยายามขอร้องอ้อนวอนขนาดไหนเพื่อติดตามไปด้วย ผู้ปกครองซวนตี้เหยียนก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นทุกครั้ง
สุดท้ายเมื่อสูญเสีย ผู้ที่เป็นทั้งบิดาและอาจารย์ไปแล้ว จักรพรรดินีปิงเยว่ก็มอบตำแหน่งเจ้าวังราชันเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์ให้ลูกศิษย์ตนเอง แล้วเร่งเพิ่มพูนความแข็งแกร่งอย่างบ้าคลั่ง
เธอทั้งเสาะหาโอสถล้ำค่าจากดินแดนอันตรายต่างๆ หรือเข้าต่อสู้กับอสูรเทวะต้นกำเนิดตนอื่นๆเพื่อช่วงชิงพลัง แต่น่าเสียดายที่ผ่านไปอีกหลายพันล้านปี ก็ยังไม่อาจบรรลุถึงเป้าหมายที่ต้องการได้
ไม่เพียงแต่จักรพรรดินีปิงเยว่ที่รู้สึกสิ้นหวังกับเรื่องนี้ แม้แต่ผู้สืบทอดของผู้ปกครองอีกสองคน รวมไปถึงอสูรเทวะต้นกำเนิดอีกห้าตนที่ครอบครองชิ้นส่วนดวงวิญญาณสมบูรณ์ ก็หมดสิ้นหนทางเช่นกัน
“ หรือเป็นเพราะตัวข้าที่ไม่คู่ควร…ถ้าเช่นนั้นก็มอบมันให้กับผู้อื่นเถอะ ”
นี่คือการตัดสินใจของจักรพรรดินีปิงเยว่ ในตอนที่ถูกกักตัวอยู่กับโฮ่วอี้ภายนอกจักรวาลเป็นระยะเวลาเจ็ดหมื่นปี
เดิมทีเธอก็เคยคิดจะมอบมันให้กับโฮ่วอี้เหมือนกัน แต่ก็ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธด้วยความจริงที่ว่า ไม่ต้องการให้สหายต้องมาเสียสละเพื่อตน เขาต้องการบรรลุเส้นทางนี้ด้วยความพยายามของตัวเอง
ซึ่งดูจากที่โฮ่วอี้สามารถทะลวงขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองได้ ก็แสดงให้เห็นว่าสามารถทำได้อย่างที่พูดแน่นอน
“ นี่เองสินะ คือสาเหตุที่ชิ้นส่วนดวงวิญญาณนี้ตกมาถึงมือฉัน ภาระหน้าที่ในการปกป้องดูแลจักรวาล ซึ่งถูกสืบทอดมาจากผู้ปกครองซวนตี้เหยียนงั้นเหรอ ช่างน่าสนใจจริงๆ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...