ณ ทะเลสาบมรกต คฤหาสน์ดาราสวรรค์
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสมาพันธ์เซียนเวลานี้ ได้ถูกปิดล้อมจากกองกำลังศัตรูหลายฝ่ายจนแทบจะหมดหนทางตอบโต้
หากไม่ใช่เพราะมีม่านพลังอันแข็งแกร่งจากค่ายกลเทวะปกป้องเอาไว้ สถานที่แห่งนี้คงถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน
“ ท่านครับ พวกเราสูญเสียฐานที่มั่นตรงเกาะศูนย์วิจัยให้กับศัตรูแล้ว ” เจ้าหน้าที่ข่าวกรองคนหนึ่ง รีบวิ่งเข้ามารายงานภายในห้องประชุมด้วยสีหน้าร้อนรน
“ งั้นเหรอ ป้องกันเอาไว้ไม่ไหวจริงๆสินะ พวกนักวิจัยกับคนของเราปลอดภัยดีหรือเปล่า ” หวังซินหยางถามกลับไป สีหน้าของเขาดูอ่อนล้าเป็นอย่างมาก ราวกับพร้อมจะหมดสติล้มลงทุกเมื่อ
“ นักวิจัยทุกคนหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยครับ แต่หน่วยรบพิเศษซิงหลงและหน่วยรบพิเศษไป๋หู่เสียชีวิตไปเกือบห้าร้อยคน เครื่องบินที่ติดตั้งเทคโนโลยีล่องหนครึ่งหนึ่งก็โดนศัตรูยึดไปอีกด้วย ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังซินหยางรวมไปถึงพลเอกทั้งเจ็ดคนที่อยู่ในห้อง ก็พากันถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้สั่งการอะไรออกไป เจ้าหน้าที่อีกคนก็นำพาข่าวร้ายเข้ามารายงานอีกครั้ง ทำให้ทุกคนพากันรีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที
“ ท่านอาจารย์! ” หวังซินหยางมาถึงสถานพยาบาลชั่วคราวเป็นคนแรก พร้อมกับรับเอาตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล ที่อยู่ในสภาพเสียหายยับเยินมาอุ้มไว้ด้วยสีหน้าเจ็บปวด
และยิ่งได้เห็นเปลวไฟแห่งดวงวิญญาณของอาจารย์ตัวเอง ที่แทบจะดับมอดลงทุกเมื่อ เขาก็หลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมาโดยไม่รู้ตัว
ตลอดเวลาเกือบสองปีที่ได้ฝึกฝนวิชากับหลินซูซิน ทำให้หวังซินหยางรู้สึกผูกพันกับอาจารย์ผู้เข้มงวดที่อยู่ในร่างตุ๊กตาหมีมาก แต่ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้มีอำนาจหรือเป็นยอดฝีมือระดับตำนานของประเทศจีน
ต้องบอกเลยว่า หลินซูซินให้การดูแลเอาใจใส่ลูกศิษย์คนเดียวของตัวเองเป็นอย่างดี แม้ตัวเธอจะไม่ค่อยมีเวลาว่างในตอนกลางวัน ก็ยังหาโอกาสเข้ามาสอนในตอนกลางคืนสม่ำเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรหรือแผนการฝึกฝน ก็ล้วนถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างพิถีพิถัน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของลูกศิษย์เป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้เองหวังซินหยางจึงให้ความเคารพหลินซูซินไม่ต่างจากมารดาที่เสียชีวิตไป
“ นายน้อยหวัง ฝากดูแลท่านบรรพชนของพวกเราด้วย ” พูดจบ ผู้อาวุโสตระกูลหลินที่ส่งมอบตุ๊กตาหมีให้ ก็หงายหลังล้มลงสิ้นใจทันที
เนื่องจากผู้อาวุโสคนนี้ยอมเสี่ยงตายฝ่าวงล้อมศัตรู เข้าไปช่วยเหลือหลินซูซินกลับมา ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินจะเยียวยา การที่เขาฝืนใช้ร่างอันบอบช้ำยืนรอ จนกระทั่งหวังซินหยางออกมาได้นี่ก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว
“ ไม่จริงน่า ขนาดผู้พิทักษ์หลินก็ยังรับมือศัตรูไม่ไหวงั้นเหรอ ”
“ พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ท่านหลินต่อสู้มาสามวันสามคืนโดยไม่หยุดพัก ก็ต้องพลาดพลั้งเป็นเรื่องธรรมดา ”
“ แย่แล้ว ถ้าไม่มีผู้พิทักษ์หลิน พวกเราจะต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามอย่างไร ”
พวกพลเอกหันไปปรึกษากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะสำหรับพวกเขาหลินซูซินก็เปรียบเสมือนตัวตนที่อยู่ในระดับเดียวกับต้วนมู่เฉียน ซึ่งเป็นสองเสาหลักสำคัญที่คอยปกป้องประเทศจีนมานานนับร้อยปี มีบารมีในกองทัพเหนือกว่าจ้าวเทียนมากนัก
การสูญเสียกำลังหลักอย่างหลินซูซินไปในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ จะต้องส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของเหล่าทหารแน่นอน
“ หรือว่าประเทศจีน ไม่ซิ อารยธรรมของมนุษยชาติจะสิ้นสุดลงในยุคนี้จริงๆ ”
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมด มันเกิดขึ้นเมื่อเจ็ดวันก่อน คณะผู้นำรัฐบาลแต่ละประเทศทั่วโลกถูกลอบสังหารโดยบอดี้การ์ดหรือคนสนิทข้างกาย ไม่เว้นแม้แต่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน
มือสังหารถึงกับยอมกลืนกินระเบิดที่ทรงอานุภาพทำลายล้างสูงลงไปในท้อง เพื่อตกตายไปพร้อมเป้าหมาย ทำให้แม้แต่ผู้คุ้มกันที่เป็นยอดฝีมือก็ไม่สามารถรับมือได้ทัน
ความสูญเสียในครั้งนี้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจรวมไปถึงระบบการปกครองทั่วโลกพังทลาย บรรดาผู้มีอำนาจมืดต่างพากันลุกขึ้นมาช่วงชิงผลประโยชน์เข้าตัว โดยไม่คำนึงถึงความมั่นคงภายในประเทศ ราวกับได้วางแผนกันเอาไว้ก่อนล่วงหน้า
ในขณะที่สมาพันธ์เซียน พยายามจะเข้าไปแทรกแซงเพื่อควบคุมสถานการณ์ สามวันต่อมาศูนย์บัญชาการสาขาต่างประเทศของพวกเขา ก็ถูกบุกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวจากเหล่าเทพสวรรค์ที่จุติลงมาบนโลกมนุษย์
แม้แต่ร้อยสำนักเซียนที่อยู่ในประเทศจีนเอง ก็ยังหลีกหนีวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไม่พ้น มีเกือบสามสิบสำนักถูกทำลายไปในวันแรก ส่วนสำนักอื่นๆก็ต้องอาศัยค่ายกลป้องกันระดับสูงจึงพอจะเอาตัวรอดมาได้ถึงทุกวันนี้
“ ไม่ไหวก็ต้องไหว นายอย่ามาห้ามฉันเลย ” เฉินจิ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ในวันแรกเขาใช่ร่างมังกรเข้าห้ำหั่นกับเทพแอรีสพร้อมด้วยเทพสวรรค์อีกแปดคน แม้จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ก็บาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไปถึงสองวัน
“ นายอาจจะตายได้นะ โอสถฟื้นฟูระดับสูงพวกนั้น เพียงรักษาแค่อาการบาดเจ็บทางร่างกาย มันไม่อาจรักษาบาดแผลทางจิตวิญญาณที่เกิดจากอาวุธเทพเจ้าได้ ” หวังซินหยางยืนกรานเสียงแข็ง เขาไม่อยากเห็นเพื่อนสนิทต้องออกไปตายอย่างไร้ค่า
“ ตายก็ตายซิ ที่ด้านนอกนั่น พี่ลี่เหยาเหยา ผู้อาวุโสไป๋ซู่เจิน ผู้อาวุโสซูต๋าจีและพวกสาวๆกำลังต่อสู้กับศัตรู เหนือสิ่งอื่นใดแม้เจนนี่แฟนของฉันก็ยังอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ”
“ ฉันเองก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง จะให้ใช้พวกผู้หญิงมาคอยปกป้องแล้วนอนสบายใจอยู่บนเตียงงั้นเหรอ ”
เฉินจิ้งตะโกนออกมาเสียงดัง ทำให้คนที่เคยส่งเสียงก่อความวุ่นวายขึ้นก่อนหน้านี้ ต้องก้มหน้าลงด้วยความอับอาย
เพราะเป็นความจริงที่เหล่าหญิงสาวที่มีความสัมพันธ์กับจ้าวเทียน ได้ต่อสู้มาสามวันสามคืนโดยไม่พักผ่อน พวกเธอพยายามอย่างสุดกำลังที่จะปกป้องทุกคนจนกว่าจ้าวเทียนจะกลับมา
การที่พวกเขาเอาแต่โทษคนอื่น โดยไม่มองภาพรวมมันเป็นการกระทำที่แย่มาก
“ ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราก็ออกไปพร้อมกัน ” หวังซินหยางตัดสินใจเด็ดขาด ในเมื่อห้ามอีกฝ่ายไม่ได้ งั้นก็ออกไปสู้ด้วยกันเลย
ยังไงซะ สถานการณ์ในปัจจุบัน ก็ไม่จำเป็นต้องมีผู้บัญชาการคอยนั่งวางแผนการรบอีกต่อไปแล้ว
ไม่เพียงแค่หวังซินหยางที่คิดแบบนี้ แม้แต่พลเอกทั้งเจ็ดรวมไปถึงเหล่าผู้ได้รับบาดเจ็บที่ยังลุกขึ้นไหว ก็ต่างพากันหยิบอาวุธเตรียมตัวออกไปเผชิญหน้ากับศัตรู
ถึงแม้การตัดสินใจของพวกเขา อาจจะเป็นหนทางนำพาไปสู่ความตาย แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ต้องให้เสียอีกแล้ว นอกจากเปลี่ยนชีวิตของตนเอง ให้กลายเป็นเชื้อเพลิงแห่งความหวังสำหรับอนาคตข้างหน้า
“ ทหารกล้าทั้งหลาย ได้เวลาทำตามคําปฏิญาณที่ให้ไว้ในวันนั้นแล้ว ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...