จากความรู้สึกของโฮ่วอี้ในตอนนี้ ตัวเขาได้เป็นอิสระจากข้อจำกัดทั้งมวล ไม่ถูกผูกมัดโดยห้วงมิติและกาลเวลา เขาสามารถเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ของจักรวาลอย่างสิ้นเชิง
นี่คือสิ่งที่เทพมารต่างภพหมายถึงในสายตาของผู้ปกครองเอกภพที่แท้จริง สิ่งมีชีวิตที่ระดับต่ำกว่าก็ไม่แตกต่างอะไรจากมด
จักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลไม่แตกต่างอันใดจากบ่อน้ำเล็กๆ และดวงดาวหลายล้านล้านดวงที่อยู่ด้านในก็ไม่ต่างอันใดจากฝุ่นละออง
ในสายตาของผู้ปกครองเอกภพ สรรพสิ่งล้วนเท่าเทียมโดยที่ไม่มีความแตกต่างใดๆ หากไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง ก็ไม่มีทางจะอธิบายความรู้สึกแบบนี้ได้
พริบตานั้น โฮ่วอี้สามารถมองเห็นรายละเอียดที่เล็กสุดของสสาร ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของพลังงานโกลาหล พลังเหล่านี้คงอยู่มาตั้งแต่ความว่างเปล่าแรกเริ่ม มันถือกำเนิดมาจากการแตกดับของจักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วนในห้วงมิติโกลาหล
ขอเพียงโฮ่วอี้ต้องการ เขาก็สามารถใช้พลังงานเหล่านี้ ในการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ทั้งหมดของจักรวาลได้อย่างง่ายดาย นี่คืออำนาจอันยิ่งใหญ่ที่ตัวเขาไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน
“ ตายซะ! ”
สิ้นเสียง เกาทัณฑ์ดอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นลูกเกาทัณฑ์นับล้านพุ่งทะลวงมิติออกทันที
ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆๆ
คลื่นเกาทัณฑ์สีทองฉีกกระชากความมืดมิดบดขยี้สรรพสิ่ง เหมือนไม่มีอะไรสามารถขวางกั้นเส้นทางของมันได้ อานุภาพการทำล้างอันน่าสะพรึงกลัว ได้กลืนกินกองทัพมารต่างภพหลายสิบล้านตนหายไปในพริบตา
“ นี่มัน… ” จักรพรรดินีปิงเยว่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ จนลืมฟื้นฟูร่างกายซีกซ้ายที่ถูกทำลายของตนเอง
“ พลังนี้ หรือว่า… ” ตู้เกอยี่และพวกพ้องถึงกับผงะไปทันที เนื่องจากสัมผัสได้ถึงหายนะแห่งความตายกำลังกำหนดเป้าหมายมาที่พวกมัน
ความรู้สึกแบบนี้ มีแต่ตอนที่เผชิญหน้ากับสามบรรพชนมารต้นกำเนิดเท่านั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ศัตรูของพวกมันทลายขอบเขตผู้ปกครองเอกภพสำเร็จแล้ว
จากผู้ฝึกตนบ้านนอกที่ถือกำเนิดจากจักรวาลชั้นต่ำ ได้กลับกลายเป็นตัวตนที่พวกมันไม่อาจก้าวข้ามได้ตลอดกาล
“ แย่แล้ว รีบถอยเร็ว! ”
“ ทั้งหมด แยกกันหลบหนี ! ”
ร่างของห้าจักรพรรดิมารต่างภพ กลายเป็นสายฟ้าสีดำทะลวงมิติหลบหนีไปคนละทิศทาง เมื่อรู้ตัวว่าสู้อีกฝ่ายไม่ได้ การรู้จักรักษาเอาชีวิตรอดก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ เหอะ! คิดจะไปงั้นรึ ” โฮ่วอี้แค่นเสียงเย็นชา เพียงยกมือขึ้นห้วงมิติทั้งหมดก็สั่นสะเทือน กาลเวลาได้ถูกบิดเบือน ก่อนจะไหลย้อนกลับคืนมาดังเดิม
แวบ!
ร่างของห้าจักรพรรดิมารต่างภพที่หลบหนีไปไกลหลายหมื่นปีแสง ได้ปรากฏขึ้นที่ตำแหน่งเดิมราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“ …… ”
ห้าจักรพรรดิมารต่างภพถูกกฎแห่งจักรวาลผนึกร่างกายไว้อย่างแน่นหนา อย่าว่าแต่จะคิดหลบหนีเลย แค่จะขยับปากพูดก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เสี้ยววินาทีนั้น สายตาอันอ้อนวอนของพวกมันต่างจับจ้องไปที่เงาร่างสีดำขนาดยักษ์ ซึ่งหลอมรวมอยู่ท่ามกล่างความมืดมิดเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ หึหึ ช่างน่าสนใจจริงๆ เพิ่งจะบรรลุขอบเขตผู้ปกครองเอกภพได้เพียงครู่เดียว ก็กล้าท้าทายอำนาจของข้าแล้วงั้นรึ ”
พูดจบ บรรพชนมารอนันตกาลสิ้นสูญก็ตบฝ่ามือไปเบื้องหน้า เกิดเป็นเสียงการพังทลายของกฎเกณฑ์มิติดังซ้อนขึ้นถี่รัว นี่คือการใช้พลังอาณาเขตของผู้ปกครองเอกภพ ซึ่งสามารถพิสูจน์ว่าใครต่ำใครสูงได้ทันที
ตูมมมม!
โฮ่วอี้ถูกกระแทกถอยหลังไปครึ่งก้าว ห้าจักรพรรดิมารเป็นอิสระจากพันธนการและถูกบรรพชนมารเคลื่อนย้ายออกไป แสดงให้เห็นว่าในการเผชิญหน้ากันครั้งแรกโฮ่วอี้ด้อยกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย
ความแตกต่างนี้อยู่ที่พรสวรรค์ดั้งเดิม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระยะเวลาฝึกฝน หรือความเชี่ยวชาญในการใช้พลังโกลาหล เพราะพริบตาที่โฮ่วอี้บรรลุขอบเขตผู้ปกครองเอกภพได้สำเร็จ เขาก็สามารถรู้แจ้งทุกสรรพสิ่งได้ทันที
ขอเพียงโฮ่วอี้เพ่งจิตสมาธิไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็จะบังเกิดความเข้าใจราวกับได้ศึกษาเรื่องนั้นมาทั้งชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นแก่นแท้แห่งจักรวาลหรือวิถีเต๋าแห่งเกาทัณฑ์ขั้นสูงสุด ที่เคยทำให้โฮ่วอี้ยอมแพ้มาแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบัน โฮ่วอี้ใช้เวลาไม่ถึงสามลมหายใจ ก็สามารถตระหนักรู้แก่นแท้แห่งจักรวาลและเต๋าแห่งเกาทัณฑ์ขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
ฟ้าว! ตูมมม!
ลูกเกาทัณฑ์แห่งจิตวิญญาณกลายเป็นลำแสงสีแดงฉีกกระชากความว่างเปล่า ทะลวงช่องโหว่ของหัตถ์เทพมาร เน้นทำลายไปที่การก่อตัวของกฎเกณฑ์เป็นหลัก ทำให้หัตถ์แห่งชะตากรรมเริ่มพังทลายไปอย่างรวดเร็ว
“ หืม เรียนรู้ได้ไวดีนี่ แต่มันไร้ประโยชน์ ” บรรพชนเทพมารพูดขึ้นอย่างเฉยชา เพียงพลิกฝ่ามือครั้งเดียว เกาทัณฑ์จิตวิญญาณของโฮ่วอี้ ก็ถูกโซ่ตรวนสีดำสามเส้นตรึงไว้กลางอากาศ
โซ่ตรวนทั้งสามเส้นนี้คือ อัตลักษณ์แห่งนามธรรม อดีต ปัจจุบัน และอนาคต การถูกพวกมันจองจำเอาไว้ ก็เท่ากับสูญเสียความหมายในการคงอยู่ทั้งหมดไปตลอดกาล
แกร่ก!ๆๆ
เกาทัณฑ์ของโฮว่อี้ถูกโซ่ตรวนฉีกกระชากออกเป็นสามส่วน ก่อนจะแหลกสลายไปในพริบตา ส่งผลให้จิตวิญญาณของโฮ่วอี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
สีหน้าของเขาดูซีดขาวลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเริ่มปรากฏโลหิตสองสายไหลซึมออกมาจากดวงตาอีกด้วย
จากนั้น โฮ่วอี้ก็หันมองไปทางจักรพรรดินีปิงเยว่ ซึ่งกำลังยืนตัวแข็งอยู่ด้านข้างด้วยความหงุดหงิด ตัวเขาอุตส่าห์ตัดสินใจยอมสู้ตายเพื่อเปิดโอกาสให้เธอหนี แต่สุดท้ายกลับเป็นการเสียเวลาเปล่าซะอย่างนั้น
“ ปิงเยว่ ! เจ้ามัวรออะไรอยู่ จงรีบหลบหนีกลับไปที่จักรวาลของพวกเราซะ อย่าให้ความพยายามที่แล้วมาต้องสูญเปล่า ไม่ต้องเป็นห่วง คนอย่างข้าไม่ยอมเอาชีวิตมาทิ้งง่ายๆแน่นอน ”
เมื่อส่งกระแสจิตไปเรียบร้อย โฮ่วอี้ก็ฉีกเปิดรอยแยกมิติขึ้นมา แล้วใช้ฝ่ามือผลักอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน
แต่ทว่า พริบตาที่ทั้งสองฝ่ายสัมผัสกัน ร่างของจักรพรรดินีปิงเยว่ ก็แตกสลายเป็นกลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนขึ้นไปบนฟ้าทันที
กลายเป็นว่า จักรพรรดินีปิงเยว่ตัวจริงได้หลบหนีไปตั้งแต่รับกำไลมิติจากโฮ่วอี้แล้ว เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติเท่านั้นเอง
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า การต่อสู้อันดุเดือดตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทำให้ภาพมายาของเธอได้ยกระดับไปอีกขั้น จนสามารถหลอกลวงได้แม้แต่ขอบเขตผู้ปกครองเอกภพถึงสองคนเลยทีเดียว
“ นี่มัน ถึงแม้ข้าจะต้องการให้นางรีบจากไปก็เถอะ แต่เมื่อเห็นแบบนี้ มันก็อดรู้สึกเจ็บแปลบในใจไม่ได้จริงๆ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...