จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 559

จากความรู้สึกของโฮ่วอี้ในตอนนี้ ตัวเขาได้เป็นอิสระจากข้อจำกัดทั้งมวล ไม่ถูกผูกมัดโดยห้วงมิติและกาลเวลา เขาสามารถเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ของจักรวาลอย่างสิ้นเชิง

นี่คือสิ่งที่เทพมารต่างภพหมายถึงในสายตาของผู้ปกครองเอกภพที่แท้จริง สิ่งมีชีวิตที่ระดับต่ำกว่าก็ไม่แตกต่างอะไรจากมด

จักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลไม่แตกต่างอันใดจากบ่อน้ำเล็กๆ และดวงดาวหลายล้านล้านดวงที่อยู่ด้านในก็ไม่ต่างอันใดจากฝุ่นละออง

ในสายตาของผู้ปกครองเอกภพ สรรพสิ่งล้วนเท่าเทียมโดยที่ไม่มีความแตกต่างใดๆ หากไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง ก็ไม่มีทางจะอธิบายความรู้สึกแบบนี้ได้

พริบตานั้น โฮ่วอี้สามารถมองเห็นรายละเอียดที่เล็กสุดของสสาร ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของพลังงานโกลาหล พลังเหล่านี้คงอยู่มาตั้งแต่ความว่างเปล่าแรกเริ่ม มันถือกำเนิดมาจากการแตกดับของจักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วนในห้วงมิติโกลาหล

ขอเพียงโฮ่วอี้ต้องการ เขาก็สามารถใช้พลังงานเหล่านี้ ในการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ทั้งหมดของจักรวาลได้อย่างง่ายดาย นี่คืออำนาจอันยิ่งใหญ่ที่ตัวเขาไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน

“ ตายซะ! ”

สิ้นเสียง เกาทัณฑ์ดอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นลูกเกาทัณฑ์นับล้านพุ่งทะลวงมิติออกทันที

ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆๆ

คลื่นเกาทัณฑ์สีทองฉีกกระชากความมืดมิดบดขยี้สรรพสิ่ง เหมือนไม่มีอะไรสามารถขวางกั้นเส้นทางของมันได้ อานุภาพการทำล้างอันน่าสะพรึงกลัว ได้กลืนกินกองทัพมารต่างภพหลายสิบล้านตนหายไปในพริบตา

“ นี่มัน… ” จักรพรรดินีปิงเยว่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ จนลืมฟื้นฟูร่างกายซีกซ้ายที่ถูกทำลายของตนเอง

“ พลังนี้ หรือว่า… ” ตู้เกอยี่และพวกพ้องถึงกับผงะไปทันที เนื่องจากสัมผัสได้ถึงหายนะแห่งความตายกำลังกำหนดเป้าหมายมาที่พวกมัน

ความรู้สึกแบบนี้ มีแต่ตอนที่เผชิญหน้ากับสามบรรพชนมารต้นกำเนิดเท่านั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ศัตรูของพวกมันทลายขอบเขตผู้ปกครองเอกภพสำเร็จแล้ว

จากผู้ฝึกตนบ้านนอกที่ถือกำเนิดจากจักรวาลชั้นต่ำ ได้กลับกลายเป็นตัวตนที่พวกมันไม่อาจก้าวข้ามได้ตลอดกาล

“ แย่แล้ว รีบถอยเร็ว! ”

“ ทั้งหมด แยกกันหลบหนี ! ”

ร่างของห้าจักรพรรดิมารต่างภพ กลายเป็นสายฟ้าสีดำทะลวงมิติหลบหนีไปคนละทิศทาง เมื่อรู้ตัวว่าสู้อีกฝ่ายไม่ได้ การรู้จักรักษาเอาชีวิตรอดก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

“ เหอะ! คิดจะไปงั้นรึ ” โฮ่วอี้แค่นเสียงเย็นชา เพียงยกมือขึ้นห้วงมิติทั้งหมดก็สั่นสะเทือน กาลเวลาได้ถูกบิดเบือน ก่อนจะไหลย้อนกลับคืนมาดังเดิม

แวบ!

ร่างของห้าจักรพรรดิมารต่างภพที่หลบหนีไปไกลหลายหมื่นปีแสง ได้ปรากฏขึ้นที่ตำแหน่งเดิมราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

“ …… ”

ห้าจักรพรรดิมารต่างภพถูกกฎแห่งจักรวาลผนึกร่างกายไว้อย่างแน่นหนา อย่าว่าแต่จะคิดหลบหนีเลย แค่จะขยับปากพูดก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

เสี้ยววินาทีนั้น สายตาอันอ้อนวอนของพวกมันต่างจับจ้องไปที่เงาร่างสีดำขนาดยักษ์ ซึ่งหลอมรวมอยู่ท่ามกล่างความมืดมิดเพื่อขอความช่วยเหลือ

“ หึหึ ช่างน่าสนใจจริงๆ เพิ่งจะบรรลุขอบเขตผู้ปกครองเอกภพได้เพียงครู่เดียว ก็กล้าท้าทายอำนาจของข้าแล้วงั้นรึ ”

พูดจบ บรรพชนมารอนันตกาลสิ้นสูญก็ตบฝ่ามือไปเบื้องหน้า เกิดเป็นเสียงการพังทลายของกฎเกณฑ์มิติดังซ้อนขึ้นถี่รัว นี่คือการใช้พลังอาณาเขตของผู้ปกครองเอกภพ ซึ่งสามารถพิสูจน์ว่าใครต่ำใครสูงได้ทันที

ตูมมมม!

โฮ่วอี้ถูกกระแทกถอยหลังไปครึ่งก้าว ห้าจักรพรรดิมารเป็นอิสระจากพันธนการและถูกบรรพชนมารเคลื่อนย้ายออกไป แสดงให้เห็นว่าในการเผชิญหน้ากันครั้งแรกโฮ่วอี้ด้อยกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย

ความแตกต่างนี้อยู่ที่พรสวรรค์ดั้งเดิม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระยะเวลาฝึกฝน หรือความเชี่ยวชาญในการใช้พลังโกลาหล เพราะพริบตาที่โฮ่วอี้บรรลุขอบเขตผู้ปกครองเอกภพได้สำเร็จ เขาก็สามารถรู้แจ้งทุกสรรพสิ่งได้ทันที

ขอเพียงโฮ่วอี้เพ่งจิตสมาธิไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็จะบังเกิดความเข้าใจราวกับได้ศึกษาเรื่องนั้นมาทั้งชีวิต

ไม่ว่าจะเป็นแก่นแท้แห่งจักรวาลหรือวิถีเต๋าแห่งเกาทัณฑ์ขั้นสูงสุด ที่เคยทำให้โฮ่วอี้ยอมแพ้มาแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบัน โฮ่วอี้ใช้เวลาไม่ถึงสามลมหายใจ ก็สามารถตระหนักรู้แก่นแท้แห่งจักรวาลและเต๋าแห่งเกาทัณฑ์ขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย

ฟ้าว! ตูมมม!

ลูกเกาทัณฑ์แห่งจิตวิญญาณกลายเป็นลำแสงสีแดงฉีกกระชากความว่างเปล่า ทะลวงช่องโหว่ของหัตถ์เทพมาร เน้นทำลายไปที่การก่อตัวของกฎเกณฑ์เป็นหลัก ทำให้หัตถ์แห่งชะตากรรมเริ่มพังทลายไปอย่างรวดเร็ว

“ หืม เรียนรู้ได้ไวดีนี่ แต่มันไร้ประโยชน์ ” บรรพชนเทพมารพูดขึ้นอย่างเฉยชา เพียงพลิกฝ่ามือครั้งเดียว เกาทัณฑ์จิตวิญญาณของโฮ่วอี้ ก็ถูกโซ่ตรวนสีดำสามเส้นตรึงไว้กลางอากาศ

โซ่ตรวนทั้งสามเส้นนี้คือ อัตลักษณ์แห่งนามธรรม อดีต ปัจจุบัน และอนาคต การถูกพวกมันจองจำเอาไว้ ก็เท่ากับสูญเสียความหมายในการคงอยู่ทั้งหมดไปตลอดกาล

แกร่ก!ๆๆ

เกาทัณฑ์ของโฮว่อี้ถูกโซ่ตรวนฉีกกระชากออกเป็นสามส่วน ก่อนจะแหลกสลายไปในพริบตา ส่งผลให้จิตวิญญาณของโฮ่วอี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

สีหน้าของเขาดูซีดขาวลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเริ่มปรากฏโลหิตสองสายไหลซึมออกมาจากดวงตาอีกด้วย

จากนั้น โฮ่วอี้ก็หันมองไปทางจักรพรรดินีปิงเยว่ ซึ่งกำลังยืนตัวแข็งอยู่ด้านข้างด้วยความหงุดหงิด ตัวเขาอุตส่าห์ตัดสินใจยอมสู้ตายเพื่อเปิดโอกาสให้เธอหนี แต่สุดท้ายกลับเป็นการเสียเวลาเปล่าซะอย่างนั้น

“ ปิงเยว่ ! เจ้ามัวรออะไรอยู่ จงรีบหลบหนีกลับไปที่จักรวาลของพวกเราซะ อย่าให้ความพยายามที่แล้วมาต้องสูญเปล่า ไม่ต้องเป็นห่วง คนอย่างข้าไม่ยอมเอาชีวิตมาทิ้งง่ายๆแน่นอน ”

เมื่อส่งกระแสจิตไปเรียบร้อย โฮ่วอี้ก็ฉีกเปิดรอยแยกมิติขึ้นมา แล้วใช้ฝ่ามือผลักอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน

แต่ทว่า พริบตาที่ทั้งสองฝ่ายสัมผัสกัน ร่างของจักรพรรดินีปิงเยว่ ก็แตกสลายเป็นกลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนขึ้นไปบนฟ้าทันที

กลายเป็นว่า จักรพรรดินีปิงเยว่ตัวจริงได้หลบหนีไปตั้งแต่รับกำไลมิติจากโฮ่วอี้แล้ว เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติเท่านั้นเอง

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า การต่อสู้อันดุเดือดตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทำให้ภาพมายาของเธอได้ยกระดับไปอีกขั้น จนสามารถหลอกลวงได้แม้แต่ขอบเขตผู้ปกครองเอกภพถึงสองคนเลยทีเดียว

“ นี่มัน ถึงแม้ข้าจะต้องการให้นางรีบจากไปก็เถอะ แต่เมื่อเห็นแบบนี้ มันก็อดรู้สึกเจ็บแปลบในใจไม่ได้จริงๆ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน