เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มแล้วมองส่งหวางจื้อหยวน แล้วเลือกคนจากการจับสลาก พบเจอแขกห้าคนต่อไป
รอให้ชั้นสี่เงียบสงบลง ผ่านไปนานกว่าสองชั่วยามแล้ว
ฉินฮั๋วเหยียนเดินขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็ซ ด้านหลังมีหยุนชีที่ถือของหวานเดินตามมาด้วย
เฟองฉิ้นหว่านลืมตาขึ้น รักษามารยาท ท่วงท่าที่สง่างามเป็นเวลานั้น ทำให้บาดแผลที่แขนเริ่มปวด สะบัดที่เชื่อมติดก็ปวดยิ่งกว่าเดิม
“ท่านอาฉิน งานชั้นล่างเรียบร้อยแล้วหรือ?”
“ขอรับ คุณหนูไม่ต้องสนใจงานที่ชั้นล่าง มีนางลี่คอยดูแล คุณหนูคงจะเหนื่อยมากแล้วกระมัง?”
“ไม่เท่าใดนัก เวลานี้ในนครหลินผิงมีข่าวลือไม่หยุดหย่อน ครั้งนี้จำต้องปลอบประโลมใจผู้คน พวกหวางจื้อหยวนจะได้ไม่มีความคิดเป็นอื่น”
ดังนั้นขณะเดียวกันที่นางให้ผลประโยชน์ ก็ให้พวกหวางจื้อหยวนเคารพและยำเกรงนาง ทั้งยังต้องคิดหาวิธีจัดการปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยเหตุนี้จึงต้องวางตัวให้ดี หลังจากรับมือกับเรื่องทั้งหมดนี้นางจึงรู้สึกเหนื่อยยิ่งนัก
“คุณหนู เส้นทางการค้าของสมาคมการค้าหนานเจียงที่คุณหนูมอบให้ เพียงพอที่จะทำให้พวกหวางจื้อหยวนยุ่งไปอีกระยะหนึ่ง รอให้พวกเขาทำงานทั้งหมดจนเสร็จ ไม่แน่ว่าเส้นทางการค้าตงเหว้ยก็อาจจะได้หมดแล้ว”
“ข้าเองก็คิดเช่นนี้”
“เพียงแต่ข้าเป็นกังวลเล็กน้อย ยิ่งพวกหวางจื้อหยวนเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น พวกเขาจะมีใจเป็นอื่นหรือไม่?”
“ปัญหานี้ข้าก็เคยอคิด ก่อนที่ท่านชายฟู่จะไป บอกให้ข้าช่วยตระกูลจินรักษาสมดุลให้กับเจียงหนาน ท่านชายพูดง่าย แต่เจียงหนานใหญ่ถึงเพียงนี้ ที่ใดมีลู่ทางทำเงินที่นั่นก็มีพ่อค้า ที่ใดมีผู้คนที่ใดก็ย่อมมีเส้นทางการค้า อาศัยเพียงข้าหรือว่าอาศัยเพียงตระกูลจิน ไม่อาจทำสำเร็จได้”
เฟิงฉิ้นหว่านยกมือขึ้นขยับหัวไหล่ คลายความเจ็บปวดที่ราวกับเข็มทิ่มแทง
“ดังนั้นคุณหนูจึงอยากจะติดต่อคนบางส่วน?”
“เจียงหนานใหญ่มาก ไม่มีความสามารถมากถึงเพียงนั้น ทว่ากลับดึงดันที่จะไคว่คว้า รังแต่จะทำให้ตนมอดม้วย เช่นนั้นสู้หาคนมาสี่ห้าคนช่วยกันแบ่งปันผลประโยชน์ ขอเพียงควบคุบเส้นสายเหล่านั้นให้ดี ไม่กลัวว่าพวกเขาจะก่อปัญหา หากมีคนดึงดันที่จะก่อปัญหา เช่นนั้นก็กำจัดทิ้งเสีย ไม่แน่ว่าถึงเวลาพวกเราไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตนเองเสียด้วยซ้ำไป”
“คุณหนูคิดถูกขอรับ แค่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ต้องทำให้คุณหนูเหนื่อยยิ่งกว่าเดิม”
“ข้ายินดีที่จะมีงานให้ทำ ดีกว่าอยู่ว่างๆ แล้วไม่มีสิ่งใดให้ทำ” หัวไหล่เจ็บแปลบเป็นพักๆ สีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านซีดขาว “ท่านอาฉิน ข้าเจ็บหัวไหล่ยิ่งนัก หาห้องให้ข้าพักก่อนครู่หนึ่งเถอะ”
“ขอรับ”
หยุนชีรีบวางถาดขนมหวานในมือลง : “คุณหนู ข้าน้อย......ข้าน้อยตามคนมานวดให้นะ?”
“อืม”
เฟิงฉิ้นหว่านพักผ่อนอยู่ภายในห้องชั้นบนสุด นางนอนนิ่งอยู่บนเตียงเป็นเวลานานโดยไม่กล้าขยับเขยื้อน
ก่อนหน้านี้หลังจากถูกมีดสั้นแทง แม้จะถอนพิษได้ทันท่วงที แต่บาดแผลในร่างกายยังคงอยู่ คาดว่าไม่อาจทำงานหนักได้ระยะหนึ่ง
ไม่รู้ว่าตอนนี้ฟู่ลั่วเฉินเป็นอย่างไร นางตั้งใจรักษาตัวมาหลายวันแต่ยังคงไม่ดีขึ้นเท่าใดนัก ฟู่ลั่วเฉินเดินทางเช่นนี้ต้องทรมานยิ่งกว่าแน่นอน
เวลานี้ในฐานะบริวารที่ดี ควรจะส่งของขวัญไปให้เขาหรือไม่? พร้อมกับตรวจดูแม่นางเหว้ยหลันที่ฟู่ลั่วเฉินทิ้งเอาไว้ ว่ามีความสามารถเพียงเท่าใด สามารถส่งของขวัญไปให้ฟู่ลั่วเฉินอย่างราบรื่นได้หรือไม่?
ขณะที่เฟิงฉิ้นหว่านสะลึมสะลืออยู่นั้น นางผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ในความฝันคล้ายจะจมน้ำอีกครั้ง ผิวน้ำสั่นไหว พอจะมองเห็นคนในจวนเฉิงเสี้ยงหัวเราะด้วยความลำพองใจ
เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกเพียงว่าความเกลียดชังและความเหี้ยมโหดปะทุขึ้นในใจ แต่ไม่ว่านางจะทำเช่นไรก็ไม่อาจตื่นจากความฝันนี้
ทันใดนั้นเอง นางรู้สึกว่ามีคนสัมผัสหัวไหล่ของนาง หลังจากนั้นความฝันก็แตกสลาย
เฟิงฉิ้นหว่านลืมตาขึ้น ดวงตาคมเฉียบของนางมองไปยังหลินชิวหยุนที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“น้อมทำความเคารพท่านชายน้อย ท่านฉินสั่งให้ข้าน้อยมานวดหัวไหล่ให้ท่านชายน้อยเจ้าค่ะ”
“หยุนชี?”
หยุนชีที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเปิดประตูเข้ามาด้วยความรีบร้อน: “ขอรับ”
“เตรียมรถม้า ข้าจะกลับจวน”
“คุณหนู ท้องฟ้ามืดมากแล้ว อีกทั้งสุขภาพร่างกายของท่านก็ไม่สบาย สู้นอนพักที่นี่สักคืนเถอะขอรับ ข้าน้อยจะเฝ้าอยู่หน้าประตู ไม่ให้ผู้ใดรบกวนคุณหนู”
“ไม่ต้อง เตรียมรถม้า” หากคืนนี้เขาไม่กลับไป ท่านแม่ต้องเป็นห่วงแล้วนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนอย่างแน่นอน
“ขอรับ”
เฟิงฉิ้นหว่านขึ้นไปบนรถม้า หยุนชีขับรถม้า พยายามเดินไปด้านหน้าให้นิ่งที่สุด
“หยุนชี หลิวชิวหยุนอยู่ในหอหญิงงามเมืองเป็นเช่นไรบ้าง?”
“แม่นางหลินเป็นคนไม่ค่อยพูด ปกติแล้วนอกจากทำการแสดงก็น้อยครั้งที่จะเห็นนางออกมาจากห้อง แต่ว่าระยะหลังมานี้นางได้พบกับท่านชายตระกูลหยุน ซึ่งตามเกี้ยวพาราสีแม่นางหลินอย่างมาก แม่นางหลินจึงยกเว้นกฎของตนเองแล้วพบเขาสองครั้งขอรับ”
เฟิงฉิ้นหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ข้าเข้าใจแล้ว คอยจับตาดูนางให้ดี อย่าทำให้เกิดปัญหา”
“แม่นางหลินทำให้คุณหนูไม่สบอารมณ์หรือขอรับ?” ความเยือกเย็นแล่นผ่านแววตาของหยุนชี
เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเย็นยะเยือกขึ้นมาก: “เมื่อก่อนเจ้าทำงานเช่นไรข้าไม่สนใจ ตอนนี้เจ้าเป็นบ่าวรับใช้ของข้าแล้ว หากไม่ทำตามที่ข้าสั่ง อย่าหาว่าข้าเฉดหัวเจ้าทิ้ง แล้วเปลี่ยนคนที่เชื่อฟังมาทำงานแทน”
หยุนชีตัวแข็งทื่อ สีหน้าของเขาซีดขาวเล็กน้อย: “ข้าน้อยจะไม่ทำการบุ่มบ่ามอย่างแน่นอน”
“อืม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ