สามวันผ่านไป ภายในหอสุราแห่งหนึ่งใกล้กับที่ว่าการอำเภอ เฟิงฉิ้นหว่านใช้มือข้างหนึ่งเท้าขากรรไกรล่างเอาไว้ มองทะลุหน้าหน้าต่างมองไปยังฝูงชนขวักไขว่ไปมาอย่างคับคั่งบนท้องถนน
กลุ่มคนรวมตัวกันอยู่ที่ประตูจวนศาลปกครอง แต่ละคนมองดูเหมือนฝูงชนที่ขุ่นเคือง
ผ่านไปไม่นาน ท่ามกลางกลุ่มคนที่หลั่งไหลมาอย่างมืดฟ้ามัวดินมีเสียงโห่ร้องดีใจกระจายออกมาอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้น หยุนฉิวนายท่านตระกูลหยุนประคองหยุนเลี่ยวเดินออกมาจากที่ว่าการอำเภออย่างช้าๆ เอามือทั้งสองประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอกทำความเคารพต่อประชาชนที่อยู่ประตูจวนศาลปกครอง ราวกับว่ากำลังแสดงความขอบคุณ
เหว้ยหลันรีบวิ่งขึ้นมา สีหน้าดูไม่ได้เล็กน้อย: “คุณหนู คดีของหยุนเลี่ยวพลิกแล้วจริงๆเจ้าค่ะ!”
แม้ว่าจะมีการคาดเดาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ปลายนิ้วของเฟิงฉิ้นหว่านยังสั่นไม่หยุด: “หยุนฉิวนำหลักฐานอะไรออกมา?”
“หญิงสาวสองคนนั้นที่คนหนึ่งตายคนหนึ่งรอดก่อนหน้านี้ที่หยุนเลี่ยวกล่าวอ้างว่าเป็นการขายตัวเข้าหอชมจันทราด้วยความสมัครใจ แต่กลับไม่มีหลักฐาน แต่ทว่าบิดาของหญิงสาวสองคนขอพบ กล่าวอ้างว่าเขาสมัครใจให้หญิงสาวสองคนขายตัวเข้าไป”
“บิดา?”
“เจ้าค่ะ ที่มาด้วยกันยังมีผู้ใหญ่บ้านและนายอำเภอ ล้วนสามารถยืนยันความเกี่ยวข้องทางสายเลือดระหว่างพวกเขา มีบิดาผู้ให้กำเนิดเป็นผู้ยืนยัน พอที่จะทำให้ใต้เท้าจ้าวยืนยันว่าหญิงสาวสองคนขายตัวเข้าหอชมจันทราจริง เป็นเพราะเหตุนี้ จากการถูกทำร้ายเอาชีวิตคน เปลี่ยนเป็นพลั้งมือทุบตีคนรับใช้ที่ลงนามในข้อตกลงที่ไม่สามารถไถ่ถอนได้จนตาย หยุนเลี่ยวชีวิตปลอดภัยไร้ข้อกังขา”
“แม้ว่าชีวิตปลอดภัยไร้ข้อกังขา ก็ควรจะมีบทลงโทษบ้าง เหตุใดจึงปล่อยออกมาเช่นนี้?”
“เป็นเพราะว่านายท่านตระกูลหยุนผู้นั้นกล่าวว่า น้องสาวที่ตายในหอชมจันทราผู้นั้นมิใช่หยุนเลี่ยวเป็นคนทุบตีตาย แต่เป็นพี่สาวที่ยังมีชีวิตอยู่ผู้นั้นเป็นผู้ทุบตีตาย เป็นเพราะเปลี่ยนใจต้องการหนีออกจากหอชมจันทรา อีกทั้งหญิงสาวที่มีชีวิตอยู่คนนั้นยังวางยาหยุนเลี่ยวอีกด้วย ทำให้หยุนเลี่ยวเกิดภาพลวงตาฆ่าคนตายโดยไม่มีสาเหตุ”
เฟิงฉิ้นหว่านขมวดคิ้วเบาๆ: “หญิงสาวที่ยังมีชีวิตอยู่ผู้นั้นยอมรับแล้ว?”
“เจ้าค่ะ”
เฟิงฉิ้นหว่านลุกขึ้นยืน: “ไปเถอะ”
“คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
“เป็นเรื่องที่อยู่ในการคาดเดา ไม่เป็นอะไร พวกเรากลับไปเตรียมตัว เตรียมตัว นายท่านตระกูลหยุนท่านนั้นกลับไปกลับมานานขนาดนี้แล้ว ก็น่าจะมาเยี่ยมโดยไม่ได้รับเชิญแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
เฟิงฉิ้นหว่านกลับถึงตระกูลเฟิงได้ไม่นาน คนตระกูลหยุนก็มาเยี่ยมโดยที่ไม่ได้รับเชิญจริงๆ เพียงแต่มีสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ผู้ที่มากลับไม่ใช่หยุนฉิว แต่เป็นหยุนเลี่ยวผู้ที่เพิ่งออกมาจากในคุก
เฟิงฉิ้นหว่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มาที่ห้องโถงใหญ่ ก็มองเห็นหยุนเลี่ยวกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องโถงใหญ่
“เมื่อช่วงเช้าได้ยินว่าท่านชายหยุนออกมาแล้ว ยังกำลังคิดจะส่งของขวัญไปแสดงความยินดีเสียหน่อย นึกไม่ถึงว่าท่านชายหยุนจะมาเยี่ยมถึงบ้านด้วยตนเอง”
หยุนเลี่ยวเงยหน้าขึ้น บนใบหน้ามีความเศร้าหมอง เป็นเวลาหลายวันที่เคราะห์ร้ายถูกจองจำอยู่ในคุก ทำให้สีหน้าของเขาซีดขาว กลิ่นอายมืดมน
“ของขวัญของแม่นางเฟิงมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะรับเอาไว้ได้”
“ท่านชายหยุนก็มิใช่คนธรรมดาทั่วไป ถ้าไม่เช่นนั้นละก็ จะออกมาจากคุกได้อย่างไม่บุบสลายได้อย่างไร ยังพลิกคดีที่เดิมทีใกล้จะกำหนดตายตัวแล้วได้?”
หยุนเลี่ยวหรี่ดวงตาเล็กน้อย สะกดอารมณ์โกรธที่ปรากฏออกมาแวบหนึ่งในดวงตาอย่างถึงที่สุด
“วันนี้มาพบแม่นางเฟิง ก็เพราะต้องการจะขอบคุณสำหรับการต้อนรับก่อนหน้านี้ของเจ้า ให้สอดคล้องกับวิธีตามมารยาท ข้าก็จะมอบของขวัญตอบแทนกลับมาอย่างรวดเร็ว แม่นางเฟิงมีการเตรียมความพร้อมถึงจะถูกต้อง”
เส้นโลหิตดำบริเวณขมับของหยุนเลี่ยวเต้นทันที: “สมกับที่เป็นแม่นางเฟิงที่เข้าออกหอหญิงงามเมืองสถานที่ประเภทนั้นได้อย่างง่ายดายอย่างแท้จริง คาดไม่ถึงว่าจะพูดจาตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเช่นนี้”
เฟิงฉิ้นหว่านกล่าวด้วยความเกียจคร้าน: “นั่นก็ดีกว่าคนบางคนที่อยู่ในคราบของมนุษย์ แต่ไม่ทำเรื่องของมนุษย์?”
ใบหน้าของหยุนเลี่ยวอดกลั้นเอาไว้ รอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าจางหายไป แทนที่ด้วยความโกรธที่ยิ่งใหญ่
“เฟิงฉิ้นหว่าน เจ้าอย่าดีแต่พูดเล่นลิ้นที่นี่ ในวันนี้อานผิงอ๋องกลับไปแล้ว ฟู่ลั่วเฉินก็กลับไปแล้ว เจ้านำหนังสือข้อตกลงเหล่านั้นมอบออกมา เห็นแก่ใบหน้านี้ของเจ้า ข้าจะให้ทางรอดทางหนึ่งแก่เจ้า ถ้าไม่เช่นนั้นละก็ เจ้า ตระกูลเฟิง หอหญิงงามเมือง จะต้องหายสาบสูญไปในเมืองหลินผิงอย่างไร้ร่องรอย!”
เฟิงฉิ้นหวานเหลือบตามองไปยังหยุนเลี่ยว สายตาเบาหวิว เหมือนกับเมฆบางๆผืนหนึ่ง มีความดูถูกอย่างพูดไม่ถูกกลุ่มหนึ่ง: “ท่านชายหยุนอย่าได้โกรธเคือง อย่างไรเสียก็เพิ่งออกมาจากข้างในคุก ร่างกายยังอ่อนแออยู่ ถ้าหากเกิดโทสะต่อมาร่างกายได้รับบาดเจ็บ นายท่านตระกูลหยุนจะไม่มาหาข้าพยายามเอาชีวิตหรอกหรือ?”
“เฮอะ เจ้าทราบ......” หยุนเลี่ยวยังไม่ทันพูดจบ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าด้านล่างจมูกร้อน รีบยกมือขึ้นไปคลำ แล้วก็คลำเจอเลือดเต็มฝ่ามือ “เจ้าทำอะไร?”
“ข้านั่งอยู่ตรงนี้ดีๆ ยังไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย ท่านชายหยุนอย่าได้ใส่ร้ายป้ายสีผู้บริสุทธิ์”
“เจ้า……” ในดวงตาของหยุนเลี่ยวปรากฏความหวาดกลัวออกมาแวบหนึ่ง “เฟิงฉิ้นหว่าน หนังสือข้อตกลงเหล่านั้นเจ้าจะไม่มอบออกมาจริงๆ?”
เฟิงฉิ้นหว่านกระดกใต้ลิ้นดังจุ๊เบาๆ: “ท่านชายหยุนยังคิดถึงหนังสือข้อตกลงอยู่อีกหรือ? แต่ทว่าเลือดกำเดาของท่านยิ่งไหลยิ่งเยอะแล้ว......”
หยุนเลี่ยวลุกขึ้นยืน จ้องเขม็งอย่างโหดเหี้ยมไปที่เฟิงฉิ้นหว่านทีหนึ่ง แล้วหันหลังก้าวฝีเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านสลายหายไป เอ่ยปากเรียกเหว้ยหลานเข้ามา: “นำถ้วยชาที่ท่านชายหยุนเคยดื่มโยนทิ้งไป อีกอย่าง พรมที่ที่เปื้อนเลือดก็นำไปทำลายพร้อมกัน อย่าให้ข้าเห็นอีก เพื่อจะได้ไม่รู้สึกขยะแขยง”
“เจ้าค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ