“ฉิ้นหว่าน?”
ฟู่ลั่วเฉินพูดกระซิบกระซาบ จู่ๆเฟิงฉิ้นหว่านก็สะดุ้งรู้สึกตัว:“ท่านชาย เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกเรากลับมาถึงหน้าประตูสวนแล้ว” ฟู่ลั่วเฉินลงจากรถม้ายื่นมือประคองเฟิงฉิ้นหว่านลงจากรถม้า “คิดอะไรอยู่? เคลิ้มเชียว?”
“ไม่มีอะไรจริงๆ” เฟิงฉิ้นหว่านรีบส่ายหัวปฏิเสธ
“ข้าเห็นว่าสีหน้าเจ้าไม่สู้ดีนัก กลับไปพักเสียก่อนเถอะ”
“เจ้าข้า” เฟิงฉิ้นหว่านตอบแล้วเดินหันหลังปยังห้องของนาง
เหลียงฮุยน่าจะเพิ่งรู้ที่อยู่ของนางเมื่อสองปีก่อน แล้วไปรายงานเรื่องของนางต่อเจ้าหน้าที่จวนเฉิงเสี้ยง หลังจากนั้นตระกูลซูถึงจะส่งคนมาหานาง แต่ทำไมถูก แต่ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวในตอนนี้?
เขาปรากฏตัวขึ้นเพราะว่าหลังจากที่นางเกิดใหม่ก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่ง?หรือชาติก่อนเขาเคยมาที่นี่ แต่นางไม่เคยสังเกตเห็นเอง?
ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อแผนการที่นางจะทำในอนาคต
เฟิงฉิ้นหว่านคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ยิ่งคิดสีหน้านางก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้น
ส่วนทางด้านของฟู่ลั่วเฉินก็ได้เรียกหยุนซวนให้เข้ามา แล้วยื่นภาพสเก็ตช์ในมือส่งให้เขา ภาพสเก็ตช์บนกระดาษนั้นคือเหลียงฮุย
“วันนี้ที่หอเสียงเหอคนนี้มีเรื่องขัดแย้งกับทางนั้นเจ้าไปสืบหาดูสิว่าเขาเป็นใคร”
เมื่อเห็นฟู่ลั่วเฉินมีสีหน้าที่จริงจัง หยุนซวนรู้สึกประหม่าทันที:“ท่านชาย ผู้ชายคนนี้เป็นสมุนของใคร?”
เป็นคนตายหรือฆาตกร หรืออาจจะเป็นคนสอดแนมที่เก่งกาจ หากไม่ใช่อย่างนั้นทำไมท่านชายถึงมีสีหน้าที่เคร่งขรึมแบบนี้?
“ข้าก็ไม่รู้ เจ้าลองไปสืบดู”
เฟิงฉิ้นหว่านขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวัน บรรยากาศรอบตัวฟู่ลั่วเฉินเย็นลงเรื่อยๆ
ในเวลากลางคืน ฟู่ลั่วเฉินยืนขมวดคิ้วจนกันอยู่หน้าประตู มองไปทางประตูห้องของเฟิงฉิ้นหว่านที่ปิดอยู่
ไม่ได้เปิดประตูห้องมาทั้งวัน ตอนนี้ก็มืดไปหมด และในห้องนอนก็ไม่มีคมไฟ
หยุนซวนรีบวิ่งเข้ามาหา: "ท่าน..."
ฟู่ลั่วเฉินหันไปมอง และหยุดเสียงแอ๊ดของประตู เมื่อพาเขาเข้าไปในห้องแล้วถึงจะเอ่ยปากพูดว่า:“เกิดอะไรขึ้น?”
“ชายท่าน ข้าน้อยเจอเบาะแสบางอย่าง เกรงว่าท่านชายจะรีบร้อน ข้าน้อยจึงรีบกลับมารายงานเสียก่อน ชายที่ท่านให้ข้าน้อยสืบหามีชื่อว่าเหลียงฮุย เป็นคนตระกูลเหลียงทำธุรกิจอยู่ที่เมืองหลวงเขาเป็นคนหุนหันพลันแล่น โลภมากและไร้ยางอายเมื่อทำธุรกิจชอบคดโกง ชื่อเสียงย่ำแย่ ข้าน้อยไม่ได้สืบหาความสัมพันธ์ของเขากับองค์ชายรองและองค์ชายสาม”
“ตระกูลเหลียง...เป็นเพียงนักธุรกิจธรรมดาไม่ใช่หรือ?”
“ใช่”
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมเฟิงฉิ้นหว่านถึงต้องรังเกลียดเขาด้วย...” ฟู่ลั่วเฉินยังไม่หายสงสัย ตอนนั้นเขาอารมณ์วาบหวิวๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย
“ท่านชายหมายความว่า แม่นางเฟิงเกลียดเหลียงฮุยคนนี้หรือขอรับ?” หยุนซวนรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที “แม่นางเฟิงมีสายตาที่เป็นมิตร หากทำให้นางแสดงว่าเกลียดได้ เหลียงฮุยคนนี้ต้องเป็นคนที่ก่อกรรมทำชั่วทุกอย่างจริงๆ ข้าน้อยเองที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจน ข้าน้อยจะกลับไปตรวจสอบใหม่อีกครั้งเดียวนี้ขอรับ”
“ตระกูลเหลียง...” ฟู่ลั่วเฉินขมวดคิ้วอย่างโหดเหี้ยม “ข้าจำได้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดเฟิงฉิ้นหว่านก็นามสกุลเหลียงไม่ใช่หรือ”
“ห๊ะ?หยุนซวนเกาหัวอย่างมึนงง “ข้าน้อยไม่เคยรู้มาก่อน”
“ครั้งก่อนที่ตรวจสอบตระกูลเฟิง เขียนไว้ว่าภรรยาของเฟิงหลิงคือสกุลเฟิงเหลียงซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับเหลียงฮุยคือนามสกุลเฟิง”
“ท่านชายมีความจำที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของแม่นางเฟิงเสียไปตอนคลอดมิใช่หรือขอรับ?นี่ก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันนะขอรับ?”
“สืบหาตระกูลเหลียงอย่างละเอียด” เฟิงฉิ้นหว่านจะไม่เกลียดชังใครอย่างไร้เหตุผล ต้องมีอะไรบางอย่างแน่
“ในสัญญาก็เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าพวกเราสองคนเป็นคู่รักกัน แต่ข้ากับติเจ้า อย่าลืมว่าเจ้าสามารถใช้นามข้าวางอำนาจได้เลย อย่าพูดถึงเหลียงฮุยเลย แม้แต่เมืองหลวง เจ้าก็สามารถเดินอ้าแขนอ้าขาได้เลย”
เพราะฉะนั้น เจ้าไม่ต้อกลัว
ค่ำคืนที่เงียบสงัดกับน้ำเสียงฟู่ลั่วเฉินที่นุ่มนวล ทำให้เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันใด แม้แต่ความรู้สึกตาร้อนนางยังไม่รู้สึกตัว
“ท่านชายปล่อยมือลงเถอะ เหงื่อออกมือท่านหมดแล้ว รมควันจนข้ารู้สึกเจ็บตาแล้ว”
ฟู่ลั่วเฉินรีบปล่อยมือเล็กๆของเขาลง ถึงได้เห็นว่าตาของเฟิงฉิ้นหว่านแดงไปหมด:“ข้า...”
รอยยิ้มเยาะจางๆแสดงออกมาทางใบหน้าของเฟิงฉิ้นหว่าน:“ท่านชายไม่ต้องเป็นกังวล เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้อำนาจของท่าน ข้าจะไม่มีทางประนีประนอมแน่นอน
ข้อเสนอเมื่อครู่ทำให้หวั่นไหว แต่นางไม่กล้าทิ้งชีวิตทั้งชีวิตไว้ในกำมือคนอื่น แม้ว่าคนนั้นจะเป็นฟู่ลั่วเฉินก็ตาม และแม้ว่าเขาเคยช่วยชีวิตนางไว้ก็ตาม
ฟู่ลั่วเฉินพยักหน้า:“หากเป็นเช่นนั้นก็ดี”
“เมื่อกี้กำลังคิดเรื่องทำธุรกิจกับตงเหว้ยอย่างจริงจัง ไม่คิดว่าจะดึกขนาดนี้แล้ว แผลที่ฝ่ามือท่านชายควรเปลี่ยนผ้าพันแผลได้แล้ว หลังจากเปลี่ยนผ้าพันแผลแล้ว ข้าจะไปทำขนมน้ำตาลกรวดที่ท่านชายชอบมาให้”
“ได้”
ต่อมาเฟิงฉิ้นหว่านกลับสู่สภาวะปกติ นางยิ้มและใส่ใจทุกเรื่องที่ทำ
แต่ความคิดของฟู่ลั่วเฉินกลับยิ่งเคร่งขรึมมาขึ้นเรื่อยๆ
สามวันถัดมา เฟิงฉิ้นหว่านได้รับจดหมายจากอ๋องผิงหวางในจดหมายระบุไว้ว่าต้องการเปิดเส้นทางการค้าและเขาได้ส่งสมุดพับอย่างเป็นทางการไปยังเมืองหลวงแล้ว ซึ่งจะได้รับการอนุมัติในเร็วๆ นี้
เฟิงฉิ้นหว่านดีใจมาก และได้จัดการเติมบางอย่างไปในภาพกระดาษที่หอหญิงงามเมือง
เมื่อหอหญิงงามเมืองสร้างเสร็จ เส้นทางการค้านี้ก็น่าจะเปิด เดินออกจากห้องโถงไปที่นิทรรศการสมบัติล้ำค่าจากตงเหว้ย เมื่อถึงตอนนั้นต้องเป็นที่ดึงดูลุกค้าจำนวนมากอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ