จ้าวยี่ขมวดหว่างคิ้ว รีบให้สัญญาณขุนนางที่อยู่ด้านข้างลากตัวลูกชายของแม่นมฉีไปที่ด้านหลังศาล
“แม่นมฉี แท้จริงแล้วเฟิงฉิ้นหว่านได้วางยาพิษใส่เจ้าหรือไม่? ถ้าหากใช่ ยาพิษนั่นเป็นแบบไหน อีกทั้งป้อนให้เจ้ากินเมื่อไหร่? แล้วก็ยังมีลูกชายของเจ้าอีก ลูกชายของเจ้าเคยไปที่บ้านของตระกูลเฟิงหรือไม่? ไปเมื่อไหร่? เขากินเข้าไปได้อย่างไร? เจ้าพูดมาให้ชัดเจน หลังจากเจ้าพูดจบ ข้าก็จะให้คนไปตรวจสอบหาความจริงกับลูกชายของเจ้า ถ้าหากมีจุดไหนที่ไม่ตรงกัน ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้าปรักปรำ!”
แม่นมฉีตกตะลึงตาค้าง นางมาด้วยความรีบร้อน นางไม่เคยบอกความจริงกับลูกชายตัวเองเลยสักนิด พูดออกไปจะไม่เป็นการเผยพิรุธแล้วหรือ?
“ใต้เท้า......คือว่า......”
เห็นท่าทางตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกของแม่นมฉี สีหน้าของจ้าวยี่ก็เย็นชา: “เหตุใดจึงไม่พูด?”
“ใต้เท้า เมื่อครู่บ่าวพูดบางอย่างผิดไปแล้ว เฟิงฉิ้นหว่านไม่เคยป้อนยาพิษให้ข้ากิน” อารมณ์หุนหันพลันแล่นที่แม่นมฉีแสดงออกไปนั้น เริ่มมีความเสียใจเกิดขึ้นภายในใจ สีหน้าก็เริ่มแสดงความหวาดผวา
“ไม่เคยป้อนยาให้เจ้า? ถ้าเช่นนั้นทำไมจึงยืนยันคำพูดเดิมว่าแผลบนมือมีความเกี่ยวข้องกับเฟิงฉิ้นหว่าน?”
“หลายวันมานี้ข้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับคนนอก มีเพียงแค่เฟิงฉิ้นหว่านที่เคยยุ่งเกี่ยวด้วย จะต้องเป็นนางไม่ผิดแน่!”
จ้าวยี่ขมวดหว่างคิ้วแน่น: “ก็หมายความว่า เจ้าไม่มีหลักฐานแม้แต่น้อย?”
“บ่าว......มีเพียงแค่เฟิงฉิ้นหว่านเกลียดข้าที่สุด ถ้าไม่ใช่นางยังจะเป็นใครได้อีก?”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า ในฐานะบ่าวที่ปรักปรำเจ้านายของตนเอง จะต้องโทษโดนโบยห้าสิบไม้”
“ไม่ ท่านขุนนางที่สุจริต ข้าไม่ได้ปรักปรำ จะต้องเป็นเฟิงฉิ้นหว่านอย่างแน่นอน......”
“ไม่มีหลักฐานเลยแม้แต่น้อย อาศัยเพียงแค่การคาดเดาของตนเองยังกล้ามาร้องเรียนเจ้านาย เจ้าคิดว่าที่ว่าการอำเภอนี่เปิดเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ?”
แม่นมฉีลนลานจนอกสั่นขวัญหาย นางอยู่บ้านตระกูลเฟิงโอ้อวดแสนยานุภาพมาหลายปีขนาดนั้น กระดูกทั่วทั้งตัวเบาไปสองเหลียงแล้ว คิดไปจริงๆว่าตนเองเป็นบุคคลที่เก่งกาจ
ในตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึมของจ้าวยี่ รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างหนักอึ้งในศาลพิจารณาคดี ในที่สุดก็ยอมอ่อนข้อลงแล้ว
“ใต้เท้าได้โปรดไว้ชีวิต! บ่าวอายุมากขนาดนี้แล้ว หากถูกโบยห้าสิบไม้ ชีวิตนี้ของข้าก็หาไม่!”
“บ่าวใส่ความเจ้านายของตนเอง เดิมทีโทษที่รับก็หนักหนา ก่อนหน้าที่เจ้าจะมาก็ควรต้องคิดถึงผลที่จะตามมาอย่างชัดแจ้ง กฎหมายไม่สามารถให้อภัย จะโทษผู้อื่นไม่ได้ ลากตัวออกไปลงโทษประหารชีวิต!”
“ขอรับ”
จ้าวยี่ออกจากศาลพิจารณาคดีแล้ว ตระกูลเฟิงนี้มีทั้งความถูกต้องและความผิดไม่น้อยเลยจริงๆ ยังมีเดิมพันของเฟิงฉิ้นหว่านกับท่านชายนั่นอีก ก็ไม่รู้ว่าผลสุดท้ายใครจะเป็นผู้ชนะ?
แม่นมฉีไม่ถูกตีจนตาย แต่ก็จากไปแล้วครึ่งชีวิต
มือของนางยิ่งเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดที่เจ็บแบบเจาะเข้าไปในหัวใจลึกลงไปถึงกระดูกยิ่งกว่าแผลที่โดนโบยหลัง
เส้นทางการฟ้องศาลนี้เดินต่อไปไม่ได้แล้ว ในวันนี้อยากจะมีชีวิตต่อไป ทำได้แค่เพียงไปขอร้องเฟิงฉิ้นหว่าน
พวกเขาไม่มีกำลังที่จะแบกกล่องด้วยตนเองอีก ทำได้แค่เพียงว่าจ้างคนใช้รถลากพวกเขาไปบนถนนสายหลัก ชาวบ้านของหลินผิงต่างพากันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
แม่นมฉีและลูกชายของนางขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของรถราวกับดินโคลนที่เฉอะแฉะ และอีกด้านหนึ่งของรถก็มีสิ่งของมีค่ามากมายหลายชนิดวางกองอยู่ เพียงง้วนป้อทองก็มีหนึ่งกล่องใหญ่เต็มๆ
เดิมทีความเห็นใจที่มีต่อแม่นมฉี กลายเป็นความดูถูกเหยียดหยามภายในชั่วพริบตาเดียว ยิ่งไปกว่านั้นบางคนแอบอิจฉาอยู่อย่างเงียบๆ
“คนตระกูลเฟิงนี้ช่างมีน้ำใจโอบอ้อมอารี ถูกบ่าวขโมยสิ่งของมากมายเช่นนั้น ก็เพียงแค่โบยแล้วไล่ออกไป ถ้าหากเป็นข้า จะต้องตัดมือของพวกเขาข้างหนึ่ง”
“เช่นนั้นลูกชายของแม่นมฉี ยังถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าของร้านขายข้าวที่ร่ำรวย! สำหรับข้า ตระกูลเฟิงก็คือมีความเมตตากรุณามากเกินไป เช่นนั้นถึงถูกบ่าวรังแกได้ถึงขนาดนี้”
“เป็นเช่นนั้นอย่างแท้จริง คนดีย่อมถูกผู้อื่นรังแก!”
เฟิงฉิ้นหว่านคอยสังเกตทิศทางการเปลี่ยนแปลงของหลินผิงทุกขณะ แอบส่งหยุนชีตามหาคนคอยแนะนำอย่างลับๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตระกูลเฟิงกลายเป็นผู้ถูกทำร้ายที่ถูกทำให้อ่อนแอและไม่มีโทษไม่มีความผิดที่สุด
หากเป็นนางแค่เพียงคนเดียว นางไม่สนใจว่าปากของคนนอกจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร แต่ในตอนนี้นางเป็นคนของตระกูลเฟิง วันข้างหน้าตระกูลเฟิงต้องสามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้บนวงการการค้า เช่นนั้นจึงจำเป็นต้องมีภาพลักษณ์ภายนอก
เฟิงหลิงถึงแก่กรรม ตระกูลเกากลั่นแกล้ง แม่นมทรยศ แต่ละเรื่อง แต่ละราว ผู้ชายตัวใหญ่ๆยังแบกไว้ไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณหนูผู้อ่อนแอของตระกูลเฟิง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น สายตาของทุกคนที่มองไปทางแม่นมฉียิ่งออกอาการถึงความไม่เป็นมิตรแล้ว
“คุณหนูเฟิง บ่าวชั่วประเภทนี้ อย่างไรก็ส่งให้ศาลปกครองลงโทษดีกว่า”
“ถูกต้อง เจ้ามองดูว่าสิ่งของที่พวกเขานำมาด้วยว่าครบหรือไม่ อย่าให้พวกเขาตบตาเอาได้”
ในดวงตาเฟิงฉิ้นหว่านมีความรู้สึกซาบซึ้งใจ: “ขอบคุณทุกท่านที่เตือนสติ เพียงแต่ว่าแม่นมฉี......ช่างเถอะ อย่างไรก็เป็นความสัมพันธ์ของนายบ่าว คอยปรนนิบัติรับใช้ข้ามาหลายปี ข้านึกถึงไมตรีจิตนี้แล้ว ก็ไม่ใจแข็งพอที่จะขึ้นศาลไต่สวนพิจารณาคดีกับนาง สิ่งของพวกนี้......นางนำมาเท่าไหร่ ข้าก็ยอมรับหมดแล้ว สิ่งของอื่นๆก็ไม่สืบหาแล้ว”
แม่นมฉีเกือบอาเจียนพุ่งออกมาเป็นเลือด: อะไรที่เรียกว่าเอามาเท่าไหร่ก็ยอมรับหมด? เช่นนั้นเหตุใดเมื่อวานจึงไม่พูด?
เฟิงฉิ้นหว่านนั้นรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าสิ่งของที่นางนำมาได้ก็นำมาหมดแล้ว จากนั้นก็จงใจเสแสร้งแสดงออกท่าทางใจกว้างออกมา!
เฟิงฉิ้นหว่าน เจ้าโหดเหี้ยมมาก!
แม่นมฉีกลัดกลุ้มใจจนเกือบอาเจียนออกมาเป็นเลือดอีก บนใบหน้าก็ไม่กล้าแสดงความไม่เคารพออกมาแม้แต่น้อย นางกลัวว่าเฟิงฉิ้นหว่านยังไม่ทันพูดอะไรออกมา พวกชาวบ้านที่มีท่าทีแค้นเคืองไม่พอใจที่อยู่รอบๆนี้จะตีนางจนตายเสียก่อน
“คุณหนู ท่านเคยรับปากไว้ เพียงแค่ข้านำสิ่งของที่ทุจริตไปก่อนหน้านี้กลับมา ท่านก็จะช่วยรักษาบาดแผลบนมือของข้าให้หาย”
บนใบหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านแสดงความรู้สึกงงงวยออกมา: “แม่นมฉี ข้าไม่เคยกล่าวคำพูดเช่นนี้ ข้าเพียงแต่กล่าวว่าแม่นมฉีหากจิตใจที่มีคุณธรรมของเจ้ายังไม่สูญสิ้นไป ก็นำสิ่งของทั้งหมดส่งกลับคืนมา จากนั้นข้าจะชี้นำหนทางที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ท่าน”
“ใช่ เช่นนั้นหนทางที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปของข้าอยู่ที่ใด?” ในใจของแม่นมฉีร้อนรน
ภายในใจของเฟิงฉิ้นหว่านปรากฏความเย็นชาออกมาแวบหนึ่ง: “เช่นนี้ยังไม่ชัดแจ้งมากพออีกหรือ? มือของเจ้ากับลูกชายอยู่ๆก็เป็นโรคประหลาด ท่านหมอก็ยังดูไม่ออกว่าเกิดจากอะไร ต้องประสบผลกรรมตามสนองแน่ๆ ดังนั้นตั้งแต่นี้ต่อไปต้องทำความดีสะสมคุณธรรมให้มากๆ เช่นนี้ไม่ใช่หนทางที่จะมีชีวิตอยู่ต่องั้นหรือ?”
อยากจะให้นางช่วยแก้พิษให้? ฝันกลางวันของเจ้าไปเถอะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ