คิ้วของฟู่ลั่วเฉินขยับเล็กน้อย ไม่ได้ถามเฟิงฉิ้นหว่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการค้าขาย “เมื่อครู่นี้ข้าเห็นเจ้าเอาแต่มอง หยุนซวน ทำไม สนใจองครักษ์ข้างกายข้า?”
เฟิงฉิ้นหว่านก้มศีรษะลงน้อยๆ ใบหน้าขาวแดงระเรื่อราวกับว่าดอกพีชผลิบาน “ท่านชาย อีกไม่กี่วัน ข้าชนะเดิมพันและได้พิสูจน์ค่าของข้า ข้าก็สามารถรับใช้ท่านชายแล้ว ข้าจึงคิดว่าสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับองครักษ์หยุนซวนและคนอื่นๆ วันล่วงหน้าจะได้ร่วมมือกันรับใช้ท่านชายให้ดี”
“อย่างนี้นี่เอง แล้วเจ้าคิดว่าองครักษ์ข้างกายข้าเป็นอย่างไร?”
“ข้าเคยเจอแต่องครักษ์หยุนซวน ข้าคิดว่าดีมาก ต่างก็เฉลียวฉลาดมาก คนอื่นๆ ข้างกายท่านชายก็ต้องเก่งกาจมากเช่นกันด้วย”
มือของฟู่ลั่วเฉินที่ถือถ้วยชา ใช้แรงถือแรงขึ้นเรื่อยๆ เก่งกาจ? เก่งกาจยังเกือบจะถูกเจ้าแทงตาบอด?
“ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่?”
“ไม่มีแล้ว” เมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศรอบกายของฟู่ลั่วเฉินต่ำเล็กน้อย ใจของเฟิงฉิ้นหว่านกระตุก นางไม่ได้พูดอะไรผิดไปใช่ไหม? ทำไมจู่ๆถึงไม่พอใจขึ้นมา? หรือเป็นเพราะคนระดับสูงเหล่านี้มีอารมณ์แปรปรวนๆด้ง่ายๆ?
“งั้นเจ้ากลับไปเถอะ”
“อื้อ ฉิ้นหว่านขอลาก่อน”
หลังจากที่เฟิงฉิ้นหว่านทำความเคารพ หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ฟู่ลั่วเฉินจ้องไปที่แผ่นหลังเรียวยาวของนาง ดวงตาของเขาขรึมมาก จนกระทั่งไม่เห็นร่างของนางจึงละสายตา
หยุนซวนวิ่งมาอย่างเงียบ ๆ สายตามองไปรอบ ๆ โต๊ะ “ท่านชาย ของอยู่ที่ไหนขอรับ?”
ฟู่ลั่วเฉินวางถ้วยชาลงแล้วบิดปลายนิ้วเบา ๆ “ของอะไร?”
“คำเชิญไงขอรับ? แม่นางเฟิงไม่ได้มาส่งคำเชิญให้ท่านหรือขอรับ?”
“...ไม่ใช่”
“หา? ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ท่านชายก็ไปไม่ได้อีกแล้วหรือขอรับ?” หยุนซวนผิดหวังมาก
“เมื่อวานข้าไม่ได้รับคำเชิญ ก็ไปเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
“เมื่อวานท่านชายปลอมตัวเป็นท่านอ๋องก็ไม่รู้จักแล้ว แล้วยังเกือบถูกแม่นางเฟิง...แค่กแค่ก...” หยุนซวนพูดไปครึ่งหนึ่งก็สังเกตเห็นแววตาที่เยือกเย็นของท่านชายของตน เลยรีบหุบปากทันที
“ท่านชาย ข้าผิดไปแล้ว”
“ไม่มีเรื่องอะไรก็ออกไปได้แล้ว”
“งั้นข้าน้อยไปหาใต้เท้าจ้าว วันนี้ยังต้องการใช้สิทธิ์ผู้ติดตามของเขา” หลังจากหยุนซวนพูดจบเขาก็หันหลังกลับจะวิ่งหนี
ฟู่ลั่วเฉินมองไปที่ตำแหน่งที่เฟิงฉิ้นหว่านยืนเมื่อครู่นี้ ในใจอึมครึม “เดี๋ยวก่อน ให้จินหมิงตรวจดูว่าทรัพย์สินของตระกูลเฟิงมีมูลค่าเท่าไรโดยเร็วที่สุด”
“ขอรับ”
เฟิงฉิ้นหว่านออกมาจากสวนของฟู่ลั่วเฉิน เดิมทีดวงตาที่สงบของนางเต็มไปด้วยน้ำตา นางบิดผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น นิ้วมือของนางขาวเผือก นางก้าวไปข้างหน้าเพียงสองก้าว นางยังเหยียบโดยก้อนหินแล้วล้มลงไปกับพื้นทันที
นางล้มลงกับพื้น ฝ่ามือถูกทรายและหินขูดขีด มีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย แต่นางเมินเฉย ยืนขึ้นช้าๆ แล้วเดินไปทางรถม้าด้วยความสิ้นหวัง
ที่มุมกำแพง ร่างสองร่างที่เฝ้าสังเกตทางเข้าสวนมองสำรวจเฟิงฉิ้นหว่านอย่างละเอียด จากนั้นก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว
เฟิงฉิ้นหว่านขึ้นไปในรถม้า ปาดน้ำตาที่ไหลลงมาด้วยสีหน้าราบเรียบ ในไม่ช้าใต้เท้าหลี่คนนั้นจะได้รับข่าวว่านางไปหาฟู่ลั่วเฉินมา ดังนั้นหนังบัญชีที่ท่านพ่อของนางเหลือไว้ก็ควรจะขยับแล้ว
ในตอนเย็น ทุกคนที่ได้รับคำเชิญต่างไปที่หอหญิงงามเมืองด้วยความตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก
พอไปถึงประตูก็พบว่ามีคนรออยู่ข้างนอกไม่น้อย
“เหตุใดวันนี้ถึงมีคนเยอะเช่นนี้? ไม่ใช่บอกว่าวันนี้ก็เชิญแค่ยี่สิบคนไม่ใช่หรือ?”
คนที่ได้รับคำเชิญไม่พอใจเล็กน้อย สิ่งหายากเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เมื่อพวกเขาได้ยินหอหญิงงามเมืองเชิญผู้ที่ร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่ง ยังมีใต้เท้าจากเมืองหลวง พวกเขาก็ดีใจไปด้วย แล้วยังมีเกียรติเพราะได้รับคำเชิญ รู้สึกว่าฐานะของตนเทียบได้กับใต้เท้าในเมืองหลวงเหล่านั้น
แต่ตอนนี้มีคนจำนวนมากที่ได้รับคำเชิญ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำเชิญในมือของพวกเขาไร้ค่าขึ้นมา
ทันทีที่นางลี่พูดจบ สาวใช้ในหอหญิงงามเมืองก็เดินมา “นางลี่ แม่นางลู่เยาเชิญท่านชายหลิวเข้ามา"
ท่านชายหลิวที่ถูกเรียกชื่อก็ก้าวไปข้างหน้าทันทีด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจมาก “แม่นางลู่เยาเชิญข้าจริงๆหรือ?”
สาวใช้ตอบ “ใช่ แม่นางลู่เยาบอกว่าวันนี้เชิญท่านชายชมดอกไม้ ขอบพระคุณท่านท่านชายสำหรับกลอนที่ท่านเขียนเมื่อวานนี้ในเรื่องชื่นชมระบำของนาง นางยังกล่าวอีกว่า นางจะหารือกับแม่นางอื่น ๆ เพื่อดูว่าจะสามารถให้ท่านเขียนกลอนออกมากลอนหนึ่งได้หรือไม่ ถ้าท่านชายไม่รังเกียจ ก็สามารถร้องเพลงในหอหญิงงามเมืองได้”
“ไม่รังเกียจแน่นอน”
“งั้นท่านชายหลิวเข้าไปบอกแม่นางลู่เยาด้วยตนเองเถอะ”
เมื่อครู่นี้ยังถูกห้ามอยู่ข้างนอกด้วยกัน แต่ตอนนี้ท่านชายหลิวเข้าไปก่อนแล้ว คนอื่นๆไม่ยอมขึ้นมาทันที “เหตุใดเขาถึงสามารถเข้าไปได้?”
นางลี่รีบอธิบาย “ท่านชายทุกท่านก็ได้ยินแล้วว่าท่านชายหลิวได้รับเชิญเป็นพิเศษจากแม่นางลู่เยา หากพวกท่านได้รับคำเชิญจากหญิงสาวในหอหญิงงามเมือง ก็ย่อมได้รับการยกเว้นเช่นกัน”
ใต้เท้าหลี่ยังคงอยู่ในหอหญิงงามเมือง ดังนั้นทุกคนจึงไม่กล้าสร้างปัญหา ทำได้เพียงแอบอิจฉาท่านชายแซ่หลิวอยู่ในใจ
หากกลอนที่พวกเขาเขียนขึ้นมาสามารถร้องในหอหญิงงามเมืองได้ พวกเขาอาจจะสามารถดึงดูดสายตาของใต้เท้าหลี่หรือใต้เท้าจ้าวได้ แค่ใต้เท้าเหล่านั้นช่วยเหลือเล็กน้อย พวกเขาก็จะมีชื่อเสียงแล้วไม่ใช่หรือ?
หลายคนที่ไม่ได้เขียนกลอนด้วยใจ จู่ๆ ก็ทุบหน้าอกด้วยความเสียใจ เป็นโอกาสที่ดีจริงๆ แต่ถูกพลาดไปแล้ว!
ในอีกด้านหนึ่ง จ้าวยี่ก็เข้ามาพร้อมกับฟู่ลั่วเฉินและหยุนซวนหลังจากการปลอมตัว
นางลี่รีบเดินไปต้อนรับ “น้อมพบใต้เท้าจ้าว”
หยุนซวนมองไปทางซ้ายและขวา แต่กลับไม่พบเงาของเฟิงฉิ้นหว่าน “ท่านชายฉินอยู่ที่ไหน? วันนี้ไม่ได้ต้อนรับแขกข้างนอกหรือ?”
“รายงานท่านองค์ครักษ์ ท่านชายฉินเข้าไปในหอหญิงงามเมืองพร้อมใต้เท้าหลี่ก่อนแล้ว และสั่งให้ข้ารออยู่ที่นี่ ขอให้ใต้เท้าจ้าวอย่าตำหนิ”
จ้าวยี่ส่ายหัว “พวกข้ามาสายเอง”
จากหางตาของหยุนซวนเหลือบมองฟู่ลั่วเฉินที่สีหน้าไร้อารมณ์ แม้แค่การมาต้อนรับด้วยตนเองก็ไม่มี ทำไมถึงรู้สึกว่าท่านชายของตนยิ่งไม่ถูกชอบมากขึ้นกันนะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ