ตอนที่ 34 คชายารองบ้าคลั่งเพื่อนความรัก
ยามที่ชูเซี่ยและหมอหลวงออกจากห้องเพื่อไปปรึกษาหารือเกี่ยวกับอาการขององค์ชายที่ห้องโถงนั้น นางยังได้ยินเสียงของฮองเฮาเอ่ยขึ้นกับไทเฮาภายในห้อง “เด็กคนนี้ ร่างกายตนเองก็มีบาดแผลอยู่เต็มตัวแท้ๆ แต่ก็ไม่รู้จักดูแลตนเองให้ดี เห็นกันหรือไม่ ดวงตาก็แดงก่ำไปหมด แม้แต่เสียงก็ยั่งเปลี่ยน นางจะต้องเจ็บแผลมากเป็นแน่!”
หยงเฟยร้องครวญออกมา “นึกไม่ถึงว่ายามนั้นที่นางแต่งเข้ามาในตำหนักอ๋องข้าทำไม่ดีต่อนางสารพัด แต่ในวันนี้นางยังยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยเหลือลูกสะใภ้และหลานชายของข้าอีก นึกถึงยามนั้นที่ข้าปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้ายเช่นนั้น ข้าช่างละอายใจเหลือเกิน!”
ในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากหยงเฟยเห็นว่าหลิวหยิงหลงเป็นผู้ได้รับความโปรดปรานจากฮองเฮามาโดยตลอด นางจึงมีท่าทีที่ไม่ดีต่อลูกสะใภ้คนนี้นัก อีกทั้งหลิวหยิงหลงยังเคยมีปัญหาขัดแย้งกับตันหยงเฟยเองมาก่อน จึงทำให้หยงเฟยซึ่งแต่เดิมไม่ชอบพอนางอยู่แล้วกลายเป็นเกลียดชังในที่สุด
ชูเซี่ยเมื่อได้ยินประโยคที่หยงเฟยกล่าวออกมา นางก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอันใด ในโลกของนางมีคำพูดยอดฮิตบนโลกออนไลน์อยู่ประโยคหนึ่ง ‘ตัวข้ามิใช่เงินหยวนที่จะให้คนทั้งโลกมาชอบได้’ หลิวหยิงหลงเองก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หยงเฟยไม่ชื่นชอบนางก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ชูเซี่ยตั้งใจแน่วแน่ว่าตราบใดที่นางใช้ชีวิตอย่างไม่ผิดต่อมโนธรรม นอกนั้นจะเป็นอย่างไรใครจะรักหรือจะเกลียดชังนางก็ไม่เก็บมาใส่ใจ
แต่สิ่งที่คอยกวนใจนางมาตลอดเวลาคือนางเป็นห่วงหลี่เฉินเย่นเหลือเกิน เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกกังวลใจอยู่ตลอดเวลา นางไม่อยากคิดถึงสิ่งที่เขาจะต้องเผชิญอยู่ตามลำพัง หากเขาตกอยู่ในกำมือของโจรเหล่านั้นเล่าจะทำอย่างไรดี เพียงแค่นางคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หัวใจก็เจ็บปวดเกินจะรับ ความรู้สึกราวกับหัวใจถูกกระชากออกจากอกก็มิปาน
อย่างไรก็ตามในตอนนี้นางกำลังปรึกษากับเหล่าหมอหลวงเกี่ยวกับอาการขององค์ชายน้อย นางจึงต้องแบ่งแยกความรู้สึกให้ชัดเจน ทำหน้าที่หมอของตนเองให้ดีที่สุดในเวลาเช่นนี้
“ข้าคิดว่าอานเหยี่ยนเป็นโรคถุงน้ำดีตีบตัน” นางเอ่ยขึ้น
เยี่ยนพ่านมองมาทางนางอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนจะหันมามองหมอหลวงอีกสองท่านข้างกาย ทั้งสามคนต่างมึนงงไม่มีผู้ใดเข้าใจความหมายที่นางเอ่ย “เรียนถามพระชายา ถุงน้ำดีตีบตันคืออะไรหรือพะย่ะค่ะ”
“โรคตัวเหลืองในเด็กแรกเกิดที่มีอาการเช่นนี้เกิดจากความพิการในถุงน้ำดีแต่กำเนิด ทว่าในอาการขององค์ชายกลับคล้ายมี อาการถุงน้ำดีตีบตันหรือโรคตัวเหลืองภายในร่วมอยู่ด้วย วิธีการรักษาได้คือการผ่าตัดอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเราไม่มีอุปกรณ์สำหรับใช้ในการผ่าตัดได้ ดังนั้นข้าจึงเห็นว่าให้สำนักหมอหลวงจำเป็นต้องจัดยารักษาลดอาการตัวเหลืองเพื่อช่วยรักษาในขั้นตอนแรกไปก่อน เพียงแต่ว่าข้าก็มิอยากปิดบังพวกท่าน หากว่าองค์ชายเป็นโรคถุงน้ำดีตีบตันอย่างที่ข้าคิดจริงๆ พวกเราก็คงได้แต่เฝ้ามององค์ชายค่อยๆ...” ชูเซี่ยไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยออกไปอีก นางรู้ว่าทุกคนในที่นี้ต่างรับรู้กันอยู่แล้ว
ไม่ใครผู้ใดเอ่ยอะไรออกมาอีกเลย หากองค์ชายน้อยไม่อาจรักษาหาย เกรงว่าผู้ที่ต้องตายอาจไม่ใช่เพียงองค์ชายแค่พระองค์เดียว ชีวิตของพวกเขาก็คงมิอาจรักษาไว้ได้อีก
“แต่ว่า พวกกระหม่อมเคยจัดยารักษาอาการตัวเหลืองให้องค์ชายไปแล้วพะย่ะค่ะ แต่มันกลับไม่ได้ผลแม้แต่น้อย” หมอหลวงหลงเฟยเอ่ยขึ้น
“ไม่ใช่ว่าไม่ได้ผล แต่มันไม่มีผลต่างหากเล่า อาการตัวเหลืองมีอยู่สองชนิดคือตัวเหลืองจากภายในและตัวเหลืองภายนอก อาการตัวเหลืองภายนอกแม้พวกท่านจะไม่ได้จัดยารักษาให้ก็จะหายไปได้เองในที่สุด แม้ข้าจะไม่เคยเห็นวิธีการจัดยารักษาของพวกท่าน แต่ข้าก็มั่นใจว่าการรักษาของพวกท่านคงเป็นการรักษาแค่ภายนอกเท่านั้น การรักษาโดยจัดยาลดตัวเหลืองมีผลแค่ในผู้เป็นโรคตัวเหลืองภายนอกเท่านั้น ไม่มีผลต่อโรคตัวเหลืองที่เกิดจากภายในหรอก ยามนี้พวกเราต้องทำให้อาการตัวเหลืองภายนอกลดลงอีกสักเล็กน้อยก่อน โชคยังดีที่องค์ชายน้อยไข้ทุเลาลงแล้ว ส่วนการหาวิธีรักษาจากภายในแทนพวกเราก็ค่อยๆคิดกันเถิด”
ชูเซี่ยรู้สึกลำบากใจอย่างมาก นางเป็นคนทำคลอดให้องค์ชายน้อยกับมือของนางเอง ยามนั้นก็ถือว่าหนักหนาสาหัสแล้ว ทว่าครั้งนี้กลับยิ่งกว่า เด็กน้อยตัวเล็กเพียงเท่านี้กลับต้องมาเจอกับความเจ็บปวดทรมานเพียงนี้จะทนได้หรือ น่าสงสารจริงๆ แล้วหากว่าพระชายาเจิ้นหยวนทราบเรื่องเข้าเล่า นางอาจจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเลยก็เป็นได้
เยี่ยนพ่านเอ่ยถามขึ้นมาอย่างข้องใจ “หากเป็นดังที่พระชายากล่าวมาทั้งสิ้น หากว่าองค์ชายน้อยเป็นโรคถุงน้ำดีอุดตันจริงๆ ต่อให้พวกเราจะทำการรักษาอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ใช่หรือไม่”
ชูเซี่ยพยักหน้า “หากเป็นเช่นนั้นจริง เราสามารถรักษาได้ด้วยพิธีผ่าตัดเท่านั้น แต่ยามนั้นที่ข้าลงมือผ่าท้องเพื่อช่วยเหลือพระชายาเจิ้นหยวนทำคลอดอาเหยียนออกมาก็นับมาเสี่ยงมากพออยู่แล้ว ไม่สมควรเสี่ยงอีก”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะจัดยารักษาตับและถุงน้ำดีในทันที รวมถึงยาที่รักษาอาการท้องเสียขององค์ชายอีกด้วย หวังว่าอาการขององค์ชายจะดีขึ้นในเร็ววัน” เยี่ยนพ่านเอ่ย
ยามนี้ชูเซี่ยได้แต่หวังว่าองค์ชายน้อยจะไม่ได้เป็นโรคถุงน้ำดีอุดตันเข้าจริงๆ ไม่เช่นนั้นต่อให้ทำการรักษาอย่างไรก็ล้วนเปล่าประโยชน์ ตราบใดที่ที่นี่ยังไม่มีความก้าวหน้าทางการแพทย์อย่างโลกของนาง
ชูเซี่ยยังแนะนำเพิ่มไปอีกเล็กน้อย “หากยาที่ท่านจัดไว้ไม่เห็นผล ก็ลองใช้ อินเฉิน จือจื่อ หวงจิน และจินอิ๋นฮวาต้มรวมกันเป็นหม้อเดียว จากนั้นลองนำไปให้อานเหยียนดื่มดู”
แม้ว่านางจะไม่ได้สันทัดในด้านสมุนไพรจีนนัก แต่ว่าในยุคของนางนั้นก็ยังมีกลุ่มคนที่ยังอนุรักษ์การใช้แพทย์แผนจีนไว้อยู่ และแพทย์แผนจีนมักจะออกใบสั่งยาโดยการใช้สมุนไพรเหล่านี้ในการรักษาโรคตัวเหลือง
เยี่ยนพ่านมองชูเซี่ยอย่างประหลาดใจ “วิธีนี้กระหม่อมก็เคยคิดมาก่อน แต่ด้วยตัวยามีสรรพคุณค่อนข้างแรง กระหม่อมเกรงว่าร่างกายขององค์ชายน้อยจะมิอาจรับไหวได้จึงไม่กล้าใช้ ทำเพียงต้มน้ำดอกจินอิ๋นฮวาถวายแก่องค์ชายเท่านั้น ยามนี้เมื่อพระชายาเอ่ยมาเช่นนี้แล้วกระหม่อมคงต้องขอลองดูแล้ว!”
หลังจากปรึกษาหารือวิธีการรักษาเสร็จสิ้น ฮองเฮาก็มีรับสั่งให้ชูเซี่ยกลับไปนอนพักรักษาตัวทันที
ยามนี้แผลบนหน้าผากของนางถูกพันผ้าพันแผลไว้เรียบร้อยแล้ว ฮองเฮามีรับสั่งให้นางพักรักษาตัวอยู่ที่ตำหนักจาวหยางแห่งนี้โดยมีจี่เซียงนางกำนัลคนสนิทของพระองค์คอยดูแลรับใช้นางอยู่ข้างกาย และยังมีหยานมี่เหอที่เสนอตัวมาด้วยอีกคน
นางเอยกายนอนอยู่บนเตียง หัวใจยังไม่สงบจึงไม่อาจหลับลงได้ แต่นางไม่อาจทำให้ฮองเฮาเป็นห่วงไปมากกว่านี้จึงปิดเปลือกตาลงเฉยๆ
นางหรือจะหลับลงได้ แม้ว่าจะได้รับยานอนหลับจากหมอหลวงไปแล้วแต่นางกลับยังไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย
ภายในห้องที่เงียบสงัดนี้ จู่ๆก็มีมือมากระตุกผ้าห่มของนางเบาๆ เดิมนางคิดว่าเป็นจี่เซียงหรือนางกำนัลคนอื่นจึงไม่ได้เปิดเปลือกตาขึ้น
“ท่านพี่ หากท่านยังไม่ได้หลับก็ลุกขึ้นมาคุยกับข้าเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!” มันคือเสียงของหลิวมี่เหอ เสียงของนางเต็มไปด้วยความอับจนระคนวิตกกังวล
“พระชายากล่าวอะไรเช่นนั้นเพคะ นี่เป็นเรื่องที่หม่อมฉันสมควรทำอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องขอบคุณหม่อมฉันหรอกเพคะ” จี่เซียงหันหลังสั่งคนไปจัดเตรียมโจ๊กมาถวายแก่พระชายาและเตรียมน้ำไว้ถังหนึ่งสำหรับให้พระชายาได้ล้างหน้าล้างตา
เมื่อออกคำสั่งเสร็จเรียบร้อยนางก็ค่อยๆหันหน้ามาทางหลิวมี่เหอ “รองพระชายาเพคะ หม่อมฉันคงต้องคอยดูแลพระชายาอยู่ที่นี่ แต่ว่าเมื่อครู่นั้นข้าหลวงผู้รับใช้ข้างกายของฝ่าบาทมาที่นี่ มีรับสั่งให้พระชายาเข้าเฝ้าเนื่องด้วยฝ่าบาทต้องการมาดูอาการพระชายาด้วยตนเอง เช่นนั้นแล้วหม่อมฉันคงต้องรบกวนให้รองพระชายาช่วยจัดเตรียมชุดสำหรับเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันเชื่อมั่นในสายตาของรองพระชายาเพคะ!”
จี่เซียงเอ่ยรองพระชายาออกมาชัดถ้อยชัดคำ หลิวมี่เหอได้ยินก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมา แต่ว่านางก็ต้องเก็บความไม่พอใจไว้อย่างรวดเร็วเพราะว่าจี่เซียงนางเป็นข้ารับใช้คนสนิทของฮองเฮา นางไม่อาจล่วงเกินอีกฝ่ายได้ จึงทำได้เพียงยิ้มออกมาเท่านั้น “ได้!”
คล้อยหลังหลิวมี่เหอ จี่เซียงก็หันกายมาหานางก็จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “พระชายาไม่จำเป็นต้องเก็บคำพูดของนางมาใส่ใจหรอกเพคะ!”
จี่เซียงได้ยินคำพูดที่หลิวมี่เหอเอ่ยออกมาชัดเจนทุกถ้อยคำ ความจริงแล้วนางอยู่ในห้องด้านหลังห้องบรรทมมาโดยตลอด และบานหน้าต่างของห้องบรรทมก็เปิดไว้เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท นางเป็นคนที่มีวรยุทธอีกทั้งก่อนหน้านี้หลิวมี่เหอนางมีอารมณ์โมโหร้ายอยู่จึงไม่ทันระวังลดเสียงของตนเองให้เบา ทำให้สุกสิ่งทุกอย่างที่นางเอ่ยออกมานั้นล้วนเข้าหูจี่เซียงทั้งหมด
ชูเซี่ยรับคำก่อนจะครุ่นคิดเล็กน้อย ในที่สุดนางก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “กูกู ท่านคงยังไม่ทราบว่าก่อนท่านอ๋องจะต่อสู้กับกลุ่มโจร เขาเสียพลังลงปราณไปจนหมดสิ้น!”
จี๋เซียงตื่นตระหนก รีบร้อนถามขึ้นมา “เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ”
ชูเซี่ยเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นให้อีกฝ่ายฟังตั้งแต่แรกเริ่มที่เก็บสมุนไพรจนถึงยามที่ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับเหล่าโจรป่า จี๋เซียงนิ่งเงียบไม่อาจเอ่ยคำใดออกมา แววตาประหลาดใจมองตรงมายังชูเซี่ย
เวลาผ่านไปนานทีเดียวจี๋เซียงจึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดขึ้นมา “ได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอให้สวรรค์คุ้มครองให้ท่านอ๋องปลอดภัยกลับมาด้วยเถิด!” เพียงแต่ยามที่นางเอ่ยประโยคนี้ออกมานั้นไม่อาจควบคุมเสียงที่สั่นไหวของตนไว้ได้
ชูเซี่ยรู้สึกผิดนัก!
องเต้ทรงเสด็จมาดูอาการของชูเซี่ย ก่อนถามคำถามแสดงความห่วงใยออกมาอีกเพียงไม่กี่คำก็ถามถึงสถานการณ์ของหลี่ เฉินเย่น ชูเซี่ยจึงตัดสินใจกราบทูลฝ่าบาทไปตามตรง พระพักต์ของฝ่าบบาทเคร่งเครียดก่อนจะรับสั่งให้กองกำลังทหารมุ่งหน้าไปหุบเขาเทียนหลางเพื่อจัดการถอนรากถอนโคนเหล่าโจรป่าพวกนั้นให้สิ้นซาก!
แท้จริงแล้วฝ่าบาทจะรับสั่งส่งทหารไปหรือไม่นั้นก็ไม่ต่างกันนัก เพราะในตอนนี้เหล่าราชองครักษ์ของจวนอ๋องก็ล้วนอยู่ที่นั่นเพื่อกำจัดกองโจรเหล่านั้นอยู่แล้ว แต่เพราะชูเซี่ยเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาจึงไม่สบโอกาสที่จะทูลแก่ฝ่าบาทแต่อกร
เมื่อฝ่าบาททรงรับรู้เรื่องราวทั้งหมด พระทัยก็รู้สึกเป็นห่วงในตัวบุตรชายของพระองค์นัก แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรในตัวชูเซี่ย กลับรู้สึกขอบคุณเสียด้วยซ้ำที่ชูเซี่ยสามารถนำหญ้าหลินเฉ่ากลับมาและรักษาชีวิตคนไว้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...