ตอนที่ 147 ความสัมพันธ์ที่แสดงออกมา
มือเรียวบางนั้นเย็นจัดจากหิมะที่ละลาย มือของนางแดงไปหมด คล้ายเกล็ดหิมะยังคงอยู่ในมือ โล่หวินหลานซุกมือลงไปในเสื้อผ้า ความหนาของปุยนุ่นในเสื้อผ้าไม่อาจทำให้นางหายจากความหนาวเย็นในระยะสั้นได้ รู้สึกเหมือนส่วนที่ถูกมือซุกเข้าไปนั้นก็เย็นไปด้วยเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้นเอง มีมือหนาโผลเข้ากอดนางและจับมือไว้แน่น เขาใช้ไอร้อนจากปากเป่ามาที่สองมือแดงคู่นั้น
"ข้าเคยบอกกับเจ้าว่าอย่างไร? ห้ามทำร้ายตนเอง เหตุใดเจ้าถึงทำเป็นหูทวนลม?" เขาพูดขึ้นพร้อมฟันที่กระทบกันเพราะความหนาวเย็น
"เปล่า หม่อมฉันเพียงต้องการชี้ทางสว่างให้เย่หวิน เพราะเรื่องในอดีตทำให้นางเกลียดหิมะ......" โล่หวินหลานอธิบายเสียงอ่อน มือน้อยค่อยๆอุ่นขึ้น
โม่ฉีหมิงถูมือของนางเพื่อเพิ่มความอบอุ่น "อย่าใช้นี่เป็นข้ออ้าง!ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าห้ามทำร้ายตนเองอีก รับปากกับข้าสิ!"
แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้หรือ? เย่หวินเคยเป็นองครักษ์ประจำตัวเขาเลยนะ!
โล่หวินหลานเบ้ปาก "ได้ ข้ารับปาก แต่เย่หวินนางเกลียดหิมะจริงๆ!"
"ข้ารู้" สีหน้าของโม่ฉีหมิงดูอ่อนลงมา พร้อมจับสองมือซุกลงไปภายใต้เสื้อตัวหนา
"ท่านรู้ แล้วเหตุใดจึงปล่อยให้นางเป็นเช่น? การที่คนคนหนึ่งคิดมากเกินไป มันจะทำให้เขาระเบิดออกมานะ!" โล่หวินหลานบอกอย่างโทษเขา
"เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด การที่เจ้าสามารถพูดออกมาได้อย่างง่ายได้ เป็นเพราะเจ้าไม่ได้เผชิญหน้าด้วยตนเอง เจ้าไม่มีวันเข้าใจความเจ็บปวดของเย่หวิน ดังนั้นจากนี้ไปเจ้าอย่าพยายามเปิดแผลในใจของนางอีกเลย มิเช่นนั้นคนที่จะเจ็บปวดและเสียใจอาจจะเป็นตัวเจ้าเอง หรือไม่ก็คนที่เจ้าพยายามจะช่วย" โม่ฉีหมิงให้บทเรียนกับนาง
เย่หวินกับเย่เฟิงรับใช้เขามานานแล้ว เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสองคนนั้นรู้สึกอย่างไร? เพียงแต่การที่จะจัดการเรื่องนั้นได้นั้น ไม่ได้ใช้เวลาเพียงวันหรือสองวัน
"งั้น งั้นแสดงว่า เย่หวินเสียใจ?"
โม่ฉีหมิงพยักหน้า
"หม่อมฉันจะไปดูนางก่อน......" โล่หวินหลานรีบเดินออกไป
โม่ฉีหมิงคว้ามือของนางเอาไว้ แล้วส่ายหน้า"ให้นางอยู่คนเดียวเงียบๆเถอะ บางทีคำพูดของเจ้าอาจจะทำให้นางคิดอะไรขึ้นได้บ้าง"
เขาพูดถูก หากไม่ได้เกิดขึ้นกับตนเองนั้น เราจะไม่มีวันรู้เลยว่าความรู้สึกเจ็บปวดนั้นเป็นเช่นไร แต่หากเรื่องนั้นเกิดขึ้นกับตนเอง ถึงจะรู้ตัวว่าความเจ็บปวดนั้นไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ
"ท่านอ๋อง พระชายา มีคนจากตำหนักเย่มาเพคะ พวกเขาบอกว่าได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณท่านอ๋องและพระชายา จึงเชิญให้พวกท่านไปให้ได้" พ่อบ้านวิ่งเข้ามาบอก พร้อมกับการ์ดเชิญในมือ
การ์ดเชิญนี้เย่กั๋วกงได้รับสั่งให้บ่าวรับใช้ส่งมา ไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลยว่าเขาต้องการจะทำสิ่งใด โม่ฉีหมิงยื่นมือไปรับการ์ดเชิญสีแดง เนื้อหาด้านในเขียนเอาไว้สั้นๆว่าตอนการเรียนเชิญเขาและโล่หวินหลานไปทานมื้อค่ำ"
"จะไปไหมเพคะ?" โล่หวินหลานถามขึ้น
โม่ฉีหมิงเก็บการ์ดเชิญเอาไว้ใต้แขนเสื้อ มือหนึ่งจับที่มือของโล่หวินหลาน "ต้องไปสิ เรื่องดีขนาดนี้ไม่ไปได้อย่างไร? ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตคนที่นอนตายอยู่ในโลงศพ ทุกคนต่างขนานนามเจ้าว่าหมอเทวดาเชียวนะ"
ทั้งสองเดินไปทางห้องโถง สาวใช้เดินเข้ามาช่วยถอดผ้าคลุมตัวหนา เขาทั้งสองเดินเข้าไปยังห้องที่อบอุ่นแล้วนั่งลง จากนั้นสาวใช้ก็นำนมอุ่นๆมาให้โล่หวินหลาน และชาร้อนให้โม่ฉีหมิง
สีหน้าของโล่หวินหลานดีขึ้นบ้างแล้ว มือบางจับที่แก้วนมร้อนท่านต่างหากที่ควรจะได้รับการขนานนามว่าหมอเทวดา มีทักษะทางการแพทย์ที่ดีก็ไม่สู้มีสมองที่ดี แล้วตอนนี้อาการของท่านดีขึ้นหรือยัง? สวินโม่บอกกับหม่อมฉันว่า......."
"ข้าไม่เป็นไร สวินโม่ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ข้าสลบไปสองวันทำให้เจ้าเป็นห่วงแย่เลยสิ" โม่ฉีหมิงพูดขึ้น
"ท่านรู้เช่นนี้ก็ดีแล้ว ท่านเคยได้รับบาดเจ็บอะไรมาก่อนหรือ?" โล่หวินหลานถาม เพราะนางได้ยินสวินโม่เอ่ยถึงว่าการที่เขาเป็นเช่นนี้เพราะใช้ลมปรานบวกกับการที่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน จึงทำให้ไม่ได้สติถึงสองวัน
"มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว......นานจนข้าเองก็จำไม่ค่อยได้แล้ว" โม่ฉีหมิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป เหมือนที่เขาบอก โล่หวินหลานจะไม่ถามให้เขาเจ็บปวดอีก การที่นางบังคับให้เขาพูดความจริง ก็ไม่ต่างกับใช้มีดแทงเข้าไปอีกครั้ง
น้ำตาของโล่หวินหลานคลอเบ้า นางมองดูเขาด้วยความปวดใจ ไม่อยากจะถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หากวันใดที่เขาพร้อมจะบอก นางจะตั้งใจรับฟังเป็นอย่างดี
"เจ้าเป็นอะไร? ทำไมต้องยืนแอบอยู่ตรงนั้นด้วย?" ฉินหยิ่นเก็บก้อนหินขึ้นมาแล้วโยนไปทางเย่หวิน
สวนของตำหนักหวังในตอนนี้กลายเป็นสวนหิมะไปแล้ว หิมะร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า ทั้งสองข้างของพื้นเต็มไปด้วยหิมะสีขาว
เย่หวินนั่งนิ่งไม่ขยับ นางนั่งเม่อลอยคิดบางอย่าง
จนกระทั่งฉินหยิ่นโยนก้อนหินมาตรงหน้า จึงจะดึงสติกลับมา
"เย่หวิน เจ้าเป็นอะไรไป?" ฉินหยิ่นถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เพราะวันนี้นางดูไม่เหมือนเคย ไม่ว่าจะเรียกยังไงก็ไม่สนใจเขา
ค่อยๆเดินเข้าไปหาเย่หวินจากด้านหลัง
นางไม่พูดอะไร จู่ๆก็ลุกขึ้นยืนแล้วล็อกตัวเขาเอาไว้
ฉินหยิ่นนิ่งไป เหมือนมีค้อนอันใหญ่ตีมาที่หัวใจของเขา ราวกับอยู่ในทะเลที่ดำมืดมองไม่เห็นทาง จนรู้สึกหนาวสั่นไปหมด
เขาคว้ามือของนาง แต่นางก็สะบัดออกทันที
คิดเสียว่านางเมางั้นหรือ? เรื่องที่เกิดขึ้นก็ชัดเจนแล้วว่าเขาทั้งสองต่างก็รักกัน? เหตุใดต้องขอโทษด้วย?
เขารู้สึกหนักอึ้งที่หัวใจ
ตะวันค่อยๆลับขอบฟ้า ท้องฟ้าที่เริ่มมืดตอนพลบค่ำมีหิมะตกลงมา หิมะร่วงหล่นลงมาบนตัวของทั้งสอง
พ่อบ้านได้จัดเตรียมรถม้าไว้ให้แล้ว โล่หวินหลานสังเกตสีหน้าของเย่หวินที่ตอนนี้ดูไม่ดีนัก จึงให้นางอยู่ที่ตำหนัก ฉินหยิ่นเองก็เช่นกัน พวกเขาทั้งสองดูแปลกๆตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองหน้าใคร โม่ฉีหมิงจึงให้ฉินหยิ่นอยู่ที่ตำหนักไม่ต้องตามไปเช่นเดียวกัน
เขาเดินจับมือโล่หวินหลานออกไป หลังจากที่พยุงนางขึ้นรถม้าแล้ว เขาก็ก้าวเท้าใหญ่ขึ้นมา ตอนนี้การเดินสำหรับเขาถือเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมากแล้ว
"ท่านว่าการที่เย่กั๋วกงเลี้ยงมื้อค่ำเรานั้นเพื่อเป็นการขอบคุณเท่านั้นเองหรือ?" โล่หวินหลานถามขึ้น เพราะนางเองก็สงสัยเช่นเดียวกัน
"เท่าทีดูตอนนี้ คงเป็นเช่นนั้นแหละ เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องทำร้ายเรา เจ้าวางใจเถอะ ตอนนี้เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของเขานะฉินหยิ่น! หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่ตำหนักเย่ ฮ่องเต้ต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่ๆ" คำพูดของโม่ฉีหมิงทำให้นางรู้สึกสบายใจขึ้น
การที่นางคอยระวังตัวเช่นนี้เพื่อใครกัน?
เย่หวินและฉินหยิ่นเองก็ไม่ได้ตามมา นางก็ไม่มีวรยุทธ์ ถึงแม้จะพกเข็มพิษไว้แต่ก็มีเพียงไม่กี่เข็มเท่านั้น และโม่ฉีหมิงเองก็ยังบาดเจ็บอยู่ นางไม่อยากให้เขาบาดเจ็บไปมากกว่านี้
"ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากเย่กั๋วกงต้องการจะทำอะไร ท่านต้องหลบอยู่หลังข้าเข้าใจไหม" โล่หวินหลานบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วพยักหน้าให้ตนเอง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องหลบอยู่หลังนาง
โม่ฉีหมิงหยิกแก้มนางอย่างเบามือ "ข้าจะคอยเจ้าปกป้องสามีคนนี้อย่างดี"
โล่หวินหลานพยักหน้า
โม่ฉีหมิงอดไม่ได้ที่จะประทับรอยจูบลงไปที่ปากบางตรงหน้า เขากระชับนางเข้ามาในอ้อมกอด
รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวจนมาถึงหน้าตำหนักเย่ ด้านนอกมีโคมไฟสว่างถูกจุดเอาไว้
บ่าวรับใช้มาช่วยพวกเขาจูงม้า จากนั้นเปิดประตูใหญ่ของตำหนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก