ตอนที่ 154 ภายนอกของเชียงโหลว
โล่หวินหลานอยู่บนอ้อมกอดของเขา และหัวเราะออกมาไม่สนใจใคร
“หัวเราะอะไร?” โม่ฉีหมิงฟังเสียงหัวเราะของนางแบบแปลกใจ มีอะไรน่าหัวเราะ?
“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าถ้าถูกเจ้าอุ้มอย่างนี้ไว้ตลอดชีพน่าจะดี” เสียงหวานๆของโล่หวินหลานเข้าไปถึงในใจของเขา
นานๆทีที่จะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากนาง โม่ฉีหมิงรู้สึกโปรดปรานมาก เขายิ้มมุมปากตลอดทาง หน้าที่หล่อเหลามีแสงเปล่งประกายออกมาอย่างมีเสน่ห์
พอพ้นทางเข้าก็คือถนนหลักของเมืองจิงเฉิงแล้ว ทั้งสองได้ยินเสียงพ่อค้าแม่ค้ากำลังตะโกนขายของเสียงดัง เสียงนั่นยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อถึงฤดูหนาว
“ปล่อยข้าลงไป” โล่หวินหลานเห็นว่ากำลังถึงถนนสายหลักแล้ว พูดขึ้นอย่างเร่ง
โม่ฉีหมิงมองหน้านาง แล้วปล่อยนางลงไป และทั้งสองเดินไปตรงตลาดบนถนนเส้นหลักด้วยกัน
“เจ้าดูสิ ปิงถังหูลู้” โล่หวินหลานมองไปยังร้านเล็กๆที่ตกแต่งด้วยหญ้าคา ข้างนอกเสียบขนมปิงถังหูลู่ไว้เต็มเลย นางพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ครั้งก่อนเคยออกมาถึงเมืองจิงเฉิงเก่า เคยชิมปิงถังหูลู่ รสชาติดั้งเดิมมาก พอตอนกลับไปตำหนักก็รู้สึกคิดถึงมากๆ ครั้งนี้มีโอกาสออกมาชิมอีกแล้ว
“อันนั้นไม่ดี” โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วขึ้น “ร้านอาหารแห่งหนึ่งของเมืองจิงเฉิงก็เอาอันนี้ พวกข้าไปกินที่นั่นกัน หรือไม่ก็ให้พ่อครัวในตำหนักทำให้เจ้าทาน”
ยังไงก็คือจะไม่เอาขนมนี้ในตลาดใช่หรือไม่
โล่หวินหลานเชิดหน้าใส่เขาเบาๆ หน้าอันเรียวเล็กของนางหดเหี่ยวเหมือนซาลาเปา เดินผ่านร้านที่ขายขนมปิงถังหูลู่ แล้วค้นหาเป้าหมายต่อไป
“หวินหลาน อย่าวิ่งไปมั่ว” โม่ฉีหมิงมองเงาของนางที่กำลังมุ่งหน้าเดินต่อไป เขารีบตามไปอย่างเป็นห่วง
แต่ว่าพึ่งพูดจบ ข้างหน้าพวกเราก็มีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งสวมใส่เสื้อสีดำยาวกำลังเดินเข้ามาอย่างน่ากลัว ชายหนุ่มที่ยืนอยู่นอกสุดทั้งสองได้ทำเหมือนเดินไล่ผู้คนที่อยู่กลางถนน และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธ “หลีกทาง หลีกไป!”
ผู้คนที่เดินอยู่นั้นถูกพวกเขาใช้แรงผลักจนเอียงไปเอียงมา และบางคนก็ล้มลงกับพื้น บังเอิญที่โล่หวินหลานยืนอยู่ตรงนั้นพอดี แรงโน้มถ่วงที่พวกเขาล้มลงมาทำให้นางถอยหลังไปสองก้าว แล้วข้างหลังนางก็มีมือใหญ่ๆที่มาพยุงนางไว้โดยเร็ว
พอนางหันไปมอง เจอสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของโม่ฉีหมิงกำลังจ้องนางอยู่ ดวงตาอันเรียวยาวของเขาเต็มไปด้วยคำเตือน
“ตามข้าไว้” โม่ฉีหมิงใช้น้ำเสียงเย็นชา เขาดึงมือนางไว้แล้วเดินตามพวกหนุ่มๆที่ทำตัวอันธพาลนั้นไป
คนพวกนั้นไม่เหมือนทหารธรรมดา แต่เป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าเป็นทหารที่ประเทศฝึกออกมาคงไม่มาทำร้ายชาวบ้านตามท้องตลาดแบบนี้ สิ่งเดียวที่อาจเป็นไปได้คือคนพวกนี้ถูกฝึกฝนออกมาจากยุทธภพ
“คนพวกนั้นเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงมาทำตัวอันธพาลตามท้องตลาดแบบนี้?” โล่หวินหลานกดเสียงต่ำลงแล้วถามขึ้น
โม่ฉีหมิงยืดอกขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ แต่มือของเขากำแน่นขึ้นแล้วแน่ขึ้น ทั้งสองเดินผ่านผู้คนแออัดมากมาย เดินไปถึงข้างหลังของกลุ่มคนเสื้อดำ เดินตามพวกเขาไปจนถึงหน้าประตูเข้ายองเชียงโหลว
“ยองเชียงโหลว? พวกเขามาที่นี่ทำอะไร?” โล่หวินหลานถามขึ้นอย่างแปลกใจ ยองเชียงโหลวไม่ใช่เป็นที่สำหรับหาโสเภณี หรือว่ากลุ่มคำเสื้อดำจะเข้าไปด้วย?
“อย่าพูด ติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาก่อนค่อยว่ากัน” โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ มือข้างหนึ่งของเขาขวางโล่หวินหลานไว้ สายตาจ้องมองผู้คนที่สัญจรไปมาแถวนั้น
“เจ้าเป็นแม่เล้าของยองเชียงโหลวใช่หรือไม่ ไปเรียกจิ่นชื่อออกมา มีคนอยากเจอ” หัวหน้ากลุ่มคนเสื้อดำพูดด้วยอย่างไม่เป็นมิตร
เสียงที่ข่มขู่นั่นทำให้แม่เล้าสะดุ้งขึ้นมาจริงๆ นางเปิดยองเชียงโหลวมาสิบปี ชายที่อยู่ละแวกนี้ต่างก็สนิทสนมกับนาง แต่คนพวกนี้เหมือนไม่ได้จะมาเที่ยวโสเภณี หรือเหมือนจะมาหาเรื่องจะแก้แค้น
“พวกท่านทั้งหลาย มีเรื่องอะไรเชิญเข้ามาข้างใน มิทราบว่าพวกท่านหาจิ่นชื่อทำไมหรือ? อยากจะฟังเพลงไพเราะๆ? หรืออยากหาอะไรสนุกๆทำ? แม่เล้าเอาผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ตรงมือบังหน้าตนเองและหัวเราะขึ้นอย่างเสียงเบา
แต่ว่าหัวหน้ากลุ่มคนเสื้อดำชักดาบยาวขึ้นมาโดยทันที และกำลังจะโจมตีโดยเร็ว ยังไม่ทันได้เห็นอะไรชัดเจนก็ยื่นดาบไปอยู่ตรงหน้าของแม่เล้าคนนั้น
นี่เป็นแค่ท่าทีไม่ถึงวินาทีเดียว ไวเหมือนฟ้าแลบ แม่เล้าผู้นั้นโดนตบตีจนไม่หมดสภาพ และก้มหน้าอ้วกเลือดออกมาก นางจับหน้าที่โดนตบไว้ และยื่นอยู่ตรงที่เดิมอย่างเอียงไปเอียงมา
“ไปเรียกจิ่นชื่อออกมา” ชายผู้สวมใส่เสื้อดำพูดคำเมื่อครู่ขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเขาโหดเหี้ยมอย่างกับมาจากขุมนรก
“ได้ๆๆๆๆ” ครั้งนี้แม่เล้าไม่ลังเลอะไร และรีบหันหน้าวิ่งเข้าไป
กำแพงต่ำๆที่อยู่ข้างๆมีเงาคนสองคนที่คนหนึ่งเตี้ยอีกคนสูงอยู่นั่น และไม่คลาดสายตาไปที่อื่น มองดูเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้าประตูยองเซียงโหลว
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ทางองค์รัชทายาทนั้นกำลังต่อสู้กับศัตรูนับสิบๆคน อยู่หน้าประตูทางเข้ายองเชียงโหลว ต่อสู้กันไปไม่นาน องค์รัชทายาทจึงโดนพลังดาบของฝ่ายตรงข้าม
“องค์รัชทายาท!จิ่นชื่อเรียกเขาอย่างทุกข์ทรมาน รีบวิ่งไปหน้าเขาเพื่อพยุงเขาขึ้นมา น้ำตาของนางไหลรินจากตา
วิชาการต่อสู้ขององค์รัชทายาทไม่ค่อยแกร่งนัก เพราะว่าเขาเป็นคนขี้ป่วยตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เหมือนองค์ชายองค์อื่นๆที่ฝึกฝนวิชาตั้งแต่เด็ก ขนาดวิชาการยิงธนูยังพึ่งฝึกตอนอายุ 16 ปี แต่อย่างไรก็ตามฮองเฮาก็ได้เชิญอาจารย์ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกำลังภายใน และช่วยปรับเปลี่ยนกำลังภายในของเขาให้แกร่งขึ้น
ถ้าจะเทียบวิชาการต่อสู้ แน่นอนว่าองค์รัชทายาทคงเทียบไม่ติดกับกลุ่มคนเสื้อดำอย่างแน่นอน ยังไม่ทันได้ต่อสู้กันดีๆ คงแพ้อย่างย่อยยับ
“ก็เป็นแค่องค์รัชทายาทคนหนึ่ง? กลัวอะไร? ทุกคน เอาตัวมันกลับไปด้วย” หัวหน้ากลุ่มคนเสื้อดำสั่งการ และเก็บดาบที่เมื่อครู่ใช้
“รับทราบขอรับ” กลุ่มคนเสื้อดำพยักหน้าอย่างโอ้อวด สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา และยื่นมือไปจับจิ่นชื่อขึ้นมาอย่างรุนแรง
โม่ฉีหมิงมองว่าสถานการณ์เริ่มแย่แล้ว เขากวาดสายตาอันแหลมคมไปรอบๆ ดวงตาของเขามองไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง และเขาเด็ดกิ่งไม้ลงมาจับไว้ในมือของเขา
“หวินหลาน เจ้ารออยู่ที่นี่ อย่าไปที่ไหนเด็ดขาด” โม่ฉีหมิงกำลังจัดการกับกิ่งไม้ที่อยู่บนมือ หน้าตาอันเย็นชาที่ฉลาดหลากแหลมเหมือนนกอินทรีย์มองไปรอบๆ
ส้นเท้าแตะลงพื้นเบาๆ ทั้งตัวของเขาก็ลอยขึ้น ลอยจากกำแพงไปยังประตูทางเข้าของยองเชียงโหลว กิ่งไม้นั้นรวบรวมกำลังภายในของเขาโดยกิ่งไม้นั้นกวาดไปกวาดมาบนพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาว ทันใดนั้นหิมะขาวๆก็ลอยขึ้นมาเหมือนหมอก ลอยไปลอยมาอยู่ตรงนอกประตูยองเชียงโหลว ทันใดนั้น หิมะที่ลอยอยู่บนอากาศจับตัวเป็นก้อนและลอยไปขว้างไปยังกลุ่มคนเสื้อดำ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที หิมะก้อนใหญ่ๆขว้างไปยังตัวของพวกเขา
กำลังของหิมะก้อนใหญ่ขว้างจนกลุ่มคนเสื้อดำกระเด็นไปไกลสิบกว่าเมตร ล้มลงกับพื้นอย่างบาดเจ็บสาหัส
“ผู้หญิงของข้าใครกล้าชน คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปจริงๆ” ชุดฉางเผ่าสีเข้มที่โม่ฉีหมิงสวมใส่อยู่สะบัดพริ้วอยู่บนพื้นหิมะ พลังของเขาดูแข็งแกร่งเหมือนมาจากขุมนรก
โล่หวินหลานที่ยืนอยู่ข้างหลังเขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แก้มของนางเริ่มแดงขึ้น ที่แท้เขาออกหน้าก็เพราะว่าตัวนางเอง
เมื่อครู่กลุ่มคนเสื้อดำชนนางอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าเมือง นึกไม่ถึงว่าเขาจะถือโอกาสนี้แก้แค้น
โล่หวินหลานไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก