ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 156

ตอนที่ 156 ความรักใคร่ระหว่างพี่น้อง

โล่หวินหลานปิดหน้าของตนแล้ววิ่งหนีออกไปอย่างทนไม่ได้ ยุคสมัยไม่เหมือนกัน ตงฉางจะเหมือนกันได้เยี่ยงไร

นางส่ายหัวตนเองไปๆมาๆหลายๆรอบ แล้วรีบเดินเข้าไปในตำหนัก

ดอกท้อสีแดงในสวนผลิบานออกมาอย่างงดงาม ดอกไม้ผลิบานอยู่ท่ามกลางพื้นดินที่เต็มไปด้วยหิมะในฤดูหนาว ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่งดงาม

“พระชายา ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ มีคนรอพวกท่านอยู่ตรงตำหนักหลักเจ้าคะ” เย่หวินกำลังสั่งบ่าวคนอื่นไปเตรียมน้ำชาเข้ามา และเห็นโล่หวินหลานและโม่ฉีหมิงเดินเข้ามาพอดี

“ใครหรือ?” โล่หวินหลานถามขึ้นด้วยเสียงที่เหนื่อยหน่าย

“เป็นไท่ซ้อที่มาจากเมืองอูเจ้าคะ” เย่หวินยิ้มพูดขึ้น

โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วขึ้น “ด่องห้วนและด่องหย่าใช่หรือไม่ !”

เย่หวินพยักหน้า “ใช่เจ้าคะ”

ด่องห้วนน่าจะได้เป็นไท่ซ้อแล้ว คนที่เขาถูกใจยังไงก็เดาไม่ผิด เขายืมลูกน้องให้กับด่องห้วน ก็เพราะอยากให้เขาได้แย่งตำแหน่งไท่ซ้อมา ก่อนหน้าก็ฆ่าผู้คนที่ด่องไท่ซ้อโปรดปราน ถึงจะต่อยๆแย่งตำแหน่งไท่ซ้อ และสามารถสร้างชื่อเสียงในเมืองอู

สายตาของโล่หวินหลานเปล่งประกายขึ้น ด่องห้วนกลายเป็นไท่ซ้อจริงๆหรือเนี่ย

กระตุกม่านตำหนักหลักขึ้น ด่องห้วนและด่องหย่านั่งอยู่ตรงข้างซ้ายของที่นั่งหลัก ทั้งสองได้พูดอย่างเสียงต่ำขึ้น ทั้งหัวเราะไป เทียบกับครั้งแรกที่ด่องห้วนดูผอมลงไปเยอะ หน้าของเขาออกหนวดขึ้นมาเล็กน้อย ดูๆแล้วเหมือนจะดูยุ่งเหยิง แต่บนใบหน้าเขามีรอยเป็นมีดทิ้งไว้

รอยแผลเป็นนั้นไม่สั้นเลย จากหูไปจนถึงคาง ดูๆแล้วเหมือนจะดูโหดเหี้ยม แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่มีผลต่อลักษณะภายนอกของเขา ดูๆแล้วกลับมาความรู้สึกทรงอำนาจและดูโหดเหี้ยมดีกว่า

“ถวายบังคมท่านอ๋องและพระชายาเจ้าค่ะ” พอได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากข้างหน้า ทั้งสองก็ได้ลุกขึ้นและเดิน

“ลุกขึ้นเถอะ อยู่ที่นี่ไม่ต้องเกร็ง พวกเจ้ารอนานแล้วใช่ไหม” โม่ฉีหมิงยื่นมือดึงพวกเขาขึ้นไปด้วย และเดินไปยังที่นั่งเพื่อนั่งลง

“พวกข้าก็พึ่งมาได้ไม่นาน ได้ยินว่าท่านอ๋องไปตำหนักเย่พวกข้าจึงนั่งรออยู่ที่นี่สักพัก วันนี้ที่ข้ามาก็คือจะเอาคนที่ท่านอ๋องยืมให้มาคืน แค่ว่ามีบางคนเสียชีวิตในสนามรบเลย ด่องห้วนรู้สึกเสียใจ!” พูดถึงตอนสุดท้ายก็ค่อยๆก้มหัวลง เสียงยิ่งฟังยิ่งเศร้า

สีหน้าของโม่ฉีหมิงไม่สื่ออาการใดๆ สำหรับเขาแล้วเรื่องเป็นเรื่องตายเป็นเรื่องธรรมดา เขาเจอเรื่องตายเยอะ

“ครอบครัวคนตายข้าจะดูแลเลี้ยงดูพวกเขาเอง คนพวกนั้นจะได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษดีเด่น คนที่ตายไปในสนามรบล้วนแต่เป็นผู้ชาย

“เจ้าน้อยขอขอบพระคุณท่านอ๋องขอรับ” ด่องห้วนพยักหน้า ก้อนหินหนักๆที่ทับอยู่ในใจได้ออกไปสักที

ด่องห้วนพูดจบ คิ้วของเขาขมวดคิ้วเบาๆและมองไปยังด่องหย่าที่ยืนอยู่ข้างๆ สายตาที่ดูลึกลับเหมือนกำลังสื่ออะไรบางอย่างให้นาง ไม่นาน ด่องหย่ากลับลุกขึ้น และเดินไปอยู่ต่อหน้าโล่หวินหลานอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

“พระชายาเจ้าค่ะ ตอนนี้พี่ชายข้าได้เป็นไท่ซ้อแล้ว ความปรารถนาของพ่อข้าก็สมหวังสักที ข้าก็หาคนที่รักจนเจอ ดังนั้นเรื่องแต่ก่อนหวังว่าท่านจะไม่เรียกร้องใดๆ” ด่องหย่ากำลังจะสารภาพความผิด คิดว่าด้วยความที่ว่าตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสารภาพผิด เลยฟังดูเกรงๆ

นิสัยที่ดื้ออย่างนี้ของนาง มาขอโทษคนอื่นก็ถือว่าประเสริฐแค่ไหนแล้ว คิดดูแล้วคนที่ทำให้นางเชื่อฟังได้ก็มีแต่ด่วงห้วน

โล่หวินหมิงไม่ใช่คนขี้เหนียวอะไรอยู่แล้ว นางยื่นมือออกไปดึงนางขึ้นมานั่ง คิดว่าตอนนั้นที่เขาสองคนเจอกัน เพราะว่าโม่ฉีหมิงเลยทำให้พวกเขาไม่มีความสุขกัน วันนี้ นางก็มีคนที่รักแล้ว เรื่องมันไม่เหมือนปกติอีกต่อไป

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เรื่องที่ผ่านไปจะไม่พูดถึง แต่ว่า เมื่อกี้ที่เจ้าบอกว่าเจ้าหาคนที่รักเจอคือใครหรือ?” ดวงตาคู่นั้นของโล่หวินหลานเปล่งประกายออกมา ตายิ้มเหมือนพระจันทร์ครึ่งซีกที่ส่องสว่าง

คนที่อยู่ต่อหน้ายิ้มแบบอายๆ และเอาผ้าเช็ดหน้ามาบังตนไว้ไม่พูดไม่จา แก้มค่อยๆแดงขึ้น

ดวงตาของนางมองด่องห้วนไว้ สองคนสบตากันเลยทำให้เรื่องทุกอย่างชัดเจน

คนที่รักของนางคงไม่ใช่ด่วงห้วยใช่ไหม?

ปากของโล่หวินหลานเหมือนยัดไข่ไว้สองฟอง ถึงแม้ก่อนหน้านี้ดูออกว่าด่องห้วนดีกับด่องหย่า แต่ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาสองจะเป็นแบบนี้กัน

“ท่านอ๋อง พระชายา จริงๆเรื่องนี้ข้าไม่ได้จะปิดบังพวกเขาตั้งแต่แรก แต่ว่าตอนนั้นสถานการณ์มันเร่งรีบเกินไป การเมืองของเมืองอูวุ่นวาย และตอนนั้นข้าก็ไม่แน่ใจว่าหย่าชอบข้าหรือไม่ ดังนั้นเลยไม่ได้พูด ตอนที่ข้าจะวางแผนแย่งชิงตำแหน่งในเมืองอู ข้าถึงจะรู้ว่าหย่าก็ชอบข้า แค่ว่าเราเป็นพี่น้องกันในนาม คนข้างนอกเขาก็นึกว่าเราเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ดังนั้น เรื่องที่ผมอยากจะแต่งงานกับหย่า ก็อาจจะยากหน่อย!” ด่องห้วนลุกขึ้นแล้วพูดขึ้น สีหน้าที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนปรากฏให้เห็นถึงสีหน้าที่แย่

เขาอยากจะให้ด่องหย่ามีฤกษ์แต่งงานที่ใหญ่หลวงและเป็นทางการ แต่ด้วยความฐานะที่พวกเขามี กลับไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ขึ้นต่อหน้าคนอื่น

โม่ฉีหมิงพยักหน้า “นั่นเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?”

ยากที่จะคิดถึงคนที่เฉยชาอย่างกับน้ำแข็งอย่างโม่ฉีหมิงพูดคำพูดแบบนี้ออกมา จะทำให้ด่องห้วนรู้สึกตกใจ จริงๆในใจของเขาเตรียมตัวจะถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน ใครจะรู้ว่าผลมันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดแบบนี้

คนที่เดินตามข้างล่างทั้งสองคนเดินเข้าไปด้วยความอดทนไม่ไหว

“ช้าๆหน่อย อย่าวิ่งเร็วขนาดนั้น พื้นมันลื่น” โม่ฉีหมิงเคาะหัวของโล่หวินหลานเบาๆ เพื่อบอกเตือนถึง

“รู้แล้วหน่ะ” โล่หวินหลานไม่หันกลับไป ท้าวอยู่บนตู้ยืนเลือกเครื่องประดับ

“หย่า เจ้าอย่างใจร้อนมากเกินไป!บอกกี่ครั้งว่ายังไม่ฟังอีก!” ด่องห้วนก็ส่ายหัวเหมือนโม่ฉีหมิง

ตำแหน่งฐานะของด่องหย่าก็สูงส่ง และยังเป็นลูกสาวของอดีตไท่ซ้อด่อง จะเอาลมก็ย่อมได้ลม จะเอาฝนก็ได้ฝน แต่หลังจากที่เมืองอูเฉิงมีเรื่อง ไท่ซ้อด่องก็ป่วยหนัก นางเหมือนโดนเรื่องนี้โจมตี ทั้งวันคอยกังวลอยู่ไม่เป็นสุข ไม่มีเวลาและไม่มีใจที่จะเสียเวลากับเรื่องนี้

ตอนนี้ชีวิตได้เงียบสงบลงสักที นางได้พักฟื้นจนหายดีแล้วกลับมาเป็นนิสัยเหมือนแต่ก่อน

“พระชายา ท่านดูปิ่นหยกผีเสื้อนี่สวยใช่หรือไม่? ถ้ามาอยู่ตรงหัวข้าก็คงจะเหมือนกับชุดที่ข้าวันนี้ใช่หรือไม่!” ด่องหยาเอาปิ่นหยกมาเสียบไว้ตรงผมของตน ดวงตาของนางกระพริบไม่หยุด ทั้งหน้าเต็มไปด้วยความเบิกบาน

ทั้งตัวของนางสวมใส่ชุดฤดูหนาวที่มีสีมืดๆ คอของนางคล้องผ้าพันขนฟูสีขาวไว้ และดูเหมือนผ้าพันคอจะเปล่งประกายและโดดเด่นไปตามชุดสีดำที่สวมใส่ และบนปีกของผีเสื้อบนปิ่นหยกมีพลอยสีน้ำเงินประดับไว้ และขอบของปลีกผีเสื้อตกแต่งไปด้วยไข่มุก ดูๆแล้วเหมือนจะรุงรังหน่อยๆแต่ดูสูงส่งและสง่ามากๆ

“ไม่เลวจริงๆ เข้ากับชุดที่เจ้าสวมใส่ไว้จริงๆ” โล่หวินหลานพูดเอาใจนาง

พอฟังคำพูดของโล่หวินหลานจบ ด่องหย่าดีใจจนพยักหน้า ทั้งร้านเพชรพลอย นางแค่ชอบปิ่นหยกนี้อันเดียว เหมือนทุกอย่างเหนือการคาดเดาและฟ้ากำหนดไว้แล้ว

นางเอาปิ่นหยกนั้นจับไว้กับมือแล้วดู แต่ว่าไม่ได้เอาไปให้ด่องห้วนดู ข้างซ้ายของนางมีมือๆหนึ่งยื่นออกมาแล้วแย่งปิ่นหยกนั้นไปจากมือนาง

คนที่อยู่ข้างหลังนั้นเอาปิ่นหยกไปจับไว้มองและสังเกตดูไปสักพัก และปริตามองแล้วพูดขึ้น “ก็แค่ปิ่นหยกลายผีเสื้อ? ก็แค่นั้น ดูๆแล้วสายตาของเจ้าต้องพัฒนาต่อไป!”

ทีแรกด่องหย่าที่ถูกแย่งของไป นางก็ไม่พอใจอย่างแรง และยังได้ยินคำพูดที่ดูถูกนางแบบนี้ สีหน้าของนางดูมืดและน่ากลัว หันหน้าไป เห็นหน้าที่ดูขาวซี้ดและหน้าที่ไม่หัวเราะอยู่ตรงนั้น

“เห้ย เจ้าเป็นใคร? สายที่ข้าเลือกดูของมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? คืนมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” ด่องหย่ายื่นมือไปแย่งปิ่นหยกมาจากมือนางด้วยความโกรธแค้น สีหน้าดูโมโหมาก แต่ทันใดนั้นข้างหลังนางก็มีมือใหญ่ๆที่แสนอบอุ่นและคุ้นเคยโอบร่างนางและดึงนางให้ออกห่างจากหญิงผู้นั้น

“อะหย่า อย่าใจร้อน” ด่องห้วนกระซิบข้างหูนาง และกดร่างที่กำลังโมโหของนางไว้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก