ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 178

ตอนที่178 การฆาตกรรมปรากฏขึ้น

รุ่งอรุณเช้าตรูมีหมอกหนาขึ้นเต็มบริเวณ โดยเฉพาะมองจากที่สูงลงมา ทั่วทั้งเมืองหลวงถูกหมอกและละอองหิมะรายรอบไว้ ดูไปแล้วเหมือนอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน

สวนดอกไม้ในวังหลวงตรงมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้มีพระตำหนักเล็กๆซ่อนอยู่ ม่านกั้นลมสีทองอร่ามมีเสียงซุบซิบคุยกันเล็กๆมาจากด้านใน ท่ามกลางบรรยากาศของเช้าตรู่ช่างสวยงามยิ่งนัก

“กุ้ยเฟยเนียงๆผิวของท่านดูแลได้ดียิ่งนัก ไม่เหมือนคนที่พึ่งคลอดลูกเลยแม้แต่น้อย พูดถึง ท่านดูแลปรนนิบัติผิวอย่างไรกัน? ใช้ยาจีนที่หมอหลวงจ่ายให้ดูแลหรือท่าน?” เย่เซียวหลัวถามขึ้นอย่างตกตะลึง บนใบหน้ามีความหลงใหลและหยุดชมไม่ได้เลย แสดงได้อย่างสมบทบาท

ถึงจะรู้ว่าเป็นการโม้เกินจริง แต่ว่าต้วนกุ้ยเฟยในใจก็เหมือนกับถูกเติมเต็มไปด้วยน้ำผึ้ง คิดไม่ถึงว่าเย่เซียวหลัวคนนี้จะปากหวานนัก ผิวของนางดีขนาดนั้นจริงๆหรอ?

“ดูแลที่ไหนกันล่ะ? ก็แค่กินยาบำรุงนิดหน่อยเท่านั้นเอง ปกติแล้วก็กินแค่รังนกบ้าง พวกพุทราไหมสีทองแล้วก็ของที่บำรุงเลือด” ต้วนกุ้ยเฟยอดไม่ได้ที่จะลองเอามือลูบบนใบหน้า ยืดหยุ่นเรียบลื่น พอคิดถึงตอนตัวเองยังวัยเยาว์ แต่ก็รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วนัก วัยสาวแรกแย้มเหมือนผ่านไปแค่ชั่วพริบตา

“ถึงว่าผิวท่านถึงได้สุขภาพดีขนาดนี้ ดูท่าแล้วคงจะต้องให้ท่านสอนแนะนำบ้างแล้ว!” เย่เซียวหลัวพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าหาผู้เชี่ยวชาญเรื่องดูแลผิวเจอ

คนที่อยู่ด้านในพากันหัวเราะยิ้ม

ฝีเท้าหนึ่งยืนนิ่งอยู่กับที่ด้านหน้าม่านบังลม ผ่านไปนานมากกว่าจะก้าวเข้าไป หิมะบนพื้นถูกเขาเหยียบอยู่จนเป็นริยเท้าลึก

“เวินอ๋องท่านมาแล้ว? ทำไมถึงอยู่ข้างหน้าไม่เดินต่อล่ะ? เข้าไปนั่งในสิเพคะ!” หมิงเยว่ที่กำลังยกรังนกและนมสดเข้ามา เห็นเวินอ๋องจึงรีบทักขึ้น

เวินอ๋องสีหน้าเย็นชา ตอนแรกกะจะหมุนตัวกลับดูท่าตอนนี้เขาจะถอยกลับไม่ได้แล้ว ขณะจะเงยหน้าขึ้น ด้านหน้าก็มีร่างผิวสีเนื้อเหลืองอ่อน ยืนมองเขาด้วยตากลมโต

“เจ้า เจ้ามาแล้ว! เข้ามาสิ กุ้ยเฟยเนียงๆกำลังรอเจ้าอยู่เลย!” เย่เซียวหลัวยิ้มบางๆด้วยความตื่นเต้นดีใจ นัยน์ตาสองข้างเหมือนจะจ้องเอาเขาเข้าไปอยู่ด้านในทั้งตัว

เวินอ๋องเห็นนางทีไรเป็นต้องปวดหัวทุกที หากเป็นเวลาปกติคงไม่มีอะไร แต่วันนี้กลับเข้ามาหากุ้ยเฟยถึงในตำหนัก มายุ่งวุ่นวายกับแม่ของเขา อีกทั้งยังเชิญเข้าเขาไปอย่างเปิดเผยอีก

สายตาของเขาไหวไปมา ใช้ร่างสูงใหญ่ของเขาหันให้เย่เซียวหลัว คุยกับหมิงเยว่ที่อยู่ด้านข้าง “ตอนนี้ข้ามีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย เดี๋ยวค่อยมาหาท่านแม่ใหม่วันหน้า”

พูดพลาง คนก็เดินจากไปแล้ว ด้านหลังของร่างสูงใหญ่เหมือนต้นสูงใหญ่ต้นหนึ่ง สาวเท้ายาว เหมือนกำลังหลบอะไรบางอย่างออกจากตำหนักของกุ้ยเฟย

เย่เซียวหลัวมองหลังของเขาเดินจากไป เท้าก้าวตามเขาไปอย่างไม่รู้สึกตัว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นางรู้สึกว่าที่ที่มีเขาอยู่ควรจะต้องมีนางอยู่ด้วยทุกที ถึงจะยากลำบากเพียงใด นางก็ต้องไป

“เจ้าตามข้ามาทำไม? เจ้าจะทำอะไรก็ไปทำสิ!” สุดท้ายเวินอ๋องก็อดไม่ได้ที่จะหันไปตวาดนาง

ทั้งสู้ยืนอยู่ประตูหน้าวัง หิมะยังคงปลิวว่อนทั่ว ร่วงลงมาบนหัวของพวกเขา บนตัว สาดซัดความเย็นชาให้เย่เซียวหลัวรู้สึกหนาวเย็น

“เจ้าจะไปไหน? ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า” เย่เซียวหลัวอดกลั้นมานานแล้ว ก็หาได้เพียงเหตุผลพวกนี้แล้ว

เวินอ๋องเงยหน้ามองท้องฟ้า พูดขึ้น “มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา พูดจบข้ายังมีเรื่องต้องสะสางอีก”

เห็นว่าเขาอยากให้ตนเองพูดเรื่องจะพูด เย่เซียวหลัวไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะเพิ่มความสัมพันธ์ของทั้งคู่ นางลืมไปเลยว่าครั้งล่าสุดที่เขาคุยกับนางเป็นตอนไหน ยิ่งลืมไปเลยว่าล่าสุดที่ทั้งคู่จ้องสบตากันเป็นตอนไหน

ยางยิ้มขึ้นจางๆ พูดอย่างเหนียมอาย “จะคุยที่นี่ได้ยังไง? ไม่อย่างนั้นพวกเราไปหาที่นั่งค่อยๆคุยกัน หลายวันมานี้ไม่ได้คุยกับเจ้าดีๆเลย”

นางยิ่งพูดยิ่งก้มหัวต่ำ เหมือนว่าเขินอาย หลายวันมานี้ในที่สุดก็เจอเวินอ๋องสักที แน่นอนว่ามีเรื่องจะคุยกับเขาเยอะมาก

นานมาก เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะขานตอบกลับ นางรีบเงยหน้าขึ้น เขาได้เดินจากไปไกลแล้ว โลกทั้งใบเหมือนเล็กลงไปเลย ร่างเงาสีดำค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ

เย่เซียวหลัวร้อง หึ กระทืบเท้า สีหน้าบิดเบี้ยวไปมาไม่น่ามอง กัดฟันกรอดๆ ขณะกำลังจะตามเขาไป เงาร่างสีดำของเขาก็ได้เดินจากไปไกลลับตาแล้ว

“นี่! ช่างน่าโมโหนัก!” เย่เซียวหลัวมองเขาด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ยกเท้าบดขยี้หิมะบนพื้นอย่างแรง ทันใดนั้น หิมะบนพื้นก็ปรากฏเป็นดอกไม้ไฟที่กำลังจุดปะทุ สักพักก็ตกลงบนพื้น

นางลูบไปที่รอยแผลเล็กๆที่หางตา แผลนี้ได้มาจากเวินอ๋องนางไม่เคยกล้าจะย้อนกลับไปคิด เขาพยายามหลอกตัวเอง ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่ได้ไม่อยากเจอหน้าเขาเพียงแค่ไม่มีเวลาเท่านั้น

ก็เหมือนกับครั้งนี้ นางยอมที่จะหลอกตัวเองต่อไป เขามีธุระที่ต้องไปจัดการ

เย่เซียวก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ครั้งหน้า ครั้งหน้านางจะพยายามให้มากกว่านี้

ท้องถนนผู้คนเดินกันบางตา นางก้าวย่ำลงบนพื้นที่มีหิมะขาวโพลนทีละก้าวๆ หัวใจของนางเย็นเหมือนกับหิมะที่กำลังร่วงโรยลงมาบนพื้น ไม่มีอุณหภูมิใดๆ

เหมือนกับรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จิ่นชื่อมองหน้านางไม่พูดอะไรสักคำ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆเก็บลงไป ขมวดคิ้วแน่น ปากยกยิ้มขึ้น

“ในเมื่อคุณสามตระกูลเย่พูดตรงขนาดนี้ ข้าก็จะไม่พูดอ้อมค้อม ไม่รู้ว่าคำแนะที่ข้าได้ให้ท่านเมื่อคราวก่อนท่านมีความคิดเห็นอย่างไร? ขอแค่เราสองคนร่วมมือกัน ก็สามารถได้ในสิ่งที่พวกเราต้องการ โอกาสดีๆแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆนะ” จิ่นชื่อนำสร้อยไข่มุกที่เล่นอยู่ในมือ สีหน้ามีความหนักแน่น

คิดถึงบทสนทนาของครั้งที่แล้ว ไม่สวยเท่าไหร่ ตอนนั้นเย่เซียวหลัวปลอมตัวแต่งกายเป็นชายออกมาจากตำหนักอ๋องหมิง ตอนที่เจอจิ่นชื่อนั้นนางมีสีหน้าอมทุกข์ ทั้งสองถึงกับใจตรงกัน แต่ว่าทั้งสองความคิดไม่เหมือนกัน จึงทำให้มีปากเสียงกันบ้าง

ครั้งนี้ จิ่นชื่อพานางเข้ามาในยองเชียงโหลว ก็คงหนีไม่พ้นจะคุยข้อตกลงกับนาง

“แม่นางจิ่นชื่อ ข้ารู้ว่าจุดมุ่งหมายของเราเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ว่าเรื่องนี้ต้องรอข้าคิดหลายวัน” เย่เซียวหลัวจิบน้ำขึ้นดื่ม

“หากเป็นอย่างนี้ต่อไป โอกาสที่จะทำอะไรก็จะไม่ง่ายแล้วนะ ตอนนี้ถือเป็นโอกาสอันดี จิ่งเฉิงกำลังวุ่นวาย.....” จิ่นชื่อกระซิบข้างหูตอนคุยกับนาง

เย่เซียวสีหน้าตกตะลึง ไม่รู้ว่าเรื่องที่นางพูดหมายความว่าไง ยังอยากจะถามนางอีก แต่ว่าก็มีเสียงลอดมาจากประตูข้างนอก “จิ่นชื่อ ข้ายกน้ำชามาให้พวกเจ้า ข้าเข้ามาแล้วนะ”

พอพูดจบ ประตูก็ถูกผลักออก ม่าร่างอ้วนกลมปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสอง ในมือของนางยกถาดน้ำชาอยู่ ด้านบนมีแก้วจิบน้ำชาลายสลักสวยงาม ยังมีไปร้อนโพยพุ่งขึ้นมา

“พูดจนเหนื่อยแล้วล่ะสิ? มาดื่มซุปข้าวโพดก่อน ข้าเข้าครัวทำมาเพื่อเจ้าสองคนเลยนะ เพียงหนึ่งชุด

คนอื่นอยากกินยังไม่มีเลย” แม่นมยกถ้วยลายสลักวางบนโต๊ะ ยิ้มจนตาหยีประจบเย่เซียวหลัว ไม่รู้ว่านางชอบกินอะไร ก็เลยยกเข้ามาทั้งสองอย่าง

น่าเสียดาย เย่เซียวหลัวไม่แม้แต่ขะมองก็ลุกยืนขึ้นเตรียมเดินออกไป ตอนนี้กำลังจะไป เท้าก็หยุดก้าวลง ถามยังไม่หันหลังกลับ “หากมีอะไรต้องการ ก็มาหาข้า”

ประตูถูกผลักออก ร่างบางผิวสีเหลืองอ่อนเดินออกไปจากประตู เหลือไว้เพียงแค่ลมเย็นที่พัดมาจากด้านนอก

“จิ่นชื่อ เจ้าว่าทำไมนางออกไปเร็วขนาดนั้นล่ะ? หรือข้าพูดอะไรผิดไป?” แม่นมนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างเปล่าพูดเองเออเอง

“ไม่ใช่ ซุปข้าวโพดหวาน? ทำไมถึงหวานอย่างนี้?” จิ่นชื่อเบิกตากว้างขึ้น เหมือนจะพูดเองเออเอง ยื่นมือไปหยิบจับช้อนตักน้ำซุปขึ้น รสชาติความหวานค่อยๆเพิ่มขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก