ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 200

ตอนที่ 200 ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ

ความสุขของการได้พบกันใหม่ทำให้ทั้งสองรู้สึกดีใจมาก หมิงซีก็รู้สึกเหมือนได้ถูกปลอบใจ ยังไงชิวโม่ไป๋ก็คือท่านอาจารย์ของตน หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงญาติของตนเอง ตอนนี้สามารถเห็นได้จริงๆ เขาก็รู้สึกดีใจ

“ท่านอาจารย์ขอรับ ข้าไปผัดผักผัดมาสักสองอย่าง พวกเจ้าตาหลานดื่มด้วยกันสักแก้วดีๆ” หมิงซีผูกผ้ากันเปื้อนที่อยู่ข้างๆแล้วเดินไปทางห้องครัว

“หวินหลาน หลายปีที่ผ่านมาตาไม่ได้ตามหาหนู หนูโกรธตาแล้วใช่ไหม? จริงๆข้าก็อยากจะไปเยี่ยมหนู และแม่ของหนู แต่ว่าถ้าไม่หน้าด้านพอ!”ชิวโม่ไป๋พูดความในใจของตนเองออกมาเป็นครั้งแรก หลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยกล้าที่จะเผชิญกับเรื่องนี้เลย

ในความจำของตนเองไม่มีคำว่าตาอยู่ หรืออาจเป็นเพราะว่าห่างเหินมากเกินไป ตอนนี้รู้แล้วแต่ไม่ค่อยซาบซึ้งอะไรสักเท่าไหร่ แค่รู้สึกในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยคนอื่นได้หาญาติเจอ ก็เป็นสิ่งที่ปลอบโยนจิตใจนาง

ท่านแม่ไม่เคยโทษท่านตาเลย ท่านชอบบอกว่าบิดาของท่านเป็นคนที่เก่งที่สุด จนถึงวันที่ท่านจากไป ท่านก็ไม่เคยลืมท่านตาเลย” แค่ท่านไม่เคยพูดถึงท่านตาต่อหน้าข้า คำพูดพวกนี้เอมมิกาไม่ได้พูด

ชิวโม่ไป๋ก็รู้สึกมีความสุขมากๆ ครั้งแรกที่ได้ยินลูกสาวของตนเองยกย่องตนเองต่อหน้าคนอื่น ทุกครั้งที่นึกถึง ในใจก็จะมีความรู้สึกที่แสนจะมีความสุข

“มั่นเอ๋อพูดเยี่ยงนี้จริงๆหรือ? นางพูดจริงๆหรือว่าข้าเป็นท่านพ่อที่เก่งที่สุดในโลกนี้ แต่ว่า……ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นพ่อที่แย่ที่สุดในโลก ไม่เพียงแต่ไม่สนับสนุนนาง อีกอย่างไม่เคยเจอหน้านางด้วยซ้ำจนกว่านางจะจากไป……”

ชิวโม่ไป๋รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตนเอง เขาถือแก้วเหล้าขึ้น ดื่มแล้วดื่มอีก

พอเห็นชิวโม่ไป๋รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น โล่หวินหลานรู้สึกเสียใจที่พูดคำพูดพวกนั้นออกไป ไม่มีอะไรทรมานกว่าการพูดถึงเรื่องเดิมๆที่เจ็บปวด

“ใช่ ท่านตา พวกข้าจะไม่พูดอะไรเยอะไปกว่านี้ ความแค้นของแม่ข้าได้แก้ไปแล้ว คนที่เคยทำร้ายแม่ข้าก็ตายไปหมดแล้ว “โล่หวินหลานพูดถึงเรื่องนี้ นางทำตาเล็กลง แค่เห็นคนตระกูลถูกประหารชีวิต ณ ตอนนั้น นางก็รู้สึกสะใจเบาๆ

ชิวโม่ไป๋เปล่งตาให้ดูโตขึ้น และค่อยๆวางแก้วเหล้าลง และพูดขึ้น “คนแบบไหนทำร้ายมั่นเอ๋อ?”

โล่หวินหลานทำเสียงเย็นชาและเลือดเย็นขึ้น “ก็คือคนตระกูลโล่นี่แหละ ตั้งแต่ที่แต่งเข้าไป แม่ข้าก็ไม่มีวันไหนได้ใช้ชีวิตดีๆเลย ตอนนี้คนตระกูลโล่ได้ตายกันไปหมดล่ะ ท่านแม่ที่อยู่บนฟ้าก็คงจะอยู่อย่างสงบขึ้น”

คิดดูแล้วแต่งงานกับตระกูลโล่คงไม่มีชีวิตที่ดีจริงๆ เพราะมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ ตำแหน่งอำนาจสูง กฎและพิธีกรรมต่างๆที่ต้องระวังก็มีเยอะมาก และรวมไปพระชายาที่เขามีหลายๆคน ผู้หญิงยังไงก็ต้องมีวันที่แก่ลง ทำเยี่ยงไรจึงจะเป็นที่โปรดปรานตลอดไป

“อย่าพูดถึงแต่ท่านแม่เลย พูดเกี่ยวกับตัวหนูบ้าง หนูก็คือพระยาชาหมิงอ๋องโล่หวินหลานหรือ?” ชิวโม่ไป๋รู้สึกน่าทึ่งที่เห็นคนตรงหน้า ทำให้คาดคิดไม่ถึงจริงๆ

โล่หวินหลานพยักหน้า และพูดขึ้นอย่างไม่สนใจใดๆ “ข้าคือหวินหลาน เรื่องมันคาดคิดไม่ถึงจริงๆ ท่านตาเคยได้ยินที่พระชายาหมิงอ๋องถูกไฟไหม้ตายที่บ้านหญ้าคาไหม?”

ชิวโม่ไป๋พยักหน้าไม่หยุด “เคยได้ยิน เจ้ารอดออกมายังไงได้เยี่ยงไร? ตอนนั้นข้าเคยแอบเห็นเจ้า หน้าตาเจ้าไม่เหมือนตอนนี้เลย”

“เป็นสิ่งที่ข้ากำลังจะพูด นั่นคือโล่หวินหลาน ถ้าที่อยู่ในร่างนี้ถึงจะเป็นร่างจริงๆของข้า อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมวิญญาณของข้าถึงได้ไปมาระหว่างสองร่างนี้ ร่างนั้นตายไปแล้ว ข้าก็มาอยู่อีกร่างหนึ่ง”โล่หวินหลานตบมือตัวเองเบาๆ เสียงจานมองไว้บนโต๊ะดังขึ้น พอเงยหน้า เห็นหมิงซีทำหน้าตาไม่พอใจแล้วยืนอยู่ต่อหน้านาง

“เจ้าคิดว่าพวกข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าหรือ? หน้าตาของเจ้ากับโล่หวินหลานไม่เหมือนกันเลย แค่คำพูดไม่กี่คำของเจ้าก็คิดจะหลอกลวงท่านอาจารย์ แต่ข้าไม่เชื่อหรอก” หมิงซีพูดถึงอย่างไม่เป็นมิตร ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ยังดีๆอยู่เลย ตอนนี้กลับเปลี่ยนสีหน้า

พูดถึงความไม่เป็นมิตรของเขา โล่หวินหลานไม่อยากพูดเยอะอีกต่อไป สายตาของนางมองเฉียงใส่เขาอย่างเย็นชา ไม่ใช่สีหน้าที่เป็นมิตรตั้งแต่แรก ทั้งสองยังคงทำสีหน้าไม่ดี

“หมิงซีอย่าพูดอะไรเรื่อยเปื่อย ข้าเชื่อหวินหลาน ในใจของข้าก็คิดไว้เยี่ยงนี้ ตำราที่ข้าทำมามีแค่มั่นเอ๋อเห็น” สายตาของชิวโม่ไป๋มองไปแก้วเหล้าที่อยู่บนโต๊ะ มีดขึ้นด้วยความโมโห

“อย่าพูดอีกเลย หวินหลาน งั้นเจ้ากับหมิงอ๋องมีความสัมพันธ์เยี่ยงไรบ้าง? เจ้าชายของราชวงศ์ไม่มีคนไหนดีหรอก ถ้าไม่ดี เจ้าก็ไม่ต้องกลับไป อยู่ที่นี่อยู่กับตานะ” ชิวโม่ไป๋ไม่มีอะไรจะพูดกับหมิงซีและรู้สึกเสียใจมากๆ

โล่หวินหลานก็ไม่คิดจะไปสนใจคำพูดของหมิงซีไม่ใช่เขาจะพูดอะไรก็ตาม

“เขาดีต่อข้ามาก ข้าอยากอยู่ที่นี่ไปสักพักแล้วค่อยไปหาเขา แต่ว่าหน้าตาข้าตอนนี้ ไม่เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป ไม่รู้ว่าเขาจะยังจำได้ไหม” เสียงของโล่หวินหลานค่อยๆต่ำลงเรื่อยๆ นี่แหละคือปัญหาที่นางกังวลทุกคืน

พูดถึงเรื่องนี้ ชิวโม่ไป๋ตบโต๊ะเบาๆ พูดด้วยความโมโห “นี่นั่น ถ้ามันดีต่อเจ้าก็ดี ถ้าไม่ดีต่อเจ้า ข้าจะฉีดเนื้อนางไม่เหลือแม้แต่ซาก

ที่แท้ก็เป็นคนนี้เป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือด มีคนโปรดปราน เป็นคนที่คอยหนุนหลังเจ้าตลอด นี่แหละคือความอ่อนโยน เสียสละ

”ไม่หรอก เขาดีกับข้ามากๆ” แค่โล่หวินหลานคิดถึงโม่ฉีหมิง ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

ถึงแม้บางครั้งทำดูบ้าอำนาจ และชอบคาดหวังในตัวนาง แต่เขาพูดอะไรไม่เคยคืนคำพูด ความรักที่เขามอบให้กับนางไม่เคยเปลี่ยนแปลง นางจะไม่ลืมความรู้สึกเยี่ยงนั้นตลาดไป ความรู้สึกที่อบอุ่นมาก

แต่อีกไม่นาน เขาก็คงไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ในหัว หันหลังเดินกลับไปดื่มเหล้าต่อ เขาฝึกวิชากับชิวโม่ไป๋ตั้งแต่เด็ก ยังไงก็เคยดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเขาเป็นบางครั้ง ตอนสุดท้ายเขายังฝึกฝนเป็นคนคอแข็งขึ้นมา

เขาดื่มเหล้าคำแล้วคำเล่า ชิวโม่ไป๋ที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้พูดอะไร กำลังชมทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยหิมะข้างนอกและนั่งลงอีกครั้ง ทั้งสามพูดคุยกันอย่างมีความสุข

บางคนก็สุขบางคนก็ทุกข์ หิมะของจิงเฉิงได้หยุดลงแล้ว ไม่เหมือนที่อยู่บนเทือกเขา หิมะของเมืองหลวงทั้งหนักทั้งน่ากลัว แต่บนผืนป่าแห่งนี้กลับเบาบางและอ่อนโยน

ตำหนักหมิงอ๋องมีเสาสูงๆอยู่ข้างๆ คนที่สวมใส่เสื้อคลุมสีดำยืนอยู่นั้น เรือนร่างที่สูงใหญ่ของโม่ฉีหมิง ทุกวันตอนกลางคืนเขาจะออกมา เขานึกถึงตอนนี้เขากับนางอยู่ด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหิมะ

วันนี้ เป็นวันนี้เริ่มต้นฤดูหนาวครั้งที่ 2 จริงๆครั้งนี้อยากจะให้โล่หวินหลานสวมใส่เสื้อคลุมที่ทำจากขนสุนัขจิ้งจอก......

“ท่านอ๋องเจ้าค่ะ..... ข้างนอกลมพัดแรง เชิญท่านเข้าไปในห้องเถอะ ช่วงนี้บ่าวได้ยินมีคนไม่สบายขึ้นบ่อย......” มีบ่าวตัวเล็กๆน่ารักๆคนหนึ่ง น้ำเสียงอันใสๆของนางกำลังเดินเข้าไปใกล้ท่านอ๋อง แต่ยังไม่ทันได้เดินไปถึงศาลา เสียงของโม่ฉีหมิงทำให้นางกลัว

“ไสหัวไป! ใครให้เจ้ามานี่?” เสียงโม่ฉีหมิงดุร้ายมาก และเข้มมาก

บ่าวคนนั้นกลัวเสียงของเขาจนต้องเดินถอยหลังไป น้ำตาของนางไหลรินออกมา ลำตัวสั่น ดูว่าคราวนี้น่าจะไม่มีความหวังแล้ว เลยถอยหลังออกไป

“เดี๋ยว” จู่ๆโม่ฉีหมิงก็ถามขึ้น “เจ้าเป็นบ่าวรับใช้ที่ใด? นามเจ้าคืออะไร?”

สายตาของบ่าวคนนั้นเปล่งประกายขึ้นมาทันที เลยรีบเงยหน้าขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ครั้งนี้มีความหวัง? ท่านอ๋องถามชื่อตนเอง นางจะถูกรักใคร่โปรดปรานจริงหรือไม่?”

นางตื่นเต้นจนรีบตอบกลับไป “ข้าน้อยมีนามว่าหยู้ชัว เป็นบ่าวทำความสะอาดอยู่ตำหนักทิศเหนือเจ้าคะ!”

“ดี วันรุ่งขึ้นเจ้าไปรับเงินตะลึง แล้วอย่าอยู่ในตำหนักอีก” โม่ฉีหมิงพูดขึ้นอย่างเลือดเย็น คำสั่งที่ทรงคำสั่งลอยไปกับลม เหลือแค่เพียงร่างที่ดูหยิ่งและดูเข้มงวด

ทำไมถึงเป็นเยี่ยงนี้?หลังจากที่พระชายาจากไป เขาก็ไม่เคยข้องเกี่ยวกับหญิงอื่นใด นางยังนึกว่าตนเองจะได้รับ......ที่แท้ก็เป็นแค่เรื่องที่ตนเองกำลังเพ้อฝัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก