ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 207

ตอนที่ 207 ลงเขาไปสังเกตการณ์

แสงอาทิตย์ในยามเช้าอ่อนๆนั้นแทบทำให้คนมองไม่เห็น แสงอ่อนๆนั้นส่องมาจากทางตะวันออก สาดเข้ามาทั้งบ้านและป่าเขา เป็นแสงทอประกาย

โล่หวินหลานเดินออกมาจากบ้านต้อนรับแสงอาทิตย์แรกยามเช้า แต่ไม่คิดว่าจะเจอโม่ชิวไป๋และหมิงซีที่กำลังเก็บของ เตรียมตัวลงเขาอยู่

“เสี่ยวฮัว เธอออกมาแล้วหรอ” ชิวโม่ไป๋วางของของหมิงซีลง แล้วเดินไปหาโล่หวินหลาน “หมิงวีไปครั้งนี้ ประมาณ 2 วัน นอกจากจะช่วยเธอหาข่าวคราวเรื่องของหมิงอ๋องแล้ว ยังไปทำธุระให้ข้าอีกเรื่อง หลังจากสองก็กลับมา”

เขาหมายความว่าไม่ต้องให้โล่หวินหลานรีบร้อนไป เรื่องที่ควรจะทำก็จะจัดการให้เรียบร้อย

“ข้ารู้แล้ว ท่านตา ทางเดินลงเขานี่ต้องเดินนานเท่าไหร่กัน?” ครั้งก่อนที่โล่หวินหลานนั่งอยู่บนหลังคากับหมิงซี ก็ไม่เห็นทางเดินลงเขา นอกเสียจากที่นี่เป็นยอดเขา?

โม่ชิวไป๋ลูบเคราเบาๆ แล้วพูดขึ้น “จากนี่ลงไปใช้เวลาประมาณครึ่งวัน จากตีนเขาเข้าเมืองก็ใช้เวลาไม่มากนัก ค่อนข้างเร็วอยู่”

บนโต๊ะในบริเวณบ้านนั้นมีสมุนไพรวางเรียงรายอยู่ หมิงซีรีบรวมพวกมันเอาไว้ด้วยกัน ท่าทางคล่องแคล่วชำนาญ ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นคนที่ทำจนชินแล้ว

“สมุนไพรพวกนี้นำไปขายที่ด้านล่างหรือ?” โล่หวินหลานมองดูกองสมุนไพรเป็นมัดๆนั้น แล้วถามขึ้น

โม่ชิวไป๋พยักหน้า “สมุนไพรพวกนี้ข้าเก็บมาจากบนเขา แล้วนำมาตากแห้ง แค่นำไปใส่ในตัวยาก็สามารถนำไปขายให้คนอื่นได้แล้ว พอได้เงินแล้ว ก็นำไปซื้อเหล้า ฟืน ข้าว น้ำมัน และเกลือขึ้นมา” พูดจบเขาก็กวาดตามองไปที่โล่หวินหลาน แล้วพูดขึ้นอีก “ดุความจำสิ หวินหลาน รีบบอกขนาดเสื้อผ้ากับหมิงซีไป ข้าจะให้เขาซื้อขึ้นมาให้สักสองชุด ชุดที่เธอใส่อยู่เป็นชุดที่หมิงซีใส่ตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว ใส่ชุดเขาก็คงจะไม่ดีนัก”

หมิงซีที่ก้มหน้าก้มตาเก็บของอยู่นั้น เมื่อถึงตอนนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองโล่หวินหลาน แล้วเม้มปากแน่น “เท่าไหร่”

เสื้อผ้าถึงแม้ว่ามันจะเก่า แต่มันก็ยังไม่ขาด ที่สำคัญคือกันหนาวได้ก็พอแล้ว ตอนอยู่ที่เรือนหมิงอ๋อง เธอก็ไม่ค่อยได้สนใจของพวกนี้อยู่แล้ว ทุกๆเดือนก็จะมีช่างผ้ามามองชุดแก่เธอ จนมาที่นี่ ก็มีแค่สองชุดนี้สลับกันใส่ไป

ไม่ต้องหรอก แนพอแล้ว ซื้อเหล้ามาให้ท่านตาสองขวดดีกว่า” โล่หวินหลานโบกมือปฏิเสธ

ชิวโม่ไป๋ถอนหายใจ “เจ้าเด็กนี่ ตามีเหล้าแล้ว ถ้าเจ้าไม่บอก ข้าก็จะให้หมิงซีซื้อขึ้นมามั่วๆ ยังไงขนาดตัวของเด็กผู้หญิงก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ก็ตัดตามขนาดตัวมั่นเอ๋อตอนเด็กแล้วกัน”

พูดจบ เขาก็คำนวณขนาดแล้วบอกกับหมิงซีไป หมิงซีจำมันด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาห่อถุงผ้าเรียบร้อยแล้วจึงเดินลงเขาไป

ไม่คิดว่าชิวโม่ไป๋ยังจำขนาดตัวของลูกสาวเขาได้แม่น หรืออาจจะลืมไม่ได้อีกในชีวิตนี้

“ดูแลท่านอาจารย์ดีๆล่ะ” หมิงซีมองโล่หวินหลานอีกครั้ง แล้วเดินลงเขาไป

เขาเดินกระฉับกระเฉงลงไป ผ่านไปเพียงแปบเดียว ร่างของเขาก็หายไปในหิมะ มองไม่เห็น

“เจ้าหมิงซีไปแล้ว ข้าก็สงบได้พักหนึ่งแล้ว” ชิวโม่ไป๋นั่งพิงพนักเก้าอี้ด้านหลัง แล้วหลับตาลง

มองดูชิวโม่ไป๋นั่งพักผ่อนพิงกับเก้าอี้ แต่โล่หวินหลานรู้สึกว่าเธออยู่กับหมิงซีรู้สึกดีกว่า ไม่รู้สึกเอื่อยๆแบบนี้

“หมิงซีเขาวุ่นวายมากเลยเหรอ?” โล่หวินหลานรู้สึกว่าเวลาตัวเองอยู่กับเขาตามลำพัง ก็จะเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

โม่ชิวไป๋ตอบกลับทั้งที่ยังหลับตา “วุ่นวายมาก”

หิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ชิวโม่ไป่ที่นอนอยู่ที่ชานเรือนรู้สึกหนาว จึงกระชับผ้าคลุมแน่น ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น หลับตาลง แล้วฝันถึงเรื่องในอดีตจนไม่สามารถตื่นขึ้นมา

เก็บของที่พังแล้วที่อยู่บนโต๊ะ โล่หวินหลานกระชับผ้าคลุมแน่น แล้วถือกรงของหมาป่าทั้งสองตัวเข้าบ้านไป พวกมันอ้วนขึ้นตั้งเยอะแล้ว ราวกับเป็นลูกโป่งที่ถูกเป่าขึ้นมา

เธอเล่นกับหมาป่าอยู่สักพักก็รู้สึกเบื่อมาก ในหัวคิดแต่เรื่องเวลา คิดว่าหลังจากที่หมิงซีลงไปจะได้ยินอะไรมาบ้าง เธอคิดวนไปมาในหัว จนสุดท้ายก็ทิ้งหมาป่าไว้ในบ้านแล้ววิ่งไปสูดอากาศที่หลังเขา

ด้านหลังเขาเงียบสงบมาก ที่นี่เป็นป่าลึกป่าโบราณ มีคนเข้าออกน้อย บรรยากาศรอบๆเงียบสงัด มีเพียงเสียงของลมหิมะ ที่ทำให้ดังแทรกเข้ามาในหู

เหยียดเอวบิดขี้เกียจ เริ่มตกเย็นแล้ว ริมขอบฟ้าเริ่มจะเป็นสีน้ำเงิน แล้วความมืดค่อยๆคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้คนรู้สึกอึดอัด

“อย่าขยับ ยกมือขึ้น” ทันใดนั้นมีเสียงแหบพร่าดังขึ้นจากด้านหลัง แล้วมีของที่รู้สึกเหมือนจะเป็นมีดจ่ออยู่ที่ต้นคอของโล่หวินหลาน ทะลุผ่านผ้าคลุมเข้ามาสัมผัสที่ผิวเธอโดยตรง

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอไม่ได้พกยาพิษมาป้องกันตัว การถูกคนมาจี้บังคับแบบนี้ดูไม่ใช่เธอเลย แต่ยังไงก็ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่านี้ เธอจึงยกมือขึ้นตามที่ถูกสั่ง

“พวกแกเป็นคนจากไหน? พวกเราไม่มีความแค้นต่อกันหรอกใช่ไหม?” โล่หวินหลานพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ

“ด้านหลังเขา ไม่รู้ว่าเขาโผล่มาจากไหน อยากจะลงเขาไปเมืองหลวง ดูท่าทางของเขา ไม่น่าเป็นชาวโม่ฉี” โล่หวินหลานค้นหาในตัวเขาเผื่อจะรู้ว่ามาจากไหน แต่ก็ไม่พบ

“ผู้ที่รู้ว่าทางนี้เข้าเมืองหลวงได้นั้นมีแต่แคว้นเพื่อนบ้าน ดูจากการแต่งตัวของเขาแล้วน่าจะมาจากแคว้นเซิ่งโจว ไม่น่าผิด” ชิวโม่ไป๋พูด

“หรือว่าพวกเราจะมีศึกกับแคว้นเซิ่งโจวจริงๆ? เตรียมตัวมาตั้งนาน เซิ่งไม่น่าถอยกลับไปได้แล้ว” โล่หวินหลานยกมุมปากขึ้น มองดูคนจากแคว้นเซิ่งโจวที่ถูกผูกติดอยู่กับเสาหิน ชายผู้นี้น่าจะเป็นแค่ผู้มาสำรวจเท่านั้น

“แคว้นเวิ่งโจวคิดว่าตัวเองนั้นเก่งกาจ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ พวกเขาแค่ส่งทหารนายหนึ่งมาสอดแนมเท่านั้นเอง” ชิวโม่ไป๋ลูบเครา แล้วกล่าวอย่างลึกซึ้ง

เมื่อพูดจบ เขาก็ยื่นมือไปดึงเข็มสองเล่มนั้นออกมาจากท้ายทอยของชายผู้นั้น หลังจากที่ดึงเข็มออกมาแล้วนั้น ผ่านไปประมาณ 3-5 นาที ชายผู้นั้นก็ตื่นขึ้นมา

ดูท่าที่นี่น่าจะเป็นเขตติดต่อกันระหว่างแคว้นเซิ่งโจวกับแคว้นโม่ฉี แค่เดินผ่านเทือกเขานี้ไป ก็จะสามารถลงเขาไปได้อย่างปลอดภัย แต่ว่าถ้าให้คนพวกนี้ออกไป เมืองหลวงนี้ก็คงจะเละไม่เป็นท่า

“พวกเราต้องสอบสวนชายคนนี้ให้ดี เพื่อเป็นการไม่ให้ทหารจากแคว้นเซิ่งโจวปีนเข้ามา” โล่หวินหลานจิบชาไปหนึ่งอึก รอให้ชายผู้นั้นค่อยๆตื่นขึ้นมา

อากาศค่อยๆหนาวเย็นลง แสงที่ส่องผ่าหมู่ไม้ก็ค่อยๆคล้อยต่ำลง มีเพียงแสงสลัวที่ส่องผ่านแมกไม้มา ทำให้รู้สึกอบอุ่นมาก

“โฮก” มีเสียงอ้วกดังมาจากกลางบ้าน ตามด้วยเสียงของมือทั้งสองที่ค้ำอยู่กับพื้น เสียงที่เขาพยายามจะยืนขึ้นมา เสียงที่สองนั้นดังชัดเจนมาก แต่รสชาตินั้นไม่เหมือนกัน

“นายตื่นแล้วเหรอ? รู้สึกมึนหัวมากเลยสินะ? ขาอ่อนแรง? ไม่มีแรงไปทั้งตัว?” โล่หวินหลานยิ้มแล้วถามชายที่อยู่ตรงหน้า

“เธอ เธอทำอะไรข้าเนี่ย? รีบปล่อยข้านะ เธอรู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?” ชายผู้นั้นคลุ้มคลั่งจนกระแทกโต๊ะไปหมด ถึงแม้ว่ามือเขาจะถูกมัดเอาไว้ แต่หัวไว เขาใช้หัวกระแทกดันโต๊ะออก

“ข้ายังไม่ได้ทำอะไรนายเลย นายก็กลัวจนขนาดนี้แล้วเหรอ? นายคิดว่าจะมีชีวิตอีกสักวเท่าไหร่กันเชียว? เกรงว่าจะถูกลอบฆ่าเสียก่อนสิ” โล่หวินหลานถอนหายใจแล้วมองชายผู้นั้นด้วยความสงสาร

“ออกไป ออกไป ถ้ารู้เรื่องล่ะก็ปล่อยข้าไปนะ...”ในขณะที่ชายผู้นั้นกำลังร้องตะโกน ก็มีเสียงของชิวโม่ไป๋ดังขึ้นจากด้านหลัง

“เสี่ยวฮัว หลบหน่อยข้าจะดูว่ายาเจ็บแสบที่ข้าคิดค้นมาใหม่มันออกฤทธิ์ยังไง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก