ตอนที่ 211ไม่ยอมเข้าใกล้
“หลีกไป หลีกไป อย่าขวางทาง” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ไม่ต้องตั้งใจฟังมากก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร
เหล่านางกำนัลชินแล้ว ต่างก้มหน้ายืนหลบอยู่ตรงกำแพง
เย่เซียวหลัวค่อยเดินซอยเท้า กำลังจะยื่นมือไปจับมือของคนๆนั้น เงาของเขามาเลยตัวของนางไปมากแล้ว
“ฉีหาน” เย่เซียวหลัวพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
นางเดินซอยเท้าตามเขามา
คนด้านหน้าตัวแข็งไป เขาหันหลังมามองนาง สายตาของเขาเยือกเย็น “ข้าเคยบอกแล้วไง อย่าเรียกชื่อข้า เจ้าจำไม่ได้หรือไง?”
น้ำเสียงของเวินอ๋องเย็นชา ไร้ความรู้สึกมาก
หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน เขาก็เปลี่ยนไป หากไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่นต้องทำเป็นใกล้ชิดกัน ด้วยนิสัยของเขา ไม่มีทางพูดกับนางเลยแม้แต่คำเดียว
เย่เซียวหลัวหมกมุ่นอยู่กับความสุขที่ได้แต่งงานกับเขา แต่ก็มีแต่อันตรายรอบด้าน
“เวินอ๋อง เสด็จแม่ยังรอเราอยู่ด้านในนะ เราต้องรีบเข้าไป” เย่เซียวหลัวเรียกอย่างสนิทสนม
เวินอ๋องถึงได้เดินเข้าไปในตำหนักพระสนมพร้อมกับนาง ด้านในมีกลิ่นของดอกมะลิอ่อนๆ นี่เป็นของที่เย่เซียวหลัวเอามาถวายให้กับตัวนกุ้ยเฟยตอนที่ไปท่องเที่ยว ต้วนกุ้ยเฟยชอบมาก
“พวกเจ้ามากันแล้วหรอ รีบลุกขึ้นมา ที่นี่ไม่มีคนอื่นไม่ต้องมากพิธีหรอก หลัวเอ๋อ ร่างกายของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?” ต้วนกุ้ยเฟยเดินเข้าไปพยุงนาง นางดูเอ็นดูเย่เซียวหลัวมาก
“เสด็จแม่ หม่อมฉันควรจะถามพระองค์มากกว่า ช่วงนี้พระองค์ทรงทานยาตรงเวลาอยู่หรือไม่เพคะ?” ที่เย่เซียวหลัวถามด้วยความเคารพ
“สุขภาพของข้าก็แบบนี้แหละ อายุมากแล้ว ร่างกายก็โรยราไปตามกาลเวลา พวกเจ้าก็รีบหน่อย มีหลานอ้วนๆสักคนให้ข้าได้อุ้มไวๆนะ” ต้วนกุ้ยเฟยยิ้มอย่างมีความสุข ยิ้มจนตีนกาเห็นเด่นชัด ความงามสู้กาลเวลาไม่ได้จริงๆ
“เสด็จแม่ หม่อมฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ ขอตัวกลับก่อน” เวินอ๋องสีหน้าเย็นชา ได้ยินคำพูดของนางแล้วไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่คิดอยากจะกลับไป เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ขอแค่เจอหัวข้อนี้ เขาก็ไม่อยากพูดอะไรต่อไป
ทุกครั้งที่เขาเป็นแบบนี้ ต้วนกุ้ยเฟยหน้านิ่งลง แล้วพูดว่า “หยุดนะ เวินอ๋อง เป็นเพราะข้าตามใจเจ้ามากเกินไปใช่ไหม ทุกครั้งที่ข้าพูดเรื่องนี้เจ้าถึงได้ต้องหนีตลอด เจ้ากับหลัวเอ๋อแต่งงานกันปีหนึ่งแล้วนะ ทำไมถึงได้ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย?”
เย่เซียวหลัวที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นเวินอ๋องไม่พูดอะไร นางมองไปที่ต้วนกุ้ยเฟยด้วยน้ำตา แล้วพูดว่า “เสด็จแม่ มันไม่ใช่ความผิดของเวินอ๋องหรอกเพคะ เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง จะโทษก็โทษที่หม่อมฉันกับเวินอ๋องไม่มีวาสนา เขาไม่ชอบหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ไม่มีเหตุผลจะไปบังคับเขา”
เสียงสะอื้นของหญิงสาว กับลมที่พัดผ่านมาไม่หยุด ต้วนกุ้ยเฟยเหมือนจะฟังอะไรบางอย่างออกมา นางถามด้วยความคิดไม่ถึง “หลัวเอ๋อ เจ้าพูดอะไร? อย่าบอกนะว่า ...... เจ้ากับเวินอ๋องยังไม่เคย ......”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เย่เซียวหลัวพยักหน้า ทั้งสองมองหน้ากัน ต้วนกุ้ยเฟยตกใจ แล้วล้มลงนั่งลงกับเก้าอี้ไป
“ข้าว่าแล้ว มิน่า ....... เวินอ๋อง เจ้าเป็นอะไรไป? ให้หมอหลวงไปตรวจไหม?” ต้วนกุ้ยเฟยคิดตื้นมาก ไม่ว่ายังไง นางก็นึกเหตุผลอื่นไม่ออก
เวินอ๋องสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาของเขาจ้องไปที่เย่เซียวหลัว แล้วพูดว่า “เย่เซียวหลัว เจ้าสร้างเรื่องพอหรือยัง? ข้าจะกลับแล้ว เจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อไปก็แล้วกัน”
เมื่อมองเขาจากไป ในใจของเย่เซียวหลัวก็รู้สึกสับสนไม่สบายใจ พวกเขาแต่งงานกันมาหนึ่งปีแล้ว นางไม่เคยอยากยอมรับความจริงข้อนี้เลย หนึ่งปีแล้วพวกเขายังคงห่างเหินกันได้ขนาดนี้เลยหรอ?
ต่อให้โล่หวินหลานไม่อยู่แล้ว ในใจของเขาก็ยังคงไม่มีที่ว่างให้ใครอยู่ดี
“พระชายา หิมะตกหนักมาก ท่านเข้าไปข้างในดีกว่า” สาวใช้คนหนึ่งยืนอยู่ตรงหิมะ แล้วเตือน
“ออกไป” เย่เซียวหลัวพูด สายตาจ้องไปที่สาวใช้ราวกับเข็มแหลม
สาวใช้ตกใจ หดตัว ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง แล้วค่อยๆถอยออกไป
ภายในวังหลวงเงียบสงบไร้เสียง มีแค่ขันทีไม่กี่คนที่มากวาดหิมะบ้าง ไม่รู้นานแค่ไหนแต่ตอนนี้เย็นแล้ว เวินอ๋องเดินออกมาจากประตูหนานเหมิน ด้านหน้ามีเงาของคนๆหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์สุดท้าย
เวินอ๋องชะงัก แต่ก็ยังเดินเฉียดบ่าเขาไป แต่ว่าคนๆนั้นยื่นมือมาจับไหล่ของเขาเอาไว้ เขาใช้แรงค่อนข้างมาก
“ปล่อยมือ” เวินอ๋องเหลือบไปมองมือที่จับไหล่เขา
“เท่าที่ข้ารู้ เวินอ๋องเจ้ายังไม่เคยแตะต้องเย่เซียวหลัวเลยใช่ไหม?” โม่ฉีหมิงปล่อยมือ สีหน้าของเขาเรียบเฉย
เมื่อได้ยินดังนั้น เวินอ๋องก็ขมวดคิ้ว สายตาของเขาคมคายราวกับสายตาเหยี่ยวจ้องไปที่โม่ฉีหมิง สายตาของเขาดูน่ากลัวมาก เขาพูดว่า “เจ้าแอบส่งคนตามข้าหรอ?”
โม่ฉีหมิงยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “ต้องให้ข้าส่งคนตามดูเจ้าด้วยหรอ? ปีหนึ่งแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเลย หากไม่ใช่ว่าเจ้ามีปัญหา ก็แสดงว่าเจ้าตั้งใจ”
เงาของทั้งสองสูงพอกันยืนอยู่ท่ามกลางหิมะที่ประตูหนานเหมิน บรรยากาศของพวกเขาทั้งคู่ มันเหมือนคมดาบสองเล่มกำลังฟาดฟันกันอยู่
“เขากวางนี่ยังมีเลือดอยู่เลย?” โล่หวินหลานมองเขากวางที่อยู่ในมือ เมื่อวางมันลงถึงได้รู้ว่ามันเปื้อนเลือด
นางคิด จริงๆแล้วเขากวางเป็นของที่ดูแลจัดการง่ายที่สุด เขากวางนี่มันสดมาก เปรียบดังของล้ำค่า หากไม่เอาไปขาย เก็บไว้ให้ชิวโม่ไป๋บำรุงร่างกายมันก็น่าเสียดายเกินไป
“ต้องเอาเขากวางไปล้าในน้ำเย็นให้สะอาด แล้วหั่นเป็นแผ่น จากนั้นค่อยเก็บเอาไว้ในห้องเย็นอีกที” มีเสียงดังลอยมาเข้าหูของโล่หวินหลาน มันคุ้นเคยจนนางรู้สึกแปลกใจ
นางหันหลังไป หมิงซีเอาของในมือวางลงที่ข้างๆเก้าอี้ แล้วเดินมาข้างๆโล่หวินหลาน แล้วช่วยนางจัดการกับเขากวาง
“หมิงซี เจ้ากลับมาแล้วหรอ เป็นยังไงบ้าง? เจ้าได้ข่าวอะไรของเขาไหม?” เสียงของโล่หวินหลานอ่อนแรงจนแทบจะไม่ได้ยิน
หมิงซีตั้งใจหั่นมากไม่พูดอะไรเลย เขาแอบเอาประกาศนั้นซ่อนเอาไว้ที่เอว แล้วส่ายหน้า “ในเมืองหลวงไม่มีข่าวอะไรของหมิงอ๋องเลย แล้วก็ไม่มีข่าวของพระชายาหมิงอ๋องด้วย”
มันจะเป็นไปได้ยังไง? โล่หวินหลานมองหมิงซีอย่างตกใจ แต่ว่าสีหน้าท่าทางของเขาไม่เหมือนคนโกหก หากไม่ใช่ว่าเขาเห็นเองกับตา เขาจะไม่มีท่าทีได้ยังไง จะโกหกโดยไม่กะพริบตาหรอ?
“หมิงซี เจ้าไปสืบมาแน่ชัดแล้วหรอ? ไม่ได้ทำผ่านๆใช่ไหม?” โล่หวินหลานวางของลง มองไปที่หมิงซีด้วยความสงสัย
นางอยากรู้จริงๆว่าหมิงซีไม่ได้หลอกนางแน่ใช่ไหม
“เจ้าใจเย็นก่อน ข้าไปสืบให้หมดแล้ว ไม่มีก็คือไม่มี” หมิงซีหั่นเขากวางในมืออย่างใจจดใจจ่อ
“เมืองหลวงใหญ่ขนาดนี้ เจ้าไม่ได้พลาดตรงไหนไปใช่ไหม? หมิงซี ข้าหวังว่าเจ้าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยความเป็นเพื่อนของเรานะ” โล่หวินหลานเริ่มลนลาน ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง ในใจของนางเอาแต่คิดว่าทำไมถึงไม่มีข่าวอะไรเลย
“เขากวางหั่นเสร็จแล้ว ข้าจะเอาไปเก็บก่อน” หมิงซีก้มหน้าลง ตาของเขาเหมือนจะคัน
เมื่อมองเขาจากด้านหลังมันมีความรู้สึกเหมือนเขากำลังหลบเลี่ยงอะไรบางอย่าง โล่หวินหลานรู้สึกปวดใจ แต่ว่าด้วยร่างกายที่แตกต่าง ร่างกายนี้ของนางอดทนได้มากกว่า หรือว่าในโลกปัจจุบันนางเห็นความเป็นความตายมาจนชินแล้ว ทำให้ดวงตาของนางมีเหตุผลมากพอที่จะไม่ร้องไห้
หรือว่า โม่ฉีหมิงลืมนางไปแล้ว?
ชิวโม่ไป๋เดินออกมาจากห้องเย็นพอดี เมื่อเจอหมิงซีก็ทักทายแล้วเดินไปหาโล่หวินหลาน เห็นสีหน้าของนางไม่ดี ก็ขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “เสี่ยวฮัว เจ้าเป็นอะไรไป? หมิงซีไม่ได้หาข่าวมาให้หรอ?”
หากว่าเป็นข่าวร้ายมันก็ยังดี แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่นางกลัวมากที่สุด คือไม่มีข่าวอะไรเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก