ตอนที่ 237 แข่งม้า ณ สนามแข่งม้า
หลังจากที่ทานอาหารค่ำเสร็จ โล่หวินหลานก็ได้ไปตำหนักหลัง ห้องที่หมิงซีพักนั้นยังคงมีไฟสว่าง ไม่มีความมืดแม้แต่น้อย ทั้งสองเดินไปมาในห้อง ทำให้แสงของเทียนนั้นสว่างมืดไปมาผ่านช่องหน้าต่างกระดาษมัน
"หมิงซี เจ้าดีขึ้นหรือยัง?" โล่หวินหลานเดินเข้ามาคนเดียว โดยไม่มีนางกำนัล
หมิงซีที่กำลังนั่งอยู่นั้น เขากำลังอ่านตำราบางอย่าง เมื่อเห็นโล่หวินหลานเดินเข้ามา เขาก็คลายยิ้มอ่อนๆ แล้ววางตำราในมือลง
"ข้ากลับไม่รู้ตัว ช่างน่าอายที่ข้ายังกล้าเรียกตนเองว่าหมอ แม้แต่ร่างกายตัวเองเป็นเช่นไรยังไม่รู้ชัด เสี่ยวฮัว หากไม่ใช่เจ้า ข้าคงไม่อาจรู้ตัวได้ อีกนิดข้าคง......" หมิงซีเอ๋ยขึ้น
โล่หวินหลานหยิบตำราของเขาขึ้นมา เป็นไปตามที่นางคิด ด้านในนั้นเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพิษนี่ สิ่งที่นางค้นหาไม่เจอ เขากลับหาเจอ
"คนที่ลงมือวางยาพิษนั้นช่างโหดเหี้ยม" โล่หวินหลานกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ“หมิงซี พิษที่เจ้าได้รับคือพิษอะไร?"
หมิงซียิ้มอย่างเศร้าๆ“ไม่จำเป็นต้องเปิดตำรา แค่มองดูอาการก็รับรู้ได้แล้ว นี่คือพิษจากพืชที่มีในตำนานของแคว้นโม่ฉี รวมกับพิษหญ้าร้อยพิษ นำทั้งสองอย่างนี้มารวมกัน แล้วใส่พืชพิษอีกชนิดหนึ่งเข้าไปผสมกัน จากนั้นนำมาทำให้เละ ตากแห้ง แล้วตำให้เป็นผง และนำมาโปรยใส่ของที่ต้องการ เพียงแค่สูดดม พิษนั่นก็จะเข้าสู่ร่างกายทันที
โปรยใส่ของที่ต้องการ? ปกติแล้วนั้นต้องมีร่องรอยของพิษสิ โล่หวินหลานมองดูห้องของหมิงซี แล้วพูดเสียงเรียบ“พรุ่งนี้ข้าจะให้คนมาเปลี่ยนห้องให้เจ้า ของทุกอย่างบนตัวเจ้าเปลี่ยนให้หมด แล้วพิษนี้ มียาถอนพิษไหม?"
อาลั่วหลันที่ฟังทั้งสองคุยกันอย่างใจคอไม่ดีนั้น พอได้ยินคำว่ายาถอนพิษนั้น นางก็ได้สติขึ้นมาทันที สองมือจับไว้ที่คาง แล้วมองไปยังหมิงซี
หมิงซีพยักหน้า“ยาถอนพิษนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีตัวยาสำคัญ"
"ตัวยาสำคัญนั้นคืออะไร?" ทั้งสองนางพูดขึ้นพร้อมกัน
"ดอกปัวจากภูเขาเทียน" หมิงซีเอ๋ยตอบ "ดอกปัวจากภูเขาเทียนขึ้นในฤดูหนาว เพียงแต่ในเมืองหลวงเช่นนี้ต้องไม่มีแน่ หากจะมีก็ต้องมีเพียงบนภูเขาสูง เพียงแค่ไปขุดก็ได้แล้ว"
ดอกปัวจากภูเขาเทียน? โล่หวินหลานจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่นางแข่งกับหมิงซีนั้น นางขุดดอกปัวจากภูเขาเทียนได้ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า
"บนหุบเขาน่าจะยังมี ข้าจะให้นกพิราบส่งสารไปบอกท่านตา ให้ท่านตาส่งดอกบัวจากภูเขาเทียนมา" โล่หวินหลานพูดจบ ก็หันไปเขียนจดหมาย
"ข้าไม่อยากให้ท่านอาจารย์รู้เรื่องที่ข้าโดนยาพิษ หากท่านอาจารย์รู้เข้า คงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วลงมาจากหุบเขา แล้วลากข้ากลับไป รวมถึงตัวเจ้าด้วย ตอนนี้สิ่งที่เจ้าปรารถนายังไม่สำเร็จ เจ้ายังกลับไปไม่ได้" หมิงซีคิดอย่างรอบคอบ เขาพูดความเป็นไปได้ทุกอย่างออกมา
ก็จริง ชิวโม่ไป๋คงไม่ยอมให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหมิงซี และยังไม่ยอมให้เขาอยู่ในที่ที่อันตรายเช่นนี้ อีกอย่างไม่รู้ว่าท่านอาจารย์จะโทษนางหรือไม่ ที่เป็นตัวต้นคิดลงมาจากหุบเขา จนทำให้หมิงซีลำบากไปด้วย
"หมิงซี เจ้ากลับไปบนหุบเขาก่อนดีหรือไม่ ที่นี่อันตรายเกินไป เรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ข้ากลัวว่าในวันข้างหน้ายังต้องพบเจอกับอันตรายมากกว่านี้ เจ้ายังมีวันพรุ่งนี้ที่งดงาม เจ้าอย่ามาร่วมมือกับข้าเลย" โล่หวินหลานถอนหายใจ นางรู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำมันไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังดื้อรั้นที่จะทำ
ถึงแม้ว่าตอนนี้หมิงซีกลับหุบเขาไป จะเป็นเรื่องที่ลำบากของตน แต่นอกจากวิธีนี้ นางเองก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
"ไม่ได้" หมิงซีตอบทันควัน "ข้าจะไม่ยอมกลับไปที่หุบเขานั่นเด็ดขาด ข้าสัญญาว่าจะปกป้องเจ้า ถ้าข้ายังรักษาสัญญาไม่ได้ ข้าก็จะไม่มีวันกลับไป"
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าหมิงซีสัญญาอะไรไว้ แต่ในใจของอาลั่วหลันนั้นสนับสนุนการตัดสินใจของหมิงซี
ทั้งๆที่รู้ว่าในวังหลวงแห่งนี้น่ากลัว แล้วนางจะทิ้งโล่หวินหลานไว้ที่นี่คนเดียวได้อย่างไร หากพวกเขาไป ก็คงไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว
มองแววตาของหมิงซีแล้วนั้น โล่หวินหลานก็ไม่สามารถไล่พวกเขากลับได้ นางหันไปมองนอกหน้าต่าง ด้วยสายตาแน่วแน่
"ดอกปัวจากภูเขาเทียนนั้นข้าจะหาวิธีเอามาให้ได้ ในวังหลวงแห่งนี้ยังไงก็ต้องมี" โล่หวินหลานหันกลับมาถาม "หมิงซี พิษที่เจ้าได้รับสามารถทนได้อีกนานเท่าไหร่?"
"ในช่วงนี้ ข้าจะใช้ยาระงับพิษเอาไว้ก่อน เพื่อที่จะไม่ให้พิษกำเริบ หากมีอาการ ข้าก็จะขับมันออกทันที ข้าสามารถทนพิษนี้ได้อีกประมาณสิบวัน" หมิงซีบอก สองตาของเขาค่อยๆหลับลง เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการนอนมาก
หมิงซีส่ายหน้าไปมา แล้วหยิกแขนตนเอง จนเขียวไปหมด แต่เขายังคงอยู่ในภาวะง่วงนอน
เขาลุกขึ้นยืน แล้วจับชุดน้ำชาแต่ก็หลุดมือแล้วตกลงพื้น เสียงชุดน้ำชาที่ตกแตกนั้นดังเพร้ง เขาพยายามลืมตาแต่มันยากมาก ไม่นานก็หลับอีกครั้ง
"เสี่ยวฮัว......" หมิงซีเรียกชื่อนางด้วยความลำบาก "ตีข้าให้สลบ"
หากพิษกำเริบนั้น ไม่ว่าจะต้านทานอย่างไรก็ไม่ไหว วิธีเดียวที่จะให้พิษไม่กำเลิบ คือต้องระงับมันโดยการทำร้ายตนเองจนสลบ
โล่หวินหลานพยักหน้า แล้วตีไปที่ท้ายทอยด์ของเขา จนหมิงซีล้มลงนอนกับพื้น
ขณะที่เขากำลังจะตกลงพื้นนั้น อาลั่วหลันก็รีบวิ่งเข้ามาตรงหน้าของหมิงซี ตอนที่นางพยุงเขาไว้นั้นเขาก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว
น้ำหนักตัวของหมิงซีทิ้งลงที่นาง แต่นางกลับไม่รู้สึกหนักเลย ตรงกันข้ามนางกลับรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หรือนี่จะเป็นการปกป้องคนที่เรารัก
"อาลั่วหลัน เดี๋ยวข้าจะให้นางกำนัลมาค้นห้องนี้ พวกเจ้าก็ทนลำบากที่ห้องโถงไปก่อน ห้องนี้ อย่าได้เข้ามาอีก" โล่หวินหลานบอกย้ำ
แต่โล่หวินหลานก็ไม่ได้เป็นกังวัล เพราะต่อให้นางจะขี่ได้ไม่ดีเท่าเดิมก็ไม่เป็นไร ในสนามม้าแห่งนั้น หากไม่ใช่ยามคับขัน นางก็จะไม่มีวันออกหน้าขี่เด็ดขาด
นางกำนัลที่ให้ออกมาจ่ายยานั้นยังไม่กลับมา ตอนนี้ก็ใกล้จะเย็นแล้ว โล่หวินหลานจึงจำเป็นต้องเรียกนางกำนัลอีกคนให้เข้ามาช่วยแต่งตัวแต่งหน้า การแต่งตัวไปสนามม้าเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ต่างจากการขี่ม้า
"องค์หญิง เช่นนี้ดีหรือไม่เพคะ?" นางกำนัลถามขึ้น แล้วปักปิ่นลงบนผมของโล่หวินหลาน
ทรงผมครั้งนี้แบ่งเป็นสองด้าน เป็นทรงผมที่เรียบง่าย แต่ก็มีความพิเศษเพราะใช้ของบางอย่างในการมัดให้อยู่ตัว จากนั้นก็ปักปิ่นลงไปเพื่อไม่ให้ดูเรียบเกิน
ตอนนี้นางดูเรียบง่ายแต่งดงาม โล่หวินหลานมองดูตนเองในกระจกทองเหลือง แล้วพยักหน้า
"ข้าจะสวมชุดสีเขียวอ่อนนั้น และรองเท้าหนังกวาง" โล่หวินหลานคิดไปคิดมา จึงเลือกชุดนั้นเพราะดูแล้วสะอาดตา
สีเขียวอ่อนที่ไม่สดและฉูดฉาดจนเกินไป เรียบง่ายแต่งดงาม
นางกำนัลพยักหน้า จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้าชุดนั้นออกมาจากตู้ ชั่วครู่ หลังจากสวมเข้าไปแล้วนั้นนางก็ดูมีชีวิตชีวาสดใสเหลือเกิน
"องค์หญิง ทรงงดงามมากเลยเพคะ" นางกำนัลกล่าวชม
"นั่นก็เพราะเจ้าแต่งให้ข้า" โล่หวินหลานตอบ
นางกำนัลคนนี้อายุยังน้อย เมื่อได้ยินโล่หวินหลานพูดเช่นนั้น ก็เขินอาย
บัดนี้ นางกำนัลที่ให้ไปจ่ายก็ยังคงไม่กลับมา โล่หวินหลานเป็นกังวลจึงสั่งให้คนไปตามที่ตำหนักหมอหลวง แต่นางกำนัลคนนั้นก็ไม่ได้กลับมา สิ่งที่มานั้นคือกองทหารที่จะออกนำทางไป
การแข่งม้าในครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นในวัง แต่จัดขึ้นในป่าที่อยู่เขตล่าสัตว์
เขตล่าสัตว์ในเมืองนี้ไม่ใหญ่มาก แต่คนที่มักจะไปนั้นส่วนมากคือเชื้อพระวงค์ ขอเพียงมีเวลาว่าง ฮ่องเต้เจียเฉิงและลูกๆก็จะไปล่าสัตว์กันทันที
ป่าล่าสัตว์ที่ไกลกว่านั้นไม่ได้อยู่ในวังหลวง แต่เป็นป่าล่าสัตว์ที่ขยายพื้นที่รวมเข้ากลับป่าสน ต้องขี่ม้าสามวันสามคืนถึงจะกลับมาจุดเดิมได้
"องค์หญิงเหอซื่อก็มารึ ได้ยินว่าแคว้นเซิ่งโจวเองก็มีภูมิหลังกับม้าเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าองค์หญิงเหอซื่อขี่ม้าเป็นเช่นไร?" ฮองเฮาเย่ถามขึ้น วันนี้นางสวมใส่เครื่องประดับมากมาย แต่งหน้าจนงดงาม คล้ายกับคนที่ไม่ได้มาเพื่อขี่ม้า แต่มาเพื่อเป็นแจกันเดินได้ก็เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก