ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 244

ตอนที่ 244 บังคับขู่เข็นเสือขึ้นภูเขา

โล่หวินหลานไม่สนใจสายตาอันข่มขู่ของเย่เซียวหลัวเลย พอหันหลังไปก็บอกเรื่องพวกนางสองคนพนันกันออกมาเป็นคำๆ

"ฮ่องเต้เจ้าค่ะ จริงๆก็ไม่ได้พนันอะไรกันมาก แค่ก่อนจะมีการแข่งม้า เพื่อจะให้การแข่งขันครั้งนี้มีความหมายมากกว่านี้ เลยเพิ่มอะไรเข้าไปเพื่อความบันเทิง ถ้าฝ่ายใดชนะก็มีสิทธิ์เรียกฝ่ายแพ้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง" โล่หวินหลานมีแค่ความคิดแบบนี้ นางสามารถช่วยหมิงซีออกมาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของฮ่องเต้เจียเฉิง

"นั่นเจ้ามีเรื่องอะไรจะให้พระชายาเวินอ๋องทำล่ะ?" ฮ่องเต้คิดถึงฐานะที่พวกนางมี ไม่มีสิ่งใดที่พวกเราทำไม่ได้ แล้วจะเสียเวลาไปพนันเรื่องแบบนี้ทำไม?

โล่หวินหลานอยากได้อะไรล่ะ?

นางคงไม่ไปชนะการแข่งขันเรื่องนี้มาอย่างไม่มีเหตุผล สิ่งที่สำคัญกว่าคือถ้าตามสถานการณ์ของนางตอนนี้ ยิ่งทำตัวธรรมดาก็จะยิ่งดี ไม่งั้นก็มักจะกลายเป็นจุดสนใจของคนอื่น

โม่ฉีหมิงค่อยๆลูกคางของเขา และกำลังคิดอยู่ว่าโล่หวินหลานกำลังคิดอะไรอยู่ คิดว่านางน่าจะประสบปัญหาอะไรสักอย่าง

โล่หวินหลานคิดไตร่ตรองไปสักพัก และส่ายหัวไปด้วยยิ้มไปด้วย "ทูลฮ่องเต้ อยู่ที่แคว้นโม่ฉีข้าไม่ได้ขาดแคลนอะไรใดๆ แล้วยังมีความรักใคร่เอ็นดูจากฮ่องเต้และเหล่าพระชายา นึกไม่ออกจริงๆว่าจะให้พระชายาเวินอ๋องทำอะไร รอให้ข้านึกออกเดี๋ยวจะบอกพระชายาเวินอ๋องเองเจ้าค่ะ!"

จริงๆมันเป็นแผนการที่คิดไว้ตั้งแต่แรกก็คือตั้งใจบอกการพนันครั้งนี้ของเขาสองคนให้ฮ่องเต้ได้รับรู้ ทำไมมาถึงตอนเวลานี้ กลับไม่เอาอะไรสักอย่างล่ะ?

เย่เซียวหลัวหันหน้ากลับไปมองนาง นัยน์ตาเต็มไปความสงสัย

ในน้ำเต้าขององค์หญิงเหอซื่อขายยาอะไรกันแน่?

ทุกคนต่างก็เดากันไม่ออก ยิ่งไม่มีใครใส่ใจแบบนี้ก็ยิ่งทำให้คนอื่นยิ่งเดายาก

ยังไงที่ทุกคนเห็น ถ้าโล่หวินหลานชนะการแข่งขัน เป็นเพราะเป้าหมายของตัวเองอย่างเดียว

"ยังไงถ้าเจ้ายังคิดไม่ออกว่าจะได้พระชายาเวินอ๋องทำอะไร นั่นก็ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน ข้าเชื่อว่าพระชายาเวินอ๋องก็คงไม่ลืมคนที่เคยทำให้นางแพ้หรอก" ฮ่องเต้ยิ้มแล้วมองเย่เซียวหลัว

ยังไงเขาพูดถึงขนาดนี้แล้ว เย่เซียวหลัวก็ได้แค่พยักหน้าอย่างฝืนใจ

ที่จริงอยากจะเบี้ยวคำมั่นสัญญาของการพนันกันครั้งนี้ แต่นึกไม่ถึงว่านางตั้งใจจะให้ฮ่องเต้รู้เกี่ยวกับการพนันของเขา ตอนนี้อยากเบี้ยวก็คงเบี้ยวไม่ได้อีกแล้ว

ที่แท้ก็รอนางที่นี่ละกัน

ความโกรธเคืองของเย่เซียวหลัวได้ขึ้นถึงหัวของนาง แขนเสื้อที่ทำจากหยกได้จับเสื้อไว้แรงๆ อีกนิดเดียวก็จะทำให้เสื้อขาดสักแล้ว

"ใช่เจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าพระชายาเวินอ๋องเป็นผู้ที่น่าเชื่อถือ คงไม่เบี้ยวเรื่องนี้หรอก ใช่หรือไม่? พระชายาเวินอ๋อง?" โล่หวินหลานหันไปมองเย่เซียวหลัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเชื่อใจ

คนที่รู้สึกอับอายอย่างเย่เซียวหลัวก็เก็บมือของตนเองกลับไป และเอามือไปวางไว้ข้างหลังของตัวเอง สองมือที่ถูกรัดจนเลือดค้างเป็นสีแดงดูแล้วน่ากลัว

นางควรทำเช่นใด? ได้แค่ยอมรับสิ่งที่โล่หวินหลานกำลังจะกระทำบนตัวของนางนั่นหรือ

ยอมรับในความจริงที่ตนแพ้ แล้วทำตามมันไปด้วยความน่าเชื่อถือก็พอ กัดฟันไป อีกไม่นานก็คงผ่านไป

"มันเรื่องจริงอยู่แล้ว ฉันเย่เซียวหลัวไม่ได้เบี้ยวใครอยู่แล้ว รอให้เจ้านึกออกว่าจะให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะไปทำ" เย่เซียวหลัวหายใจเข้าลึกๆ ไม่รู้ว่าตัวเองก็อดทนแค่ไหนถึงจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้

มีฮ่องเต้เป็นพยานเกี่ยวกับคำพูดพวกนี้ของเย่เซียวหลัว โล่หวินหลานรู้สึกตัวเองมีชีวิตชีวาและสนุกขึ้นมา

คิดอยู่แล้วว่าเย่เซียวหลัวคงไม่กล้าเบี้ยวนางภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย

นางอยากได้อะไรกันแน่?

โม่ฉีหมิงคิดแล้วคิดอีก นางอยากได้อะไรที่ตนเองไม่มีหรือ? ถึงแม้จะไม่มี เขาก็จะช่วยนางตามหรือจนเจอ ไม่ว่าจะไปถึงที่ไหนก็ตาม

เกล็ดหิมะไม่ได้ทำให้สนามแห่งนี้มีความหนาวเย็นเลย เพราะว่าทุกคนพึ่งออกกำลังกายกันเสร็จ ทั้งเนื้อทั้งตัวเลยเหงื่อ บางคนก็ถอดเสื้อคลุมข้างนอกออก เหลือแค่เสื้อตัวข้างใน

การแข่งขันขี่ม้า และทักษะวิชาของม้า ทุกคนต่างมีท่าไม้ตายของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเหล่าองค์ชายหรือนายพลก็เล่นกันอย่างเพลิดเพลินและสนุกสนานมากๆ

โล่หวินหลานหนีไปยังตรงมุมสุดของสนามอย่างเงียบๆ กิ่งไม้แห่งและหิมะบดบังตัวนางไว้ นางค่อยๆคิดว่าขั้นตอนต่อไปนางจะเดินยังไงดี

"วันนี้องค์หญิงเหอซื่อแสดงความสามารถของตนเองออกมา มันไม่ง่ายเลยจริงๆ คิดว่าท่านน่าจะเตรียมวิชาพวกนี้มาตั้งแต่เนิ่นๆมั้ง" เวินอ๋องไม่รู้ว่ามาถึงหลังโล่หวินหลานตั้งแต่เมื่อไหร่ และมองนางไว้อย่างมีความสุข

โล่หวินหลานที่กำลังจิบเหล้าอยู่ก็ได้หยุดชะงักไป วันนี้คนที่นางไม่อยากเจอที่สุดก็คือเวินอ๋อง แล้วทุกอย่างก็มักจะได้เจอเวินอ๋องอย่างบังเอิญอีกแล้ว

"เวินอ๋องคือมาแสดงความยินดี หรือว่ามาด่าและดูถูกกันแน่? ถ้ามาแสดงความยินดีก็ไม่ต้องแล้ว แต่ถ้ามาด่าว่า ก็เชิญเวินอ๋องกลับไปพิจารณาใหม่อีกครั้ง" โล่หวินหลานไม่แม้แต่จะหันกลับไปพูดขึ้น แต่ยังคงดื่มคนเดียวอย่างเงียบๆ

ใครจะไปรู้ เสียงหัวเราะเยาะเย้ยได้ดังขึ้นข้างหูของนาง แค่นางหันหลังไป ก็เห็นเวินอ๋องนั่งอยู่ตรงต่อหน้านาง

ยังดีที่นี่ไม่ใช่ในวัง เลยไม่มีคนสนใจและสังเกตเห็นเยอะ ถ้าเย่เซียวหลัวเห็นขึ้นมา คาดว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอีกแน่นอน

"เวินอ๋องก็นั่งลงมาแบบนี้ และไม่กลัวเลยว่าจะมีคนเห็นแล้วเข้าใจผิด? เมื่อครู่ข้าเห็นอารมณ์ของพระชายาเวินอ๋องไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ ทำไมท่านไม่ได้ปลอบใจนางหน่อยหรือ?" โล่หวินหลานจับจุดอ่อนของเขาแล้วพูดขึ้น และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีๆ

การกระทำของเวินอ๋องก็แปลกจริงๆ เหมือนเขาคอยหาโอกาสและตั้งแต่หว่านเสน่ห์ให้นาง ตั้งแต่จะทำให้พวกเขาพูดสนิทสนมกันแล้วให้คนอื่นได้เห็น

ยิ่งตอนที่คนเยอะก็ยิ่งทำเยี่ยงนั้น

โล่หวินหลานค่อยๆสังเกตเห็นความผิดปกติของสิ่งนี้ เวินอ๋องตั้งแต่ทำเยี่ยงนี้ให้คนอื่นเห็นว่าเขาชอบให้ตัวเองไปเข้าใกล้เขานั่นหรือ?

หรือตั้งใจทำให้เย่เซียวหลัวเห็น และตั้งใจให้นางหาเรื่องตัวเอง

ไม่ว่าจะเยี่ยงไร นางมิอาจเดินใกล้เวินอ๋องได้ ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ไม่ได้เด็ดขาด

ซึ่งคนรู้จักที่เขารักมาตลอดก็คือนาง

"เวินอ๋อง หม่อมฉันยังมีเรื่องต้องทำ ดังนั้นจึงไม่อาจอยู่คุยกับท่านต่อ ขอทูลลาเพคะ" โล่หวินหลานพยายามออกไปจากที่ตนเองอยู่ หากยังพูดคุยกับเขาต่อความลับคงถูกเปิดเผยแน่

แผ่นหลังของนางที่เดินจากไปนั้น ช่างเป็นภาพที่คุ้นเคย

ครั้งหนึ่ง โล่หวินหลานเองก็เคยเดินหนีไปจากเขาเช่นเดียวกัน

ทั้งๆที่ในอดีตทั้งคู่ต่างก็ไม่ยอมลามือให้กัน เหตุใดในวันนี้จึงเหลือความรู้สึกที่ผูกผันทิ้งไว้?

เวินอ๋องขมวดคิ้ว จากนั้นก็หลับตาลง

นางวิ่งออกไปท่ามกลางป่าสน โล่หวินหลานเองก็ไม่อาจรับรู้ได้ว่าเหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่ นางรู้เพียงว่านางต้องการที่จะหนี หนีไปจากทุกสิ่งอย่าง

ทันใดนั้นเอง ก็มีมือหนาใหญ่ของใครบางคนจับเข้าที่ไหล่ของนาง จึงทำให้นางนั้นเดินเซไปซบลงที่ตัวของเขา

แขนที่แข็งแรง กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ กลิ่นหอมเฉพาะตัวที่คุ้นเคย ภาพนั้นตัดไปตัดมาในหัวของนาง ราวกับความรู้สึกเดิมได้กลับมาอีกคราหนึ่ง

"บอกข้ามา เมื่อครู่เวินอ๋องคุยสิ่งใดกับเจ้า?" โม่ฉีหมิงล็อกตัวนางไว้แน่น จนไม่อาจหนีไปไหนได้

ทำให้ตอนนี้นางอยู่ในอ้อมกอดของเขา กลิ่นที่คุ้นเคยของเขา ทำให้นางไม่อาจที่จะหยุดโลภมากแล้วสูดดมกลิ่นนั้น

"ท่าน ท่านปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ" โล่หวินหลานพยายามที่จะดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นพันธะการของเขา

แต่สิ่งที่นางทำนั้นกลายเป็นเปิดโอกาสให้เขาคว้ามาจับที่มือของนาง เสียงทุ่มต่ำของเขาพูดขึ้นที่ข้างหู“บอกข้ามา แล้วข้าจะปล่อยเจ้า"

เมื่อครู่ ตอนที่เวินอ๋องไปหานางนั้น เขาเองก็ยืนมองอยู่นาน ทุกอิริยาบถของทั้งคู่ล้วนอยู่ในสายตาของเขา สีหน้าของโล่หวินหลานนั้นมีหลากหลายอารมณ์ ราวกับคนที่ตกใจกับบางอย่าง

โล่หวินหลานใช้แรงที่มีในการพยายามดิ้นออกจากพันธะการของเขา แต่นั่นกลับไร้ประโยชน์ ยิ่งนางดิ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรัดตัวนางมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อหมดความอดทนแล้วนาง โล่หวินหลานจึงได้พูดเท็จออกไป“เวินอ๋องเพียงแต่มาถามหม่อมฉันเกี่ยวกับเรื่องสิ่งเดิมพันของหม่อมฉันกับพระชายาเวินอ๋องก็เท่านั้น เวินอ๋องไม่ต้องการให้หม่อมฉันร้องขอสิ่งที่มากเกินไป ดังนั้นจึงเข้ามาเตือนหม่อมฉันก็เท่านั้น"

โล่หวินหลานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หากคิดตามนั้นก็ไม่แปลกที่เวินอ๋องจะทำเช่นนั้น แต่นี่เป็นการทำเพื่อชายาของเขา จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

โม่ฉีหมิงไม่ใช่คนที่โง่เขลา เขาครุ่นคิดอย่างละเอียด อย่างไรก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ได้ สิ่งเดียวที่เขาเป็นกังวลนั้น ก็คือเวินอ๋องไปร้องขอต่อฮ่องเต้ให้ยกโล่หวินหลานแก่เวินอ๋อง

ดังนั้น สิ่งที่เขาเป็นกังวลที่สุด คือการที่เวินอ๋องอาจพูดเรื่องอภิเษกกับโล่หวินหลาน ริมฝีปากหนาค่อยๆขยับอยู่ที่ข้างหู ไอร้อนจากปากของเขาอยู่ที่ข้างหู ราวกับคลื่นไฟฟ้า

"เจ้ากำลังโกหก บอกความจริงข้ามา มิเช่นนั้นข้าจะพาตัวเจ้าไปทั้งอย่างนี้" โม่ฉีหมิงพูดเสียงต่ำ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก