ตอนที่ 289หัวใจที่แตกสลาย
เวินอ๋องกลับเข้ามายังวังหลวงอีกครั้งเขาหาข้ออ้างมายังสวนดอกไม้ ขณะที่ไม่มีคนก็ลักลอบเข้ามายังดงหัวเยี้ยน
ดงหัวเยี้ยนเงียบสงัดราวกับไม่มีคน แต่ก็ไม่ได้ดูโศกเศร้าราวกับมีการสูญเสียองค์หญิง มองดูแล้วทุกอย่างล้วนปกติดี
เป็นเพราะเขาไม่ทราบเรื่อง หรือคนแคว้นนั้นไม่ต้องการให้เรื่องนี้แผ่งพายออกไป เรื่องใหญ่ขนาดนี้ถึงได้ดูเงียบนัก
"ทำความเคารพเวินอ๋อง ไม่ทราบว่าเวินอ๋องมาที่นี่เพราะเหตุใด?"ไซ่เย่วที่กำลังจะเดินไปเอาของหวานในเรือนครัวถามขึ้น เพราะเขาเห็นใบหน้าที่สงสัยของเวินอ๋อง
ไซ่เย่วเป็นสาวใช้คนสนิทขององค์หญิงเหอซื่อ หากถามนาง คงจะรู้ความจริงที่สุด
เวินอ๋องมองไปทั้งสี่ทิศ ที่ดูเงียบเหลือเกิน
"เหตุใดที่นี่จึงเงียบเหลือเกิน? ไม่มีนางกำนัลมาปรนบัติหรือ?" เวินอ๋องถามอย่างสงสัย
เห็นเขาไม่ได้ตอบคำถามของตนเอง แต่กลับถามถึงสภาพแววล้อมที่นี่ ไซ่เย่วจึงตอบกลับไป“เวินอ๋องเพคะ ดงหัวเยี้ยนนั้นเงียบเช่นนี้มาโดยตลอดเพคะ หากท่านไม่มีเรื่องใดก็รบกวนท่านอ๋องกลับไปเถอะเพคะ มิเช่นนั้นหากฮ่องเต้เห็นว่าท่านมาที่นี่ คงไม่ดีแน่"
ไซ่เย่วบอกพร้อมทำความเคารพเขา ขณะที่นางกำลังเดินได้เพียงสองก้าว ก็ต้องหยุดลง
"ข้ามาหาองค์หญิงเหอซื่อ เจ้าช่วยบอกข้าทีว่าตอนนี้นางอยู่ที่ไหน" เวินอ๋องบอกกับไซ่เย่ว วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด
หากเกิดอะไรขึ้นกับนางจริง สาวใช้คนนี้ก็คงต้องหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้เขาเจอกับองค์หญิง
เขาเพียงต้องการสังเกตการณ์ก็เท่านั้น
นอกจากโม่ฉีหมิงที่มาที่นี่แล้วนั้น ก็ยังมีเวินอ๋อง
"เวินอ๋องโปรดรอสักครู่หนึ่ง หม่อมฉันขอไปกราบทูลองค์หญิงประเดี๋ยว" ไซ่เย่วบอก แล้วเดินเข้าไปในตำหนัก
กราบทูลประเดี๋ยว? งั้นก็หมายความว่านางยังมีชีวิตอยู่? พวกเขาเล่นอะไรอยู่กันแน่ ใครกันแน่ที่กำลังหลอกเขา?
เวินอ๋องรู้เพียงว่าทุกอย่างพันกันยุ่งเหยิงไปเสียหมด เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องเช่นนี้จะใช้เวลายาวนานถึงเพียงนี้ในการจัดการ
ท้ายที่สุด เขาเองก็ไม่อาจเดาได้ว่าฝ่ายนั้นกำลังคิดสิ่งใดอยู่
ตลอดทางที่เดินไปหาองค์หญิงเหอซื่อนั้น ความสงสัยในใจของเขาก็มากขึ้นเรื่อยๆ ในนี้มีความลับใดกัน?
โล่หวินหลานคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้วว่า เวินอ๋องต้องมาพบนางสักวันหนึ่งแน่ จึงเตรียมตัวเอาไว้แต่เช้า เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะมาเร็วขนาดนี้
"ไม่ทราบว่าเวินอ๋องเสด็จมาถึงที่นี่เพราะเรื่องด่วนอันใด?" โล่หวินหลานถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเวินอ๋องมาถึง นางก็วางพู่กันในมือลง
นางยังมีชีวิตอยู่ และมีสีหน้าที่ดูแจ่มใสเหมือนคนปกติ แต่ดวงตาคู่นั้นของนางที่มองมานั้น ราวกับน้ำแข็งที่สะกดเขาเอาไว้
"องค์หญิง....." เวินอ๋องพูดขึ้น โดยไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใดต่อ
เขาเกือบจะถามไปแล้ว ว่าเหตุใดนางยังมีชีวิตอยู่ โชคดีที่ดึงสติเอาไว้ได้ทัน
เวินอ๋องกระชับชายเสื้อของตนเอง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้“พรุ่งนี้จะเป็นเวลาที่องค์หญิงต้องเลือกคู่ครองแล้ว ข้าเพียงต้องการให้องค์หญิงตาสว่างก็เท่านั้น"
เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเขา โล่หวินหลานก็หัวเราะในลำคอ
นางรู้ดีว่าเวินอ๋องต้องการจะถามสิ่งใดกันแน่ เพราะเรื่องเลือกคู่ครองนี้ก็ผ่านมาสองวันแล้ว วันนี้ที่เขามาที่นี่คงเพราะเย่เซียวหลัวได้บอกความจริงกับเขาไปแล้ว
"ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันเป็นคนเลือกคู่ครองเอง เวินอ๋องอย่าได้เป็นกังวลไปเลยเพคะ ดงหัวเยี้ยนไม่ใช่ที่ที่ใครอยากมาก็มาได้นะเพคะ เชิญเวินอ๋องรีบเสด็จกลับเถอะ" โล่หวินหลานกล่าวเสียงเรียบ
เวินอ๋องไม่แสดงสีหน้าใดๆ ดวงตาทั้งคู่ของเขานั้นกำลังเผยรอยยิ้ม โล่หวินหลานเองก็ไม่อาจเข้าใจ ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
"องค์หญิงเหอซื่อ คิดมาหลายวันแล้ว ยังไม่ได้คนที่ถูกใจอีกหรือ?" เวินอ๋องถามพลางยิ้มเล็กน้อย ราวกับรอเพียงนางพยักหน้าก็เท่านั้น
โล่หวินหลานยิ้มกลับ“ไม่ว่าหม่อมฉันจะมีคนที่ถูกใจในใจแล้วหรือยัง มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับเวินอ๋อง หากเวินอ๋องมีใจคิดเรื่องของหม่อมฉัน หม่อมฉันว่าท่านควรจะรีบกลับตำหนักไปหาชายาของท่านจะดีเสียกว่า"
ชื่อของเย่เซียวหลัวถูกพูดขึ้นอีกครั้ง โล่หวินหลานยิ้มบางๆ เวินอ๋องเองก็เข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร
"องค์หญิงคงได้ยินข่าวลือนั้นแล้ว ช่างน่าขายหน้าเสียจริง" เวินอ๋องกล่าว พลางยิ้มแห้งๆ
"หม่อมฉันได้ยินว่าเมื่อวานฮ่องเต้รับสั่งให้องค์ชายทุกคนเข้าพบ เพื่อที่จะหาวิธีทำให้เรื่องนี้เงียบใช่หรือไม่? ฮ่องเต้คงไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้มากนัก เวินอ๋องไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลไปหรอกเพคะ" โล่หวินหลานกล่าว
ท้นใดนั้นเอง เวินอ๋องก็มองตรงไปยังใบหน้านั้น ในใจของเขามีความสับสนมากมาย แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้ในใจของเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
"ข้ารู้จักท่านพ่อของข้าดี จึงไม่ได้มีเรื่องให้ต้องกังวล ตอนนี้องค์หญิงก็ทราบเรื่องแล้ว ข้าเองก็อยากรู้ว่าท่านคิดอย่างไร?" เวินอ๋องนึกถึงคำพูดของเย่เซียวหลัว จึงถามนาง
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดแล้วนั้น โล่หวินหลานก็ก้มหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ“ท่านอ๋องช่างน่าขันเสียจริง หม่อมฉันไม่ได้ออกไปไหน อีกอย่างข่าวลือนั้นก็มีมูลเหตุเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หม่อมฉันจึงไม่ได้คิดสิ่งใดมาก เกรงว่าท่านอ๋องจะถามผิดคนแล้ว"
"ข้าขอตัวไปดูนางก่อน" โล่หวินหลานกล่าว พลางยืนขึ้น
ด้านนอกมีพายุหิมะแรง ไซ่เย่วเดินกางร่มตามหลังนางไป ส่วนหมิงซีนั้นเดินนำหน้า พวกเขาเดินไปทางตำหนักฝั่งซ้าย
หิมะด้านนอกตกลงมาปกคลุมประตู มองจากด้านนอกแล้วนั้น ราวกับไม่มีการจุดเทียนในห้องเลยแต่ก็ยังคงสว่างไสว
ประตูถูกเปิดออกเบาๆ ด้านในช่างเงียบนัก นางเดินผ่านม่านนั่น จนได้พบกับอาลั่วหลันที่นอนอยู่บนเตียง
"เสี่ยวฮัว เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?" อาลั่วหลันถาม เมื่อเห็นว่านางมา นางเองก็ยากที่จะเอ๋ยปาก
โล่หวินหลานเดินไปนั่งข้างเตียง นางหันไปมองนอกหน้าต่าง ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย
"ข้าชื่อโล่หวินหลาน ข้าคือบุตรสาวที่ท่านพ่อและท่านแม่ไม่เคยรัก และมีพี่สาวที่ยากจะคบหาด้วย พวกนางบังคับให้ข้าแต่งงานกับองค์ชายสี่หรือก็คือโม่ฉีหมิง เขาในตอนนั้นไม่สามารถลุกเดินได้ ใบหน้าเสียโฉม ต้องสวมใส่่หน้ากากในทุกวัน
หลังจากที่ข้าอภิเษกกับเขา ข้าเองก็คิดว่าชีวิตของข้าก็คงเป็นเช่นนี้ แต่ใครจะไปรู้ หลังจากที่ค่อยๆรู้จักกับเขา ข้าก็ได้เสาะหาตำราแพทย์มากมาย เพื่อที่จะมารักษาเขา จนสุดท้ายข้าก็ทำสำเร็จ และได้ชื่อเป็นหมอเทวดา แต่หลังจากนั้นข้าก็ถูกเย่เซียวหลัวรอบฆ่า นางหลอกข้าไปที่นอกเมือง
ถึงแม้ว่าจะหนีจากเรื่องร้ายนั้นได้ แต่ใบหน้าของข้ากลับเปลี่ยนไป ครั้งนี้ข้ากลับมาที่นี่เพื่อมาหาเขา เพื่อที่จะมาอภิเษกกับเขาอีกครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะบังเอิญได้เห็นหน้าเจ้าตอนที่สวมใส่่หน้ากากหนังมนุษย์" โล่หวินหลานพูดร่ายยาว จนประโยคสุดท้ายน้ำเสียงของนางเริ่มสั่น นางหันไปมองอาลั่วหลัน
ดวงตาคู่นั้นของนางมีน้ำตาคลอ สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของนาง
"ที่แท้ เจ้าก็คือหวินหลาน เขาไม่ได้จำคนผิด เพียงแต่ถูกความทรงจำนั้นปิดกั้นเอาไว้ก็เท่านั้นเอง เสี่ยวฮัว เจ้าอย่าไปโทษเขาเลย หากลองเปิดใจพูดกัน พวกเจ้าต้องเข้าใจกันแน่" อาลั่วหลันยกมือขึ้นมาซับน้ำตาของโล่หวินหลาน
"ข้าไม่โทษเขาหลอก ดังนั้นเจ้าเองก็ไม่ต้องกลัว เขาไม่มีวันทำร้ายเจ้า" โล่หวินหลานกุมมืออาลั่วหลันแน่น
นางไม่ต้องการให้อาลั่วหลันกลัวโม่ฉีหมิง แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คงรักกันไม่ได้ เรื่องราวต่างๆล้วนไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ
"เมื่อได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ข้ากลับรู้สึกว่าเขาน่าสงสารเหลือเกิน เสี่ยวฮัว เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมบอกความจริงกับเขา?" หากพูดความจริง ทุกอย่างต้องดีขึ้นมาแน่
โล่หวินหลานพยักหน้า“ข้าจะหาโอกาสที่เหมาะสมบอกกับเขา อาลั่วหลัน ช่วงระยะเวลานี้คงต้องลำบากเจ้าแล้ว ก่อนที่ข้าจะบอกความจริงกับเขา อย่าให้ใครจับได้เด็ดขาด"
"ถึงแม้ว่าจะไม่ทำอะไรพลีพลาม แต่พรุ่งนี้ก็จะวันที่สามแล้วนะเสี่ยวฮัว เจ้าจะเลือกใครกันแน่?" อาลั่วหลันครุ่นคิด นอกจากโม่ฉีหมิงแล้ว นางก็ไม่สามารถคิดเป็นใครอื่นได้เลย
แม้แต่คืนนั้น โม่ฉีหมิงบอกว่าจะอภิเษกกับโล่หวินหลาน แต่มีเงื่อนไขคือเขาต้องอภิเษกกับอาลั่วหลันเช่นเดียวกัน
ไม่รู้ว่าฮ่องเต้เจียเฉิงจะยอมตกลงหรือไม่ เพราะนี่มันก็เป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วไม่มีเหตุผล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก