ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 46

ตอนที่ 46 บุกจู่โจม

พอฟ้าเริ่มสาง จวนหลินอ๋องก็ส่งคนมารับโล่หวินหลาน รถม้าสีน้ำเงินมาจอดรอยู่หน้าจวนหมิงอ๋อง

ขณะกำลังกินอาหารเช้าโม่ฉีหมิงมองโล่หวินหลานที่หน้านิ่งๆ แล้วสั่งฉินหยิ่นว่า “ไปไล่คนของจวนหลินอ๋องกลับไปซะ บอกพวกเขา เดี๋ยวพระชายาสะดวกแล้วก็ไปเอง”

ตั้งแต่บ่าวรับใช้ของจวนหลินอ๋องมาโขกหัวอยู่หน้าจวนครั้งที่แล้ว ฉินหยิ่นก็ไม่ได้ดีกับคนของจวนหลินอ๋องเลย

ตอนนี้ก็เปลี่ยนวิธีใหม่ ให้รถม้ามาจอดรอหน้าจวนทุกเช้า ฉินหยิ่นอยากจะไล่พวกเขากลับไปให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อรับคำสั่ง ก็เลยออกไปทันที

“ทำอะไรน่ะ? เขามาก็ลำบากมากแล้ว เป็นอย่างนี้ยังต้องไปมองต้วนกุ้ยเฟยชักสีหน้าอีก” โล่หวินหลานพูดแล้วก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เรียกฉินหยิ่นให้กลับมา

“ไป ห้ามกลับมา” โม่ฉีหมิงพูดแล้ววางชามข้าวลง แล้วจ้องไปที่หน้าประตู

ฉินหยิ่นรับคำแล้วก็ไป

ไม่บ่อยที่เขาจะออกคำสั่งแบบนี้ ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงได้เหมือนมีความแค้นกับบ่าวไพร่ที่หน้าประตู ยังไงก็จะไล่เขากลับไปให้ได้ รถม้าของจวนหลินอ๋องสำหรับนางก็รถรับส่งไม่คิดเงินดีๆคันหนึ่งเท่านั้น

“ชักสีหน้าแล้วยังไง? เจ้าเป็นคนของจวนหมิงอ๋อง นางไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรอก กินข้าวให้เสร็จก่อนเถอะ” เขาเห็นโล่หวินหลานไม่ค่อยพอใจ ก็คีบขนมถั่วเหลืองให้นางหนึ่งชิ้น

ขนมสีเหลืองทองที่ทำมาอย่างประณีต มันก็เหมือนของที่ทลายความโกรธของนางลง

“แต่ว่าตอนนี้ข้าก็เหมือนเป็นหมอประจำตัวของหลินอ๋องนะ ช่วยคนมันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” นางคีบขนมถั่วเหลือง โล่หวินหลานก็เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้น

“ข้าจะให้คนไปส่งเจ้าเอง” โม่ฉีหมิงพูดจบ ก็สั่งให้เย่หวินไปให้พ่อบ้านเตรียมรถม้า

ไม่รู้ว่าเพราะว่าโม่ฉีซิวจ้องนางตาเป็นมัน หรือว่าเพราะว่านางเป็นห่วงเป็นใยโม่ฉีมู่ โม่ฉีหมิงรู้สึกว่าเขาใกล้จะรั้งตัวนางเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

เขาทำได้แค่ยอมให้นางตำหนิเขา ให้นางได้อยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา

หรือว่าเพราะร่า‘’กายที่ไม่สมบูรณ์ มันทำให้โม่ฉีหมิงรู้สึกว่านางจะไปจากเขาตลอดเวลา เขาไม่มีความมั่นใจที่จะรั้งตัวโล่หวินหลานไว้กับเขาตลอดเวลา

เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว รถม้าก็มารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว นางก็ยังคงไม่ให้เย่หวินไปด้วย หลังจากที่โม่ฉีหมิงเห็นนางจากไปแล้ว เขาก็ให้เย่หวินแอบตามนางไป

เมื่อเข้าไปที่จวนหลินอ๋อง หลังจากสาวใช้เอาชุดต้านเชื้อมาให้เปลี่ยน สิ่งที่โล่หวินหลานทำเป็นอันดับแรกคือไปดูว่าส้มขึ้นราหรือยัง

สาวใช้นำทางไป แล้วพูดว่า “ทางน้ำนี้อับชื้นมาก ปกติแทบจะไม่ได้ใช้ ก็เลยเอาส้มมาเก็บไว้ในนี้ จะให้ขึ้นราก็ทำได้ง่าย”

เมื่อเดินไปสาวใช้ก็เตือนนางว่า “พระชายาระวัง”

ที่แท้ด้านล่างนี้เป็นขั้นบันได โล่หวินหลายเดินตามแสงไฟไป “ถ้าอย่างนั้น ส้มก็จะขึ้นราเร็วขึ้นงั้นสิ”

ในที่สุดก็เดินมาถึงชั้นล่างสุด รอบๆทางน้ำมืดไปหมด มีส้มวางอยู่ในกล่อง

ทุกก้าวที่เดินไปก็จะได้ยินเสียงน้ำดังขึ้น มันมีน้ำขังรุนแรงมาก

เมื่อเข้าใกล้ส้มก็ได้กลิ่นอับชื้นขึ้นราแรงมาก โล่หวินหลานก้มหน้าไปมอง ส้มขึ้นราได้อย่างพอดีแล้ว มันก็จะทำให้อาการของโม่ฉีมู่นั้นหายเร็วขึ้น

นางชี้ไปที่กล่องส้ม “พอได้แล้วล่ะ ยกขึ้นไปเลย”

คนๆนั้นตอบรับ แล้วก็เรียกสาวใช้อีกคนมา ทั้งสองยกกล่องส้มขึ้นไป

พวกเขาวางส้มไว้ที่ห้องที่โล่หวินหลานไว้ใช้ทดสอบยา แล้วสั่งให้พวกนางออกไป

ตอนนี้ก็สามารถเพาะเชื้อได้แล้ว แค่ดึงเอาเชื้อรามาเพาะแล้วทำเป็นวัคซีน ฉีดเข้าไปในตัวของโม่ฉีมู่เขาก็จะหายแล้ว

ตอนนี้ก็ต้องอดทนรอการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น

“พระชายา พระสนมทูลเชิญไปพบเพคะ” เสียงสาวใช้มาเคาะประตู

นางเคยบอกไว้แล้วว่าเวลานางอยู่ในห้องทดลองยานั้นห้ามใครมากวนนางเด็ดขาด ต้วนกุ้ยเฟยไม่ใช่คนที่ไม่รู้จัดกาละเทสะ อีกทั้งนางไม่เคยมาเรียกนางในเวลานี้มาก่อน

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” โล่หวินหลานถาม

สาวใช้รีบตอบกลับมาว่า “ทางพระสนมไม่ได้มีเรื่องอะไรเพคะ เพียงแต่ว่าฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”

เย่ฮองเฮามางั้นหรอ? น่าสนุกดีนี่นา คนหนึ่งเสด็จแม่ อีกคนพระมารดา ทั้งสองพบหน้ากันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ท่านพี่ ชุดที่พระชายาสั่งให้ทำมันก็มีประโยชน์อยู่บ้าง เชื่อถือได้นะเพคะ เพื่อป้องกัน ท่านก็สวมมันเถอะเพคะ” ต้วนกุ้ยเฟยเตือนอย่างระมัดระวัง

ท่าทางที่ระมัดระวังของต้วนกุ้ยเฟยฮองเฮาเห็นอยู่ นางอดขำไม่ได้ “น้องหญิง แค่ฝีดาษก็ทำให้เจ้าตกใจขวัญเสียขนาดนี้เลยหรอ ความน่าเกรงขามของเจ้ามันหายไปไหนหมดแล้ว?”

หลังจากประชดประชันต้วนกุ้ยเฟยแล้ว ก็ยังไม่ลืมที่จะหันไปแขวะโล่หวินหลาน “วิชาแพทย์ของพระชายาหมิงอ๋องเก่งกาจ รักษาอาการของรัชทายาทจนหายมาแล้ว แต่ว่าฝีดาษเป็นโรคร้ายแรง เจ้ารักษาได้หรอ?”

โล่หวินหลานอยู่เฉยๆก็โดน ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเย่ฟังเสว่เสี่ยงมาที่นี่ทำไม

ที่นางมาก็เพื่อมาดูว่านางรักษาอาการโม่ฉีมู่ได้ไหม หากนางทำท่าทางไม่มีความมั่นใจ อาจจะมีโทษได้

ตอนนี้นางยิ่งเข้าใจยิ่งขึ้นอีกว่า อยู่ที่ไหนก็อันตรายทั้งนั้น

“ฮองเฮาเพคะ ทรงเชื่อใจหม่อมฉันได้ แค่ฝีดาษ ทำอะไรหม่อมฉันไม่ได้หรอกเพคะ” โล่หวินหลานยิ้ม ไม่ได้สนใจเลยที่เย่ฟังเสว่บอกว่าวิชาแพทย์ของนางไม่ดี

“ข้าเชื่อฝีมือเจ้าอยู่แล้ว แต่ว่าวันนี้ข้าเองก็พาหมอหลวงมาด้วย ยังไงก็ให้ข้าได้ทำหน้าที่ของแม่ที่ดีบ้าง คนเยอะจะได้ช่วยกันได้มากขึ้น ให้หมอหลวงสูตรวจอาการหลินอ๋องดูหน่อยเถอะนะ” เย่ฮองเฮาพูดจบ ตรงหน้าประตูก็มีคนๆหนึ่งเดินเข้ามา

เขาสวมชุดหมอหลวง ชุดผ่าสีน้ำเงินมีแขวนป้ายหยกสีขาว ถือกล่องยา อายุเขาประมาณห้าสิบ น่าจำงานในสำนักหมอหลวงมานาน

“ถวายพระพรฮองเฮา พระสนม พระชายา” หมอหลวงสูทำความเคารพพวกนาง

ต้วนกุ้ยเฟยทำตัวเหมือนที่ไม่อยู่ตรงนั้น เย่ฮองเฮาคิดว่านางกำลังเศร้าเสียใจกับอาการของโม่ฉีมู่ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรนางนัก

แต่เมื่อหมอหลวงสูเดินออกมา นางก็เหมือนมีสติขึ้นมา นางไม่ได้ลืมข้อตกลงที่ทำไว้กับโล่หวินหลาน ว่าห้ามให้โม่ฉีมู่ใช้ยาอย่างอื่นอีกเป็นอันขาด อีกทั้งนี่เป็นหมอหลวงที่เย่ฮองเฮาพามา ยิ่งเชื่อถือไม่ได้

“ลุกขึ้นเถอะ หมอหลวงสูเจ้าไปตรวจอาการของหลินอ๋องดูสิว่าเขาเป็นยังไงบ้าง”

ต้วนกุ้ยเฟยเองก็ไม่ช้า เห็นหมอหลวงสูกำลังจะเข้าไปตรวจอาการของโม่ฉีมู่ ก็ให้สาวใช้มาขวางไว้

“ขอบพระทัยท่านพี่ที่หวังดี แต่ว่าตอนนี้มู่เอ๋อยังไม่ฟื้น เกรงว่าคงไม่เหมาะที่จะให้หมอหลวงสูเข้าไปตรวจอาการ ยังไงก็ให้หมอหลวงสูกลับไปเถอะ” พูดจบ ต้วนกุ้ยเฟยก็ลุกขึ้นมา สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เย่ฮองเฮาเองก็ลุกขึ้นมาแล้วจ้องไปที่ต้วนกุ้ยเฟย ทั้งสองเหมือนลูกไฟสองลูกที่กำลังจะพุ่งใส่กัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก