ตอนที่65ความสัมพันธ์
ต้นฤดูใบไม้ร่วงอุณหภูมิจะมีความเย็นเล็กน้อยโล่หวินหลานไม่ชอบความหนาของเสื้อคลุมกันลมเพราะยุ่งยากลำบากดังนั้นจึงไม่ค่อยใส่เพราะขี้เกียจแต่จะใส่เสื้อทับอีกชั้น
แต่ก็ไม่รู้ว่าเสื้อด้านในที่ใส่ทับบางเดินไปรึป่าวทุกครั้งที่ลมพัดมามักลอดผ่านเสื้อเข้ามาชั้นในทะลุผ่านเข้าโดนเนื้อหนังตลอด
ถึงจะเก่งกาจขนาดไหนโม่ฉีหมิงถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกมองนางแล้วพูด“ก้มหัว”
โล่หวินหลานเลิกคิ้วมองเขาในใจรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ให้ความร่วมมือด้วยการก้มหัวลงดูเขาเอาเสื้อคลุมมาสวมให้เขาแล้วผูกเชือกเป็นโบว์แล้วค่อยลุกขึ้น
“วันนี้ทั้งวันเจ้าไปไหนมา?”โล่หวินหลานถามอย่างไม่สบอารมณ์ไม่เห็นแม้แต่เงาเขาทั้งวัน
โม่ฉีหสิงกุมมือนางไว้เดินไปนั่งที่โต๊ะหินศิลาข้างๆข้างบนมีแจกันดอกจึเทิงฮวาวางอย่างสวยงามนางเงยหน้ามองดูก้มหัวลงต่ำยกแก้วชาขึ้น
เขาไม่ได้ตอบนางตรงๆแต่กลับพูด“เวินอ๋องกลับจากเยี่ยนเหมินแล้วยังไปช่วยคุณหนูสามเย่เย่เซียวโหลไม่กี่วันเสด็จพ่อจะจัดงานเฉลิมฉลองให้ตระกูลเย่พวกเราทุกคนต้องพาคนที่บ้านไปด้วย”
โล่หวินหลานถามอย่างละเอียดจับประเด็นใจความในประโยคถามอย่างสงสัย“ตระกูลเย่?ทำไมฮ่องเต้ต้องจัดงานเฉลิมฉลองให้ตระกูลเย่โดยเฉพาะด้วยล่ะ?”
อีกอย่างคนที่ทำให้ฮ่องเต้ต้องต้อนรับขับสู้ด้วยตัวเองต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่วันนี้โม่ฉีกมิงมาพูดเรื่องนี้กับตัวเองก็ไม่ได้พูดไปอย่างนั้นต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่แน่
หน้าของโม่ฉีหมิงขรึมขึ้นแววตาขอบโม่ฉีหมิงส่องสะท้อนเห็นคลื่นนัยน์ตาสีดำสนิทแหลมคมดั่งใบมีด
น้ำเสียงของเขาลากยาวน่ำเสียงหนักแน่นดั่งเสียงนาฬิกาตอนเช้าตรู่“คนตระกูลเย่มีความสำคัญมากพวกเขาเคยมีพันธมิตรอยู่ที่เจียงซานมาก่อนทุกวันนี้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ที่นอกเมือง”
สายตาของเขามองไปที่โล่หวินหลานพูดขึ้น“แต่ก่อนตระกูลโม่ฉีเย่ร่วมกันสู้รบกับเจียงซานเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกันมาก่อนแต่ตำแหน่งจักรพรรดิมีเพียงหนึ่งเดียวพวกเขาต่างไม่อยากแตกคอกับพี่น้องตัวเองเพราะตำแหน่งนี้ดังนั้นบรรพบุรุษตระกูลเย่จึงให้ลูกสาวสุดที่รักของเขาเสียสละไปอยู่เจียงซานซ่อนตัวอยู่ในป่าตั้งแต่นั้นมาบรรพบุรุษฝ่ายเราจึงกำหนดว่ารัชทายาทต้องแต่งกับลูกสาวตระกูลเย่
โล่หวินหลานตั้งใจฟังเรื่องที่โม่ฉีหมิงเล่า นี่เป็นครั้งแรกมี่นางรู้ความเป็นมาของบ้านเมือง
แต่สิ่งที่ทำให้นางคาดไม่ถึงคืออตีตจะมีความสัมพันธ์ซับซ้อนอย่างนี้ถึงขั้นมีการเสียสละตัวเองเพื่อนแต่งงานกับคนแบบนั้นเพื่อพี่น้องร่วมสาบานต้องให้ลูกสาวที่ตัวเองรักต้องไปตกระกำลำบากที่เจียงซาน
ปัจจุบันยังตะมีสักกี่คนที่ทำได้ถึงขั้นนี้?โล่หวินหลานรู้สึกนับถือบรรพบุรุษตระกูลเย่จากใจ
นางคิดแล้วคิดอีกพูดอย่างเห็นพ้อง“บรรพบุรุษตระกูลเย่ไม่ร้องขอชื่อเสียงทำเพื่อพี่น้องของตัวเองทำให้เป็นที่นับถือ”
โม่ฉีหมิงเห็นว่าโล่หวินกลานเข้าใจอย่างลึกซึ้งจึงพยักหน้าตาม
การกระทำของบรรพบุรุษตระกูลเย่เป็นวิธีที่ทำให้ผู้คนยกย่องแต่มาวันนี้ใครจะไปทำเพื่อเพื่อนจนต้องเสียสละลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจตัวเองล่ะ
โล่หวินหลานเหมือนคิดอะไรออกพูดทันที“ถ้าอย่างงั้นรัชทายาทหนึ่งเดียวในไท่จึเฟยก็คือคุณหนูที่สามตระกูลเย่รัชทายาทต้องแต่งกับนางเท่านั้นแล้วมาครั้งนี้เวินอ๋องช่วยนางไว้ได้เพื่อนตอบแทนพระคุณของเวินอ๋องก็จะเข้าใกล้กับเขามากขึ้น”
โม่ฉีหมิงมองพ้วยสายตาชื่นชมนางปากยกยิ้มอย่างอดไม่ได้และพูดเสียงอ่อน“แต่ไหนแต่ไรมาคนตระกูลเย่มักหยิ่งยโสแต่เพื่อปกกันตัวเองจากภัยอันตรายไม่ไปมาหาสู่กับราชสำนักไหนทั้งนั้นมาครั้งนี้เวินอ๋องอยากใช้การช่วยเย่เซียวโหลไว้ผูกมัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ข้ากลัวแต่ว่าเขาจะตักน้ำใส่ตะกร้าไม้ไผ่ทำให้ทุกอย่างสูญเปล่า
ที่แม้ก็เป็นแบบนี้นี่เองหากเปลี่ยนเป็นใครสักคนต่างก็จะเลือกห่างไกลจากราชสำนักให้ไกลที่สุดตอนที่ถอนตัวจากอำนาจทั้งหมดเพื่อไม่อยากคล่องแวะกับราชสำนักมาวันนี้ต้องเข้าใกล้คนในราชสำนักมากขึ้นคนก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา
ตระกูลเย่ดูแล้วไม่ได้เป็นที่ดูถูกรุ่นสู่รุ่นดูแล้วเหมือนไม่มีความสำคัญอะไรตอนนี้เขาก็จับจุดการรวบรวมอำนาจและสังเกตการณ์อย่างชัดเจน
โล่หวินหลานยิ้นออกมา“ดูท่าแล้วการเฉลิมฉลองครั้งนี้เป็นการเฉลิมฉลองนัดดูตัวแล้วล่ะ!”
ฮ่องเต้ไม่ได้ใส่ใจหรือกังวลอะไรกับตระกูลเย่ครั้งนี้ไม่ได้เพียงแค่ต้อนรับขับสู้คนตระกูลเย่หรือจะเยากดูว่าตระกูลเย่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
สายตาของโม่ฉีหมิงรอยยิ้มเขายิ่งอยู่ยิ่งลึกยื่นมือไปช้อนเต้าฮวยตักเข้าปากหนึ่งคำแล้วก็ใช้มือเช็ดเศษที่ติดปากอยู่ข้างยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วจึงยื่นถ้วยชาให้นาง
พอกินเต้าฮวยที่ส่งเข้าปากเสร็จโล่หลานยังคงทำให้ผู้คนที่พบเห็นติดขัดได้เสมอแล้วก็รับถ้วยชาจากมือเขามาจิบในใจรู้สึกเต็มตื้นถาม“แล้วครั้งนี้เข้าวังข้าต้องทำอะไรบ้าง?”
โม่ฉีหมิงส่ายหัว“ไม่ต้องหรอกพวกเราทำตัวปกติเถอะ”
โล่หวินหลานเท้าคางมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาคิวเส้นตรงเรียงยาวสวยขมวดขึ้น ใช้ความคิดอจู่ครู่หนึ่งจึงถามออกไป“หมิวถ้าวันมี่เดินเข้าวังเจ้าสวมหน้ากากนะ
โม่ฉีหมิงยื่นมารับหน่อยตะปูยางกับค้อนหมุนล้อรถเข็นไปข้างหน้าโล่หวินหลานนางขมวดคิ้วขึ้นสีหน้ามีความไม่สบอารมณ์พูด“ทำยังไง?”
โล่หวินหันกลับมาก็เห็นเขาถือตะปูยาวกับค้อนไว้ในมือแล้วมือหนึ่งถือถังเหล็กไม่รู้ว่าต้องลงมือยังไงเขามองอย่างสงสัยไปที่โล่หวินหลานรอนางเอ่ยปาก
“ใช้สองสิ่งนี้ทำให้เป็นรูเยอะๆก็พอแล้ว”นางพึ่งพูดจบโม่ฉีหมิงก็นำถังเหล็กใบนั้นมาวางที่ตักตัวเองแล้วเริ่มนำตะปูตอกลงไป
ท่าทางของเขาไม่ค่อยคล่องเพราะต้องตอกรูเล็กๆฉะนั้นจึงต้องตอกตะปูลงไปอย่างเล็กละเอียดเพราะที่นี่ไม่มีบัวรดน้ำพลาสติกไม่งั้นก็สามารถนำแบบหัวฉีดสเปรย์พ่นน้ำได้แล้ว
“ระวังนะ”นางอดไม่ได้ที่จะเตือนเบาๆทุกครั้งที่เขาตอกหนึ่งรูนางก็จะขมวดคิ้วทุกครั้ง คิ้วน้อยๆที่เรียงสวยแทบจะรวมกันเป็นหมั่นโถวลูกหนึ่งได้
โม่ฉัหมิงไม่ใส่ใจกับคำเตือนของนางกำค้อนกับตะปูในมือแน่น“ปึ้งๆ”ดังในหูของทุกคนสายตามองไปที่เขาที่ค่อยๆตอกตะปูลงบนถังเหล็กเป็นรูๆ
ตะปูอันนี้เหมือนจะไม่ใช่ตะปูราวกับทำขึ้นมาเพื่อเขาดั่งอยู่ในมือเขาแล้วมีพลังเวทมนต์บางอย่างยิ่งตอกไปรูสุดท้ายฝีมือของเขาก็ยิ่งชำนาญขึ้นทำได้อ่างไม่ใช่แค่รวดเร็วแต่ยังมีเทคนิคในตัว
คนสมัยก่อนเรียนรู้ได้รวดเร็วขนาดนี้เลยหรอ?หรือจะเป็นแค่โม่ฉีหมิงคนเดียว?หรือไอคิวของเขาจะเยอะกว่าคนทั่วไปหลายสิบเท่าโล่หวินหลานมองเขาพลางถอนหายใจคนเหนือคนน่าโมโหจริงๆ!
“ดีเลยดูสิว่าเป็นของที่เจ้าอยากได้ใช่ไหม”โม่ฉีหมิงนำถังเหล็กที่ถูกเจาะเป็นรูพรุนเล็กๆยื่นให้โล่หวินหลานในแววตาซ่อนความเอ็นดูรักใคร่
โล่หวินหลานมองด้วยสายตาขอบคุณยื่นมือไปรับถังเหล็กใบนั้นมาถือไว้เป็นของที่นางอยากได้จริงๆมองอย่างยิ้มๆไปที่เขาตาโตลุกวาวอย่างพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวมองด้วยสายตาซาบซึ้งแล้วก็หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กขึ้นมาซับเหงื่อให้เขา
ขณะที่นางเข้าใกล้โม่ฉีหมิงสายตาของเขาก็พลันตกวูบยื่นมือไปคล้องคอนางไว้ทำให้นางเซเข้าชิดตรงหน้าอกของเขาจูบเบาที่ผมของนางเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น“อย่าใช้สายตาแบบนี้มองข้า ข้าจะต้านทานไม่ไหว”
เขาค่อยๆพูดย้ำทีละคำๆเข้าหูของนางใบหน้าแดงซ่านขึ้นมายื่นมือไปผลักอกเขาอย่างแรงที่นี่ไม่มีคนรึไงจริงๆเลยตาคนนี้
“ข้าจะเอาของพวกนี้ไปให้พวกสาวใช้ให้พวกนางทดลองใช้ดู”โล่หวินบิดม้วนแล้วลุกขึ้นในมือถือบัวรดน้ำของที่ประดิษฐ์แล้วออกจากห้องไป
เหลือเพียงโม่หมิงที่หัวใจว้าวุ่นทำอะไรไม่ถูกอยู่ในห้องเพียงพังจะใช้ของที่มืออันล้ำค่าของเขาไปให้พวกคนรับใช้ใช้เนี่ยนะ?ถ้ารู้อย่างนี้แต่ต้นเขาจะเสียแรงทำไปทำไม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก