ตอนที่ 127 คุกน้ำใต้ดิน
หลินซินเยียนสบตากับเทียนหยุนจือ "เช่นนั้นท่านเตรียมตัวมาที่จะช่วยข้า หรือขัดขวางข้า?"
"เพื่อขัดขวางเจ้า" ใบหน้าของเทียนหยุนจือแฝงด้วยความกังวลที่ไม่สามารถมองได้ชัดเจน เขามองกลับไปที่ประตูเรือนซึ่งดูเหมือนจะไม่มีคนเฝ้ายาม จึงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา "ข้าแนะนำเจ้าว่าอย่าเข้าไปเสียดีกว่า ท่านเยว่ก็เป็นผู้ที่ข้าเคารพนับถือคนหนึ่ง ในเมื่อเขาตัดสินใจเลือกแบบนี้ แสดงว่าเขาย่อมมีเหตุของเขา หากเจ้าเข้าไปดู รังแต่จะเพิ่มความโศกเศร้าก็เท่านั้น ในยามนี้สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือการหาพวกลักขโมยเหล่านั้น ถูกต้องหรือไม่?"
ยิ่งเขาขัดขวาง ก็ยิ่งเป็นการอธิบายได้ว่าสภาพด้านในของท่านเยว่ย่อมไม่ดีแน่นอน
หลินซินเยียนขยับตัว อยากจะเข้าไปยังด้านในด้วยหมัดที่กำแน่น
“เจ้าอยากจะเข้าไปจริงๆงั้นหรือ? แม้ถ้าได้เห็นแล้วจะเป็นอย่างไร? แทนที่จะหาเรื่องรบกวนจิตใจของตนเอง ยังไม่สู้ใช้เวลาไปหาตัวผู้กระทำผิด อีกอย่างถึงแม้เจ้าเข้าไปก็ไม่แน่ว่าจะได้พบเขา” เทียนหยุนจือยื่นมือมารั้งแขนของนาง
หลินซินเยียนกลับสลัดหลุดจากการรั้งของเขา แค่นเสียงเย็นชาออกมา "แม้แต่ความกล้าที่จะไปเยี่ยมอาจารย์ตนยังไม่มี ข้าหลินซินเยียนไม่ได้ไร้ความสามารถขนาดนี่้!"
หลังจากที่กล่าวจบ นางพุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจการทัดทานของเทียนหยุนจือ
เทียนหยุนจือทอดถอนหายใจ หันกายตามเข้ามา “ก็ได้ ก็ได้ ข้ารู้อยู่แล้วว่าขวางเจ้าไม่ได้ แทนที่จะให้เจ้าเดินทะเล่อทะล่า ไม่สู้ให้ข้านำทางเจ้าดีกว่า”
หลินซินเยียนชะงักร่าง มองเข้าด้วยความตกตะลึง พลันรีบพยักหน้าในที่สุด
ยามที่เซียวฝานและอู๋อี้เร่งตามมาถึง ก็เห็นภาพที่หลินซินเยียนตามเทียนหยุนจือเข้าไปในเรือนพอดิบพอดี ทั้งสองคนวิ่งไปยังเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจจนหน้าซีด รีบเร่งอย่างมากเพื่อจะตามหลินซินเยียนให้ทัน
ทว่าพวกเขากลับมาช้าไปหนึ่งก้าว ในขณะที่พวกเขาไล่ตามมาถึงประตูเรือน ประตูก็ได้ถูกปิดลงอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งที่สองที่หลินซินเยียนเข้ามาในเรือนพำนักของท่านประมุข ครั้งก่อนที่มาก็เป็นเวลาค่ำไปแล้ว ดังนั้นภาพบรรยากาศภายในเรือนเป็นอย่างไรนางจึงยังไม่ได้มองให้ชัดเจน แต่ในครั้งนี้ภายในใจของนางนั้นร้อนรนจนไม่มีเวลาที่จะมาดูภาพบรรยากาศรอบๆ
ติดตามเทียนหยุนจือเดินผ่านหลายทางเดินระเบียงที่ทอดยาว จึงได้มาถึงเบื้องหน้าของภูเขาจำลองแห่งหนึ่ง ในขณะที่นางกำลังสงสัยก็เห็นเขาขยับก้อนหินที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยโดดเด่นบนภูเขาจำลองหลังจากนั้นภูเขาจำลองเริ่มก็แยกตัวออกจากกันเป็นสองฝั่ง
เมื่อภูเขาจำลองนั้นแยกออก ก็เผยให้เห็นทางเดินที่ทอดลงไป
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้หลินซินเยียนตกใจกลับเป็นคนผู้หนึ่งที่กำลังยืนอยู่ ณ ปากทางเข้าในเวลานี้ เสื้อผ้าของอี้เซิงที่ยังคงเป็นสีอ่อนเช่นเดิม ใบหน้าที่ยังดูดีเหมือนเดิม แต่น่าเสียดายมีเพียงหลินซินเยียนที่รู้ว่า ใบหน้าที่งดงามนั่นเป็นเพียงหน้ากากหนังมนุษย์ก็เท่านั้น และใบหน้าจริงภายใต้หน้ากากนั้นยังดูดีกว่าถึงเจ็ดแปดส่วน
โม่จื่อเฟิงยืนอยู่ที่ปากทางเข้า กวาดสายตาผ่านเทียนหยุนจือ แล้วมองไปยังใบหน้าของหลินซินเยียน จู่ๆเขาพลันหัวเราะเสียงเย็นเยียบขึ้นมา "ท่านประมุขน้อย นี่ท่านจะนำนางไปคุกน้ำใต้ดินหรือ?"
ทว่าเทียนหยุนจือดูไม่เหมือนจะไม่ชอบกับท่าทีของโม่จื่อเฟิงที่กล่าวกับหลินซินเยียน จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “จะอย่างไร ซินเยียนก็ยังคงเป็นหญิงที่ยังไม่ออกเรือน ท่านกล่าวด้วยวาจาเช่นนี้ ใช่ทำเกินไปหรือไม่?”
โม่จื่อเฟิงเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาแค่นเสียงเย็นโดยไม่กล่าวอะไรแล้วรับตำราเล่มนั้นจากมือของเทียนหยุนจือ หลังจากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกเพื่อให้ทั้งสองคนผ่านเข้าไป
เมื่อเขาหยิบตำราเล่มนั้น เทียนหยุนจือจึงเรียกให้หลินซินเยียนเดินเข้าไปในคุกน้ำฯ “พวกเราเร่งเข้าไปกันเถิด ต้องรีบทำเวลาก่อนที่จะมืดค่ำ”
“หลินซินเยียนพยักหน้าถี่รัวแล้วเดินตามเขาไป เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปเหลือบมอง เห็นเพียงแผ่นหลังของโม่จื่อเฟิงที่ยืนอยู่ปากทางเข้าเบื้องหน้าภูเขาจำลอง ถึงแม้จะเป็นเพียงภาพเงาหลัง แต่นางก็รู้ว่าตัวเขาในยามนี้ คงแทบทนรอไม่ไหวที่จะบีบคอนางให้ตายอย่างแน่นอน
แต่ทว่าตอนนี้นางไม่มีเวลาให้กังวลมากขนาดนั้น
ภายในคุกน้ำใจดินที่ทั้งมืดและเงียบสงัด ถิ่นฐานแห่งชนชั้นสูงศักดิ์แต่ที่แห่งนี้กลับมีเพียงตะเกียงน้ำมันขนาดหัวแม่มือ แม้แต่อากาศก็ยังรู้ยังรู้สึกถึงความเหนียวเหนอะหนะ บางทีน้ำในที่แห่งนี้ไม่เคยได้เปลี่ยนมานานหลายปี ดังนั้นแล้วทั่วทุกตารางนิ้วล้วนเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ทำให้คนสะอิดสะเอียน
หลินซินเยียนเกิดอาการขย้อน คลื่นไส้อยู่หลายครั้งแต่กลับไม่อาเจียนอะไรออกมา ใบหน้าของนางซีดขาว มุ่งเดินไปเบื้องหน้าอย่างทุลักทุเล ขาสะดุดเข้ากับบางอย่างจนนางเกือบจะล้มลง เมื่อเพ่งดูให้แน่ชัด จึงเห็นว่าเป็นแท่งกระดูกของมนุษย์ กระดูกนั่นดูเหมือนว่าถูกหั่นยังไม่นานนัก บนกระดูกยังหลงเหลือเนื้อหนังอยู่บางส่วน และบนผิวหนังยังมีหนอนสีขาวตัวเล็กๆกำลังชอนไชอยู่ยั้วเยี้ย
อาการคลื่นไส้สะอิดสะเอียนถาโถมมาอีกครั้ง หลินซินเยียนโก้งโค้งอาเจียนออกมาจึงค่อยทุเลาลง การย่างก้าวของนางยิ่งเดินก็ยิ่งเร็ว นางส่งเสียงเรียกเบาๆอย่างกระวนกระวาย “อาจารย์..ท่านอาจารย์….”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...