ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 162

บทที่ 162 ตามมาฉีกหน้าคุณถึงที่

การประชุมเสร็จสิ้น กู้จือหยั่นเดินตามหลังเฉินถิงเซียว ไปที่ห้องทำงานท่านประธาน

กู้จือหยั่นเอาเอกสารในมือวางลงบนโต๊ะทำงาน ไม่พูดไม่จาอะไรก็หมุนตัวเดินจากไป“จือหยั่น”

ทันใดนั้นเฉินถิงเซียวก็เรียกเขาเอาไว้

กู้จือหยั่นเงยหน้า มองเขาอย่างสงสัย “ยังมีเรื่องอะไรอีก”

“กลับไปพักผ่อนเถะ” เฉินถิงเซียวรู้ว่า กู้จือหยั่นทำงานล่วงเวลาอดหลับอดนอนอยู่ที่บริษัทหลายวันแล้ว

กู้จือหยั่นปฏิเสธเขาทันที “ไม่ต้อง ฉันชอบทำงาน”  

ฟู้ถิงซีผลักประตูเข้ามาพอดี ได้ยินคำที่กู้จือหยั่นพูดอย่างชัดเจน

บนใบหน้าที่จริงจังของเขาปรากฏรอยแตกแยก กู้จือหยั่นคนนี้ชอบทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน บ้าไปแล้วเหรอ

“ฉันกลับไปที่ห้องทำงานฉันก่อนนะ” กู้จือหยั่นหันไปมองฟู้ถิงซี แล้วก็ยื่นมือไปตบที่บ่าเขา ถือเป็นการทักทาย

สายตาของฟู้ถิงซีอยู่กับกู้จือหยั่นตลอดเวลา จนกระทั่งแผ่นหลังของเขาหายวับไปด้านนอกประตู เขาจึงถามเฉินถิงเซียวว่า“เขาเป็นอะไร”

“บ้าแล้ว”

เฉินถิงเซียบหลุบตา สายตามองไปยังเอกสารที่เปิดอยู่บนโต๊ะทำงาน พูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจ ไม่รู้ว่ากำลังพูดถึงกู้จือหยั่น หรือว่าพูดถึงตัวเขาเองกันแน่

ช่วงหลายวันนี้รู้สึกแปลกๆไปทั้งตัว

มู่น่อนน่อนผุ้หญิงคนนั้น ครั้งนี้ใจแข็งคิดจะทะเลาะกับเขาต่อไปจริงๆเหรอ

ฟู้ถิงซีจับสังเกตได้แม้ว่าสายตาของเขาจะมองลงไปที่เอกสาร แต่เห็นชัดว่าไม่ได้มองที่เอกสาร แต่กำลังคิดถึงเรื่องอื่น

ฟู้ถิงซีพูดไม่ออกเล็กน้อย เขาก็แค่ไปทำงานนอกสถานที่เพิ่งกลับมา สองวันทำไมคนถึงได้เปลี่ยนไปเหมือนวิญญาณออกจากร่างแบบนี้

เขาโน้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้โต๊ะหนังสือของเฉินถิงเซียว“วันหยุดสุดสัปดาห์ทำงานล่วงเวลาอะไรกัน ออกไปดื่มเหล้ากันเถอะ”

……

มู่น่อนน่อนส่งซือเฉิงหยู้และเฉินเจียฉินไปแล้ว ก็รับสายของเสิ่นเหลียง

“จำผู้กำกับคนนั้นที่เมื่อก่อนฉันเคยบอกเธอได้มั้ย ผู้กำกับคนนั้นอยากพบแก ฉันว่างวันนี้พอดี ก็ไปดื่มชาตอนบ่ายด้วยกันนะ”

มู่น่อนน่อนได้ยินดังนั้น ก็รีบตอบรับทันที “ได้”

ผู้กำกับคนนั้นมาร่วมรับประทานอาหารที่โรงแรมจีนติ่งพอดี ดังนั้นสถานที่ที่จะดื่มชาในตอนบ่าย ก็กำหนดไว้เป็นที่โรงแรมจีนติ่งเลย

เฉินถิงเซียวช่วงนี้กลายเป็นคนบ้างาน ทำงานล่วงเวลาอย่างบ้าคลั่งทุกวัน คงจะไม่น่าไปเจอเขาที่จีนติ่ง

คิดอย่างนี้ มู่น่อนน่อนก็เบาใจลง

มู่น่อนน่อนและเสิ่นเหลียงนัดพบกันที่ประตูโรงแรมจีนติ่ง

เสิ่นเหลียงเหมือนกับเพิ่งไปร่วมรายการอะไรมา บนใบหน้ามีการแต่งหน้าอย่างสวยงาม แฝงด้วยความเหนื่อยล้า

มู่น่อนน่อนถามอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย “ช่วงนี้เหนื่อยมากเหรอ”

เสิ่นเหลียงเดินเข้าข้างในพลางพูดพลาง “ยังไหว ประกาศค่อนข้างมาก แต่ก็ยังเอาอยู่”

ช่วงนี้โฆษณาของเธอไม่เยอะมากนัก แต่ทั้งหมดกลับล้วนเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอทำตัวหน้าด้านกับทางเฉินถิงเซียวนั้นหรือไม่ เฉินถิงเซียวเห็นแก่ที่เธอมีทัศนคติที่ดีต่อเขา ดังนั้นจึงมอบหมายงานให้

ทั้งสองคนพูดคุยกันไปพลางเดินเข้าไปในห้องรับรองพลาง

รออยู่นานมาก ก็ยังไม่เห็นผู้กำกับที่เสิ่นเหลียงพูดถึงคนนั้น

“ทำไมยังไม่มานะ ฉันจะลองโทรถามดู” เสิ่นเหลียงกดโทรออกไป ผู้กำกับคนนั้นไม่รับสาย

ชื่อของผู้กำกับชื่อว่าฉินอัน คือคนอื่นแนะนำให้เสิ่นเหลียง บอกว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ผลงานที่ถ่ายนั้นไม่เลว พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างนิดหน่อย

เมื่อก่อนเสิ่นเหลียงก็เคยติดต่อกับฉินอันอยู่หลายครั้ง รู้สึกว่าเขาก็ไม่เลว ดังนั้นจึงแนะนำให้เขาได้รู้จักกับมู่น่อนน่อน คิดไม่ถึงว่าฉินอันคนนี้ก็กลับกลายเป็นชู้รักของหลัวหยิง!

เสิ่นเหลียงปฏิเสธไปทันที “ไม่ต้องแล้ว พวกเรายังมีธุระอื่น”

แต่หลัวหยิงกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป “เสิ่นเหลียง เธอไม่กล้าเข้าไปเหรอ เธอกลัวอะไร”

เครื่องสำอางบนใบหน้าของหลัวหยิงหนามาก ตอนยิ้ม คนที่มองก็รู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างประหลาด

“กลัวถูกพวกคุณทำให้เห็นภาพบัดสีบัดเถลิง ปีนขึ้นเตียงกับคนอื่นไปทั่ว ไม่กลัวติดโรคเหรอ” เสิ่นเหลียงตอกกลับ ทำเอาหลัวหยิงพูดไม่ออก

ทั้งสองต่างก็ฉีกหน้ากันตั้งแต่แรกแล้ว แม้แต่สีหน้าเรียบเฉยตามปกติก็ยังขี้เกียจจะเสแสร้ง

หลัวหยิงกัดฟัน “อย่าเพิ่งได้ใจเร็วเกินไป คิดว่าลงเรือลำเดียวกับประธานกู้ก็จะเอาตัวรอดปลอดภัยได้ดีไปตลอดเหรอ มันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง”

เสิ่นเหลียงได้ยินเธอพูดถึงกู้จือหยั่น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “คำพูดนี้น่าจะส่งให้เธอถึงจะถูก ยั่วสามีคนอื่นมากมายขนาดนั้น ไม่กลัวว่าภรรยาเขาจะตามฉีกหน้าคุณถึงที่!”

“เธอ!ฝากไว้ก่อนเถอะ!” สีหน้าของหลัวหยิงซีดเผือด หน้าถอดสี สุดท้ายก็พูดว่าร้ายอะไรไม่ออก

เสิ่นเหลียงไม่ได้เอาคำข่มขู่ของเธอมาใส่ใจ มู่น่อนน่อนกลับมองไปที่หลัวหยิงอย่างครุ่นคิดครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “นอกจากแอบถ่ายเสิ่นเหลียงแล้ว ครั้งต่อไปเธอคิดจะทำอะไรอีก”

หลัวหยิงจึงได้มองไปยังมู่น่อนน่อน ปฏิเสธว่า “เธอพูดอะไร ฉันฟังไม่เข้าใจ”

“เธอจะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ทำหรือไม่ได้ทำเธอรู้ดีอยู่แกใจตัวเอง ตอนนี้เสิ่นเหลียงเป็นศิลปินของบริษัทเสิ่งติ่ง ประธานกู้ก็เป็นคนที่ชอบปกป้องคนของเขาอีกด้วย เธอเองคิดพิจารณาให้ดีๆแล้วกันนะ”

บนใบหน้าของมู่น่อนน่อนยังมีรอยยิ้ม น้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับพูดคุยกันทั่วไป แต่กลับทำให้เกิดความหวาดกลัวในใจของหลัวหยิง

ครั้งก่อนตอนที่อยู่ที่ไนต์คลับ เธอก็เคยเห็นการลงมือของกู้จือหยั่นแล้ว

แม้หลัวหยิงจะไม่ได้โด่งดังมากนัก แต่ก็ยังถือว่าพอมีชื่อเสียง สำหรับบริษัทก็พอมีมูลค่าทางธุรกิจอยู่ แต่กู้จือหยั่นกลับไม่พูดพร่ำทำเพลงบอกเลิกสัญญาเธอทันที!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม