บทที่191 ฉันว่าเธอคงอยากโดนบล็อก
“อืม”
เฉินถิงเซียวตอบ “ดูสิเธอดุขนาดนี้ ฉันก็ไม่กล้าว่าอะไรเธอหรอก เราสองคนสุดท้ายใครสุดยอดกันแน่?”
มู่น่อนน่อนเตะเขาอยู่ในผ้าห่มสองที เธอไม่อยากจะเถียงกับเขาเรื่องของความ“สุดยอด”นั่นอีก
เฉินถิงเซียวหัวเราะเสียงทุ้ม แล้วนอนต่อ
มู่น่อนน่อนไปดูกระดานกระทู้ หัวข้อที่ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่งคือ : ประธานกู้จอมพลัง
หัวข้ออันดับสองคือ : เสิ่นเหลียงหลัวหยิงประกาศกร้าว
หัวข้ออันดับสามคือ : กูมีเงิน
ถึงมู่น่อนน่อนจะไม่ได้คลิกเพื่อดูเนื้อหา ก็รู้สึกตะหงิดว่าสามหัวข้อนี้เหมือนจะเกี่ยวข้องกัน
เธอคลิกเข้าไปดูทีละอัน สุดท้ายก็เจอWeiboของชาวเน็ตคนหนึ่งที่สรุปไว้
“นี่คือเรื่องราวตั้งแต่เริ่มจนจบของหัวข้อที่เชื่อมโยงกันสามหัวข้อสำหรับผู้มาใหม่ที่เข้ามากินเผือก จุดเริ่มต้นคือหลัวหยิงกลับตาลปัตรมากล่าวหาผู้ก่อตั้งของบริษัทเสิ้งติ่ง——XN ด้วยการปั้นน้ำเป็นตัว จากนั้นก็กล่าวอย่างเป็นนัยว่าศิลปินหญิงที่เพิ่งเซ็นชื่อโดยใช้นามสกุลSแห่งบริษัทเสิ้งติ่งมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับบุคคลระดับสูงบางคน หลังจากเกิดเรื่องศิลปินหญิงนามสกุลSก็กระชากหลัวหยิงด้วยการประกาศกร้าวออกไปกลางอากาศ สุดท้าย‘บุคคลระดับสูง’ของบริษัทเสิ้งติ่งก็ออกมาตะโกน : [ กูมีเงิน อยากเซ็นใครก็เซ็น ] …...”
สุดท้าย บล็อกเกอร์คนนั้นก็กล่าวอีกหนึ่งประโยค “ทุกคนต่างก็รู้กันแล้ว ศิลปินหญิงนามสกุลSจะว่าไปก็คือนักแสดงใหม่ที่แสดงอะไรก็เหมือนอย่างนั้นเสิ่นเหลียง ‘บุคคลระดับสูง’ก็คือประธานกู้แห่งบริษัทเสิ้งติ่ง คงไม่พูดไม่ได้ เรื่องทะเลาะที่หาได้ยากนี้ ทำให้ฉันอยากจะประโคมข่าวเกี่ยวกับศิลปินหญิงนามสกุลSคนนั้นอย่างบอกไม่ถูกเลย [หัวเราะ][หัวเราะ][หัวเราะ]”
ตอนสุดท้ายยังใส่อิโมจิ[หัวเราะ]อีกต่างหาก
มู่น่อนน่อนอ่านสรุปจนจบ แล้วก็รีบไปดูที่หน้าWeiboของหลัวหยิง
“ในเมื่อทุกคนอยากรู้ว่าศิลปินหญิงนามสกุลSคนนั้นคือใคร ถ้างั้นฉันก็จะเปิดเผยให้ เธอสกุลเสิ่น เป็นนักแสดงหญิงที่เพิ่งจะเซ็นสัญญากับบริษัทเสิ้งติ่งด้วยค่าตัวสูงลิบ”
เสิ่นเหลียงถูกบริษัทเสิ้งติ่งดึงตัวไปด้วยค่าตัวสูง ในแวดวงในเองก็ไม่ใช่ความลับอะไร แต่เพราะเสิ่นเหลียงไม่ต้องการสร้างกระแส ดังนั้นจึงไม่ได้แถลงเรื่องนี้กับสื่อ แต่คนที่รู้ก็มีไม่น้อย
อย่างน้อย ๆ แฟนพันธุ์แท้ของเสิ่นเหลียงส่วนมากก็คงรู้เรื่องนี้
ทันทีที่โพสต์นั้นของหลัวหยิงโพสต์ออกมา ก็เกิดวงคลื่นมหึมาขึ้น
แฟนคลับของเสิ่นเหลียงก็เหมือนคนของเธอ ต่างก็ชอบก่อเรื่อง อยู่ดีไม่ว่าดี พอมีคนมาหาเรื่อง ทั้งหมดก็พร้อมจะต่อสู้
เมื่อweiboของหลัวหยิงถูกแฟนคลับของเสิ่นเหลียงจับได้ หลัวหยิงก็แกล้งตายนิ่งสนิท
สุดท้ายแฟนคลับของหลัวหยิงและแฟนคลับของเสิ่นเหลียงก็ตีกัน ท้ายสุดแน่นอนว่าเป็นแฟนคลับของเสิ่นเหลียง
แต่ในเวลานั้น กู้จือหยั่นก็โพสต์weiboเช่นกัน: “พูดนั่นพูดนี่ ทำไมไม่บอกล่ะว่าเธอถูกบริษัทเสิ้งติ่งยกเลิกสัญญาเพราะอะไร? เฮอะ กูมีเงิน อยากจะเซ็นกับใครก็จะเซ็น ในทางธุรกิจ ตราบใดที่มีมูลค่าทางการค้าให้กับบริษัท ฉันก็สามารถเซ็นให้เธอกลับมาในราคาสูงได้อย่างเดิม!”
ผ่านหน้าจอโทรศัพท์ มู่น่อนน่อนรู้สึกได้ถึงความเจ้าเล่ห์ที่weiboได้เปิดเผยออกมา
ในทางธุรกิจ?
เธอเชื่อคำพูดของกู้จือหยั่นก็บ้าแล้ว ที่กู้จือหยั่นดึงตัวเสิ่นเหลียงไปด้วยราคาสูง เหตุผลส่วนใหญ่ก็คงเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวแน่
ไม่อย่างนั้น เมื่อวานตอนที่เฉินถิงเซียวโทรไปหากู้จือหยั่น คงไม่พูดให้กู้จือหยั่นจบมันด้วยตัวเองหรอก
……
มู่น่อนน่อนดูweiboอยู่สักพัก ไม่มีความรู้สึกง่วงจึงลุกขึ้น
จากนั้น เธอก็เจอโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่ปิดเครื่องอัตโนมัติเนื่องจากแบตเตอรี่ต่ำเกินไปอยู่ใต้เตียง
เธอถอนหายใจแล้วชาร์จแบตอย่างเงียบ ๆ
เมื่อวานเสิ่นเหลียงส่งข้อความวีแชทมากมายในให้เธอ เธอยังไม่ทันได้อ่านเลย
เมื่อเปิดวีแชทอ่านข้อความที่เสิ่นเหลียงส่งถึงเธอเสร็จแล้ว ก็พบว่าหล่อนถามถึงเรื่องของXN ซึ่งหลัวหยิงได้ส่งมาหาเรื่องเธอก่อนหน้านี้
หลังจากอ่านจบ เธอก็โทรหาเสิ่นเหลียง
เสียงสัญญาณดังอยู่นานกว่าสายจะถูกรับ “ฮัลโหล?”
น้ำเสียงสะลึมสะลือของเสิ่นเหลียง เห็นได้ชัดว่ายังไม่ตื่นดี
“ฉันเอง น่อนน่อน” มู่น่อนน่อนเดาว่าเธอคงรับสายทั้งที่ยังหลับตาอยู่
เสิ่นเหลียงส่ายหน้า “ดูท่าทางเธอเคลิ้มเข้าสิ....”
“อืม เจ้าหมาเดียวดายอย่างเธอคงไม่เข้าใจ” มู่น่อนน่อนอารมณ์ดี หัวเราะล้อเล่นกับเธอ
เสิ่นเหลียงกลอกตา “ฉันว่าน้ำเสียงของเธอ ใกล้เคียงกับบอสใหญ่เข้าไปแล้ว”
ตอนเก็บเงิน มู่น่อนน่อนก็ใช้แบล็คการ์ดใบนั้น
เสิ่นเหลียงเดินเข้ามาถามเธอ “บอสให้เธอมาเหรอ?”
“เปล่า คุณปู่เขาให้ฉันน่ะ”
“WTF! บอสใหญ่พาเธอไปเจอที่บ้านแล้วเหรอ?” เสิ่นเหลียงพูดจบก็รู้สึกไม่ถูกต้อง “พวกเธอแต่งงานกันแล้ว ดูเหมือนจะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้...”
“งั้นตอนนี้เธอก็เป็นเศรษฐีนีเล็ก ๆ แล้วสิ!” เสิ่นเหลียงพูดพลางยื่นมือชี้นิ้ว “คุณนายน้อยตระกูลมู่ ภริยาท่านประธานบริษัทเสิ้งติ่ง.....จะฐานะไหนก็อลังการทั้งนั้น!”
มู่น่อนน่อนได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร
ฐานะแสนโอ่อ่าพวกนี้ประดับบนตัวเธอ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเฉินถิงเซียว
แต่ใจเธอรู้ดี เธอก็คือเธอเท่านั้น
หากลบตัวตนงดงามพวกนั้นออกไป เธอก็คือมู่น่อนน่อน มู่น่อนน่อนที่มีความฝันในการเขียนบทละครคนหนึ่ง
“อลังการไปก็กินไม่ได้ ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ การหางานจริง ๆ จัง ๆ” มู่น่อนน่อนพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เฉินถิงเซียวโทรมา
“อยู่ไหน? มีเวลาแวะมาที่บริษัทสักเที่ยวไหม?”
“มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” ทำไมอยู่ ๆ ถึงเรียกเธอไปที่บริษัทกัน
เฉินถิงเซียวใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งจึงพูดออกไป “มีเอกสารฉบับหนึ่งที่ทิ้งไว้ที่บ้าน เธอช่วยเอามาส่งให้ฉันหน่อยสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...