มู่น่อนน่อนประหลาดใจเล็กน้อย
เธอเพิ่มข้อมูลของฉินสุ่ยซานก่อน เมื่อวกกลับมาก็พบว่าอีกฝ่ายอยู่ในสถานะ ‘กำลังพิมพ์’
ในนาทีต่อมา ข้อความที่ฉินสุ่ยซานส่งให้เธอก็ปรากฏบนหน้าจอ
“มู่น่อนน่อน คุณคิดออกแล้วเหรอ”
ดูเหมือนเธอยังจำสิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้ได้
มู่น่อนน่อนเองก็ไม่อ้อมค้อม “ใช่ เรื่องที่คุณพูดก่อนหน้านี้ยังนับอยู่ไหม”
“แน่นอนว่านับ”
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินสุ่ยซานก็ส่งข้อความถึงเธออีกครั้ง “คุณเขียนประเภทไหน ส่งมาให้ฉันย่อๆ ก่อน แต่ช่วงนี้ฉันอาจไม่ว่าง ตอนนี้ฉันยังทำงานล่วงเวลาอยู่ คุณรอข้อความฉันหน่อยนะ บางทีอาจจะหลังเทศกาลโคมไฟ”
ความรู้สึกแรกที่มู่น่อนน่อนมีต่อฉินสุ่ยซานก็คือเป็นคุณหนูทองพันชั่งที่ไม่มีสามคติในการใช้ชีวิต
แต่ตอนนี้เธอพบว่า ฉินสุ่ยซานอาจจะไม่ใช่คนที่มีมุมมองเชิงบวกกับสามคติในการใช้ชีวิต แต่เธอมีกฎเกณฑ์ชีวิตของตัวเอง
โลกนี้ไม่มีดีเลวดำขาวที่แน่นอน
คนแบบฉินสุ่ยซาน มีกฎเกณฑ์ชีวิตของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ บางทีอาจเป็นคนที่ใช้ชีวิตผ่านไปอย่างยอดเยี่ยมที่สุด
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะ” มู่น่อนน่อนขอบคุณจากใจจริง
“อย่าเพิ่งขอบคุณเร็วนัก ถ้าสคริปต์ของคุณแย่ ฉันก็หาให้คุณได้แค่ผู้กำกับชั้นสามไม่มีชื่อเสียงโด่งดังนะ”
ฉินสุ่ยซานพูดตรงๆ แต่มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ไม่พอใจ
“โอเค”
“ฉันยังมีงานต้องทำ ยุ่งจะตายแล้ว ถ้าว่างแล้วเดี๋ยวจะคุยกับคุณอีก”
มู่น่อนน่อนกำลังจะตอบกลับไปว่า “คุณทำงานก่อนเถอะ” ก็เห็นแถบสถานะขึ้นว่าฉินสุ่ยซานกำลังส่งข้อความ
ในเวลาอันรวดเร็ว ข้อความของฉินสุ่ยซานก็ส่งเข้ามา “ตอนนี้คุณอยู่บ้านเก่าตระกูลเฉินใช่ไหม เฉินอินหย่ากลับบ้านปีใหม่คนเดียวหรือเปล่า”
“คุณอยากถามอะไรเหรอ” มู่น่อนน่อนคิดไปถึงครั้งก่อนที่เฉินอินหย่ากับฉินสุ่ยซานมีเรื่องกัน เฉินอินหย่าได้พูดถึงสวุมู่หันด้วย
สวุมู่หันเปิดตัวเป็นดาราเด็ก เป็นนักแสดงที่มีความสามารถสูงในวงการบันเทิง และเป็นนายแบบด้วย มีผลงานปรากฏบนหน้าจอทุกปี ผู้ชมก็ไม่เลวด้วย
ฟังจากคำพูดของเฉินอินหย่าในตอนนั้น ชัดเจนมากว่าฉินสุ่ยซาน ก็ชอบสวุมู่หัน
มู่น่อนน่อนยิ้มและตอบกลับไป “เธอกลับบ้านปีใหม่คนเดียว คุณวางใจเถอะ”
ฉินสุ่ยซานปากแข็ง “วางใจไม่วางใจอะไร ยัยบ้าเฉินอินหย่านั่นน่ะ ฉันว่าเธอไม่ได้แต่งออกหรอก!”
เฉินอินหย่าไม่ได้แต่งออกเหรอ
เป็นไปได้อย่างไรที่จะแต่งไม่ออก เพราะถึงอย่างไรเฉินอินหย่าก็รูปร่างหน้าตาไม่เลว พื้นเพตระกูลก็ถือว่าดีกว่าคนทั่วไป
“คุยกับใครอยู่”
ไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวเดินเข้ามาต้องแต่เมื่อไร
มู่น่อนน่อนรีบออกจากหน้าวีแชต เลื่อนปัดข่าวดูราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เพื่อน”
เฉินถิงเซียวนั่งลงตรงข้ามเธอ “มู่น่อนน่อน”
น้ำเสียงของเขาค่อนข้างจริงจัง ทำให้มู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเขา
“ก่อนอาหารเช้าใครโทรหาคุณ” เธอไม่พูด เขาจึงตั้งใจถามเธอตรงๆ
มู่น่อนน่อนไม่ปิดบัง “แม่ของฉัน”
“แล้วยังไง” เฉินถิงเซียวนึกถึงสายตาตอนนั้นที่ใช้มองเขา จึงคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าเซียวซู่เหอพูดอะไร
“แค่ถามว่าฉันจะกลับไปเยี่ยมปีใหม่ที่บ้านตระกูลมู่เมื่อไร แล้วก็เรื่องที่ท่านมาหาฉันก่อนหน้านี้” มู่น่อนน่อนในเวลานี้เป็นสีหน้าสบายๆ ส่งผ่านความหมาย
เฉินถิงเซียวหรี่ตามอง พินิจพิจารณาการแสดงออกของมู่น่อนน่อน แต่การแสดงออกของเธอกลับไม่มีอะไรผิดปกติ
แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าที่ตัวเองไล่เซียวซู่เหอในตอนนั้น แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้บอกมู่น่อนน่อนว่ามีปัญหาอะไร
เขาคิดขึ้นมาได้ว่าหมอเคยบอก อารมณ์ของหญิงตั้งครรภ์ไม่แน่นอน แปรปรวนได้ง่ายมาก
ทันทีที่คิดแบบนี้ เขาก็ไม่คิดอีกว่าทำไมจู่ๆ มู่น่อนน่อนก็อารมณ์ไม่ดี
“ไปเถอะค่ะ พวกเราไปอยู่กับคุณปู่กัน”
มู่น่อนน่อนดึงเฉินถิงเซียวไปหาคุณปู่เฉิน ซึ่งเฉินถิงเซียวก็ตามมา
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป เฉินเจียฉินก็ตามมาด้วย
“พี่น่อนน่อน เล่นไพ่กัน!” ไม่รู้ว่าเฉินเจียฉินไปเอาไพ่โป๊กเกอร์มาจากไหน
มู่น่อนน่อนยิ้ม “ได้สิ ฉันจะให้ญาติผู้พี่เธอช่วยฉันเล่น”
เฉินเจียฉินหน้างอทันที “….งั้นก็ช่างมันเถอะครับ”
มู่น่อนน่อนเล่นไพ่ไม่เป็น แต่เล่นลูกเต๋าเก่งมาก
ส่วนเฉินถิงเซียวนั้นไม่มีอะไรเลยที่ยากสำหรับเขา
“พวกแกไปเล่นกันแล้วคนแก่อย่างฉันจะทำอะไรล่ะ”
เพราะเป็นช่วงปีใหม่ สีหน้าของคุณปู่เฉินจึงไม่ได้เย็นชาจริงจังเหมือนแต่ก่อน กลับกันกลับอ่อนโยนและใจดี
มู่น่อนน่อนผลักเฉินถิงเซียวเงียบๆ ดันเฉินถิงเซียวเข้าไปหาคุณปู่เฉิน
เฉินถิงเซียวนั่งลงข้างคุณปู่เฉิน
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปโดยไม่ตั้งใจ ก็เห็นคุณปู่เฉินมองเธอด้วยรอยยิ้มเต็มดวงตา
มู่น่อนน่อนรู้สึกเขินเล็กน้อย จากนั้นก็ตามด้วยการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“พวกคุณคุยกับไปก่อนนะคะ ฉันจะไปห้องน้ำ” หลังจากตั้งครรภ์มักจะอยากไปห้องน้ำ
เธอพูดจบก็ลุกเดินออกไป
ที่จริงเธอไม่คุ้นเคยกับบ้านเก่า หลังจากคิดแล้วจึงตัดสินใจกลับไปเข้าห้องน้ำบนห้อง
เมื่อเดินขึ้นบันไดไปถึงหัวมุม ก็เห็นเฉินชิงเฟิงกับเฉินเหลียน
สองคนคนหนึ่งเดินนำคนหนึ่งเดินตาม แถมยังมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังเป็นระยะๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...