ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 325

มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็หันหน้ากลับไปทำอาหารต่อ

เฉินถิงเซียวเดินเข้าไปหา จากนั้นก็กอดเธอจากทางด้านหลัง ตอนที่พูดออกมาก็มีลมหายใจอุ่นๆ พ่นรดบนกระหม่อมของเธอด้วย “ทำของอะไรอร่อยๆ เหรอ?”

“ของชอบคุณทั้งหมดเลย” มู่น่อนน่อนที่ถูกเขากอดอยู่ จนทำให้ขยับตัวไม่ถนัด เลยใช้ข้อศอกในการกระทุ้งเขาเล็กน้อย “ปล่อยนะ อย่ามาเกะกะตอนฉันทำกับข้าวอยู่สิ”

มันช่างยากมากกับการที่เฉินถิงเซียวจะเชื่อฟังจนยอมปล่อยมู่น่อนน่อน และมองเธอทำกับข้าวอยู่ด้านข้าง

เขาหันศีรษะออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ตอนที่เพิ่งมาก็รีบร้อนมาก เลยไม่ได้สนใจเรื่องเวลาเลย

เมื่อเขากลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อดูนาฬิกา ก็เห็นว่าหนึ่งทุ่มกว่าไปแล้ว

นี่เขานอนขนาดนี้เลยเหรอ

พอตอนเดินกลับมาที่ห้องครัว มู่น่อนน่อนก็หยิบชามเตรียมตักข้าวแล้ว

เฉินถิงเซียวหยิบเอากับข้าวหลายอย่างที่วางอยู่ตรงอ่างล้างหน้าจัดวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องครัวเพื่อยกข้าวออกมา

ก่อนที่มู่น่อนน่อนจะมานั่งลงที่โต๊ะอาหารนั้น ก็อดไม่ได้จนต้องแอบอมยิ้มขึ้นมา

“หัวเราะอะไร?” เฉินถิงเซียวเหลือกตาขึ้น มองมาทางเธอ

มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ก็แค่รู้สึกว่าตอนนี้คุณเป็นพ่อบ้านมาก”

เฉินถิงเซียวเกิดอาการไม่พอใจกับคำพูดคำจาของเธอเลย “เมื่อก่อนผมไม่เป็นพ่อบ้านเหรอไง? ”

เมื่อก่อน?

เมื่อก่อนเฉินถิงเซียวเป็นคุณชายเต็มขั้น หยิ่งจองหองที่สุดเลย

ตอนที่พวกเขาอยู่ที่วิลล่านั้น เขาเคยเข้ามาในห้องครัวเมื่อไหร่กัน

มู่น่อนน่อนได้แต่เม้มริมฝีปากและยิ้มตรงมุมปาก ไม่ยอมตอบกลับ

เพราะให้เธอไปพูดจาโกหกมดเท็จ มันก็เป็นไปไม่ได้

เฉินถิงเซียวส่งเสียงงึมงำในลำคอ และเริ่มกินข้าวทันที

……

ช่วงโพล้เพล้งีบหลับไปสักพัก พอตกค่ำ มู่น่อนน่อนก็เกิดอาการนอนไม่หลับ

เธอนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงอยู่สักพัก จากนั้นก็ถามเฉินถิงเซียวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่เขาอยู่ที่เมืองM

“พวกของเสี่ยวฉินจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอคะ?” เฉินถิงเซียวพูดไว้ก่อนแล้ว ว่าเขาจะกลับมาก่อนคนอื่น

เฉินถิงเซียวยื่นมือออกไปโอบเธอเข้าสู่อ้อมอก “ออกเดินทางวันนี้ พรุ่งนี้ก็มาถึงแล้ว”

“เรื่องพ่อของเขา มันเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ใช่ไหม?” มู่น่อนน่อนก็เหมือนกับเฉินถิงเซียว ที่ยังคงสงสัยในเรื่องนี้

เฉินถิงเซียวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งมาแบบนี้”

มู่น่อนน่อนได้ยินน้ำเสียงที่มีความหมายเป็นอื่น เลยถามกลับ “แล้วคุณล่ะ? คุณคิดเห็นยังไง?”

“แล้วคุณรู้สึกว่าผมจะคิดเห็นอย่างไรล่ะ?” เฉินถิงเซียวก้มหน้าลง พลันยื่นมือออกมาบีบปลายจมูกของมู่น่อนน่อนเอาไว้

มู่น่อนน่อนปัดมือของเขาออก แต่เขากลับใช้นิ้วมือปีดขนตาของเธอ พลางถอนหายใจออกมา “ยาวขนาดนี้เชียว?”

มู่น่อนน่อนไม่ได้ลืมตา พลันหรี่ตาเพื่อหลบหลีกมือของเขา “คุณยาวกว่า ไปเล่นของตัวเองเลยไป”

น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวเริ่มหยอกล้อเล็กน้อย “ตรงไหนยาวเหรอ?”

มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตนเองถูกเฉินถิงเซียวทำให้เสียนิสัยไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นประโยคที่ฟังแล้วก็ไม่มีอะไรสองแง่สองง่าม แต่พอเธอฟังในสิ่งที่เขาพูดออกมามันกลับไปเป็นแบบนั้นไปเสียนี่

เฉินถิงเซียวเอนตัวลง เพื่อจ้องมองเธอ และถามกลับอย่างจริงจัง “ไม่ยอมพูดแล้วเหรอ? คุณกำลังคิดอะไรอยู่ ผมแค่พูดว่าขนตาของผมยาวไม่เท่าคุณเท่านั้นเอง....”

มู่น่อนน่อนกดเขาลงเตียงนอนทันที “นอนเลย!”

“รุนแรงขนาดนี้เลย”

“ยังมีรุนแรงกว่านี้อีก หรือคุณจะไปนอนบนโซฟา” หน้าด้านชะมัด!

เหมือนว่าเฉินถิงเซียวกำลังต่อปากต่อคำกับเธอ และพูดออกมาเฉยเมย “ห้องรับแขกไม่มีแอร์ มันร้อนมาก”

มู่น่อนน่อนขี้เกียจจะสนใจเขาอีกแล้ว เลยจัดการเอาผ้าห่มมาคลุมโปง และนอนหลับไปเลย

……

แม้ว่าเฉินชิงเฟิง หรือว่าญาติพี่น้องคนอื่นในตระกูลเฉิน ทุกคนต่างอาศัยบริษัทเฉินซื่อในการรักษาสถานะและชื่อเสียงเอาไว้ ดังนั้นทุกคนต่างสามารถลงมือทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ในเป้าหมายของตนเอง

เฉินถิงเซียวเพิ่งเข้าลิฟต์มา โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เมื่อหยิบออกมาดู ก็เห็นว่ากู้จือหยั่นเป็นคนโทรเข้ามา

โทรเข้ามาหาเขาตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของบริษัทเสิ้งติ่งทางนั้นแน่

เฉินถิงเซียวกดรับโทรศัพท์ และเอ่ยปากถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

น้ำเสียงของกู้จือหยั่นเริ่มผิดปกติเล็กน้อย แถมยังพูดอ้ำ ๆ อึ้งๆ อีกต่างหาก “นายกลับประเทศมาหรือยัง?”

เฉินถิงเซียวตอบกลับ “กลับมาแล้ว”

สือเย่เดินตามหลังเขาเข้ามา ตอนที่ประตูลิฟต์ปิดลง ในลิฟต์ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้แล้ว

รอจนเมื่อเวลาออกจากลิฟต์แล้ว เฉินถิงเซียวถึงได้โทรศัพท์กลับไปหากู้จือหยั่น

เฉินถิงเซียวเดินมุ่งหน้ามาทางห้องทำงาน และพูดว่า “เมื่อครู่ในลิฟต์ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ มีธุระอะไรก็พูดมาเลย”

กู้จือหยั่นที่อยู่ฝั่งนั้นเงียบไปชั่วครู่ ถึงได้ยินน้ำเสียงความสงสัยของเขาออกมา “นายไปเจอกับมู่น่อนน่อนแล้วหรือยัง?”

กู้จือหยั่นพูดมาถึลขั้นนี้แล้ว เฉินถิงเซียวจะเดาไม่ออกได้อย่างไรว่าที่กู้จือหยั่นโทรมาหาเขาก็เพื่อจะพูด เรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับมู่น่อนน่อนแน่

เฉินถิงเซียวหยุดฝีเท้าทันที หัวคิ้วขมวดจนเป็นปม น้ำเสียงสุขุมตาม “มู่น่อนน่อนเธอเป็นอะไรไป?”

กู้จือหยั่นที่อยู่ปลายสายก็จับความรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของเฉินถิงเซียวมีการเปลี่ยนแปลงไป เขาอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นาน จนใกล้เวลาที่เฉินถิงเซียวหมดอารมณ์ในการอดทนแล้ว คำก็ใช้คำพูดที่เร็วจี๋ในการพูดกับเขา “ฉันรู้ว่านายสนใจมู่น่อนน่อนมาก แต่ว่าผู้หญิงก็งี้แหละ บางทีก็เป็นแบบนั้น แต่ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะเหมือนกับเสิ่นเสี่ยวเหลียงของฉันนี่...”

เฉินถิงเซียวทนไม่ไหวกับการแสดงท่าทางของกู้จือหยั่นที่ยืดยาวเหมือนกับผ้าขี้ริ้ว จากนั้นก็พูดแทรกเขาทันที “รีบพูดประเด็นมา”

วินาทีนั้น กู้จือหยั่นก็ตอบกลับไป “มู่น่อนน่อนมีผู้ชายคนอื่นแล้ว”

หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที....

เฉินถิงเซียวที่อยู่ปลายสายเป็นน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะให้สือเย่ช่วยนายลงทะเบียนหาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองให้”

กู้จือหยั่นถึงกลับตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นถึงได้สติกลับมา “เฮ้อ ทำไมแกไม่เชื่อ ที่ฉันพูดมันคือความจริง ฉันมีหลักฐาน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม