กู้จือหยั่นที่อยู่อีกฟากของสายโทรศัพท์ได้ยินเฉินถิงเซียวเอ่ยแบบนี้แล้ว ในใจก็เอ่ยว่าไม่ดีแล้ว จึงอ้ำๆอึ้งๆว่า “เหอะๆ นายไม่ได้ไปโรงแรมกับน่อนน่อนหรือ ฉันยังมีธุระ วางก่อนล่ะ...”
น้อยครั้งที่กู้จือหยั่นจะวางสายโทรศัพท์ของเฉินถิงเซียวก่อน
กู้จือหยั่นโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งไป และต่อสายภายในหาเลขา กำชับเสียงเข้มว่า “ลบข่าวที่เกี่ยวข้องกับภรรยาเก่าของคุณชายเฉินบนอินเทอร์เน็ตออกให้หมด หลังจากนี้ถ้าหากว่าเห็นข่าวแบบนี้อีก ก็จัดการทิ้งเสียตั้งแต่กลางทาง”
คราวที่แล้ว ตอนที่มู่น่อนน่อนจูบกับเฉินถิงเซียวในรถก็ถูกปาปารัสซี่ถ่ายเอาไว้ได้จนเป็นข่าวขึ้นมา กู้จือหยั่นนึกว่ามู่น่อนน่อนสวมเขาให้เฉินถิงเซียว
แต่ในคราวนี้เขากลับนึกว่าคนที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับมู่น่อนน่อนหน้าประตูโรงแรมในรูปภาพคือเฉินถิงเซียว ดังนั้นถึงได้โทรศัพท์ไปสัพยอกเฉินถิงเซียว
แต่คำพูดของเฉินถิงเซียวนั้นชัดเจนมากว่านั่นไม่ใช่เขากับมู่น่อนน่อน
คราวนี้มู่น่อนน่อนสวมเขาให้กับเฉินถิงเซียวจริงๆหรือ
จากนิสัยของเฉินถิงเซียว เขาไม่เป็นบ้าก็แปลกแล้ว
กู้จือหยั่นครุ่นคิดดูแล้ว ก็รู้สึกว่าปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ ต้องไปหาเฉินถิงเซียว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็หยิบเสื้อคลุมขึ้นมาแล้วออกไปข้างนอก
......
หลังจากนั้นไม่กี่นาที มู่น่อนน่อนก็โทรศัพท์ไปหาเฉินถิงเซียวอีกครั้ง
ครั้งนี้โทรศัพท์ไม่ได้สายไม่ว่าง ในไม่ช้าก็ถูกคนกดรับแล้ว
“เฉินถิงเซียว”
“อืม”
เธอเรียกชื่อเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวก็ตอบรับ
ในใจของมู่น่อนน่อนนั้นกระสับกระส่าย เธอไม่มั่นใจว่าเฉินถิงเซียวจะเห็นประเด็นข่าวร้อนแล้วหรือไม่ “ฉันมีเรื่องจะอธิบายกับคุณ”
“มาหาผมที่บริษัทตระกูลเฉิน อธิบายต่อหน้า” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวเรียบเฉย “วางโทรศัพท์เถอะ”
มู่น่อนน่อนตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง ถึงรู้สึกอย่างเลือนรางว่า เฉินถิงเซียวอาจจะรู้เรื่องประเด็นข่าวร้อนแล้ว
ตอนนี้เองที่เถ้าแก่ยกซาลาเปามาให้มู่น่อนน่อน “คุณผู้หญิง ซาลาเปาของคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ” มู่น่อนน่อนจะมีเวลามาสนใจกินซาลาเปาได้อย่างไร เมื่อจ่ายเงินแล้วก็ลุกขึ้นเดินจากไป
ตอนนี้เป็นช่วงเช้าที่การใช้รถสาธารณะในเวลาเร่งด่วนยังไม่ผ่านไป มู่น่อนน่อนยืนอยู่ริมถนนอยู่นานก็ยังเรียกรถไม่ได้
จู่ๆก็มีรถสีดำคันหนึ่งมาจอดลงตรงหน้ามู่น่อนน่อน
มีคนที่ลักษณะเหมือนกับบอดี้การ์ดลงมาจากรถสองคน คนหนึ่งเดินไปเปิดประตูรถที่อยู่ด้านหลัง
ต่อมา ใบหน้าคุ้นตาของซือเฉิงหยู้ก็ปรากฎสู่สายตามู่น่อนน่อน
หลังจากที่ซือเฉิงหยู้ลงจากรถ ก็จัดแต่งชุดสูทบนร่างของตัวเองแล้วเลิกคิ้วยิ้มๆ “น่อนน่อน”
มู่น่อนน่อนหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่เอ่ยอะไร
“มาหาคุณเพราะมีธุระ คุณต้องไปกับผมสักรอบ” ซือเฉิงหยู้เดินมาถึงด้านหน้าเธอ รอยยิ้มบนใบหน้ายังไม่จางหายไป
มู่น่อนน่อนรู้สึกประหลาดใจ เพียงแต่ว่าไม่รอให้เธอมีปฏิกิริยาตอบสนอง บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ด้านหลังซือเฉิงหยู้ก็ก้าวเข้ามาคนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวาตรึงมู่น่อนน่อนเอาไว้แล้วพาเธอไปในรถ
มู่น่อนน่อนร้องเรียก “พวกคุณทำอะไรน่ะ! ช่วยด้วยค่ะ!”
หลังจากบอดี้การ์ดยัดเธอเข้าไปในรถแล้ว ก็ใช้เชือกมัดเธอเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมการตั้งแต่แรก
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแทบจะไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้
ซือเฉิงหยู้ก็ตามขึ้นไปบนรถเช่นกัน
บอดี้การ์ดสองคนนั่งอยู่ด้านหน้า คนหนึ่งขับรถ อีกคนนั่งในตำแหน่งข้างคนขับ
เมื่อคนทั้งหมดขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว รถยนต์ก็เคลื่อนตัว
“คุณออกไปเถอะ” เฉินถิงเซียวสั่งสือเย่
สือเย่ได้ยินแล้ว ก็พยักหน้าให้กับเฉินถิงเซียวแล้วหมุนตัวเดินออกไป
เฉินถิงเซียวโทรศัพท์หามู่น่อนน่อนอีกครั้ง
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่สองครั้งก็มีคนรับสายแล้ว
เสียงที่ดังจากอีกฟากของโทรศัพท์นั้นไม่ใช่เสียงของมู่น่อนน่อน แต่กลับเป็นเสียงอันคุ้นหูของชายหนุ่ม “ถิงเซียว พวกเรามาเล่นเกมส์สนุกกันสักเกมส์”
“ซือเฉิงหยู้?” เฉินถิงเซียวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที น้ำเสียงบูดบึ้ง
สือเย่เพิ่งจะเดินไปถึงข้างประตู ได้ยิน “ซือเฉิงหยู้” จากปากของเฉินถิงเซียวก็หันหน้ากลับมาทันที
ซือเฉิงหยู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ไม่ต้องตะลึงขนาดนั้น ฉันเพียงแค่เชื้อเชิญให้นายกับน่อนน่อนมาเล่นเกมส์ด้วยกันเกมส์หนึ่งเท่านั้นเอง เยือกเย็นหน่อย”
มือที่ตกอยู่ข้างกายเฉินถิงเซียวกำหมัดแน่น กัดฟันเอ่ยว่า “ให้มู่น่อนน่อนรับโทรศัพท์ของฉัน?”
ซือเฉิงหยู้เอ่ยยิ้มๆว่า “อยากจะพูดกับเธอ ก็มาหาเธอด้วยตัวเอง นายมาคนเดียวนะ...ติ๊ด...”
เฉินถิงเซียวคำรามด้วยความโมโห “ซือเฉิงหยู้!”
แต่เสียงที่ตอบกลับมา มีเพียงแค่เสียงสัญญาณไม่ว่างของโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไป
หลังจากซือเฉิงหยู้ตัดสายโทรศัพท์เขาแล้ว ก็โยนโทรศัพท์มือถือของมู่น่อนน่อนออกไปทางบานหน้าต่างรถต่อหน้าเธอ
“คุณ...” มู่น่อนน่อนเอ่ยออกมาคำหนึ่ง แต่ก็กลืนคำพูดที่เหลือกลับลงไป
“นึกว่าการแสร้งทำเป็นหย่าของพวกคุณต่อโลกภายนอกจะสามารถปิดบังทุกคนได้หรือ เฉินชิงเฟิงเป็นคนโง่ แต่ผมไม่ใช่”
ซือเฉิงหยู้จุดบุหรี่ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย สูดเข้าไปคำหนึ่ง และหันมาพ่นควันบุหรี่ใส่มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว ไอออกมา เธอได้ยินเสียงที่แสดงความสนใจอย่างสุดซึ้งของซือเฉิงหยู้ดังผ่านควันบุหรี่ “เกมส์เริ่มแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...